#ESRA_Roleplay
[ 7 FED | ร่มไม้หลังอาคาร ]
[โกงเวลา]
ในช่วงเช้าที่สดใสแสงแดดอบอุ่น บรรยากาศที่ชวนนอนเล่น [คุณ]กะจะใช้เวลาของตัวเองพักผ่อนเพียงช่วงคร่าว [คุณ]จึงเดินไปยังใต้ร่มไม้ที่คิดว่าคงไม่มีใครรบกวนคุณได้ และเหมาะอย่างยิ่งในการหลบสายตาผู้คน
ทว่าเมื่อคุณไปถึงกลับพบใครบางคนมาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
"เฮ้ๆ ที่นี่มีคนจองก่อนแล้วน้า "เขากล่าวด้วยน้ำเสียงกวนๆอันเป็นเอกลักษณ์
[ 7 FED | ร่มไม้หลังอาคาร ]
[โกงเวลา]
ในช่วงเช้าที่สดใสแสงแดดอบอุ่น บรรยากาศที่ชวนนอนเล่น [คุณ]กะจะใช้เวลาของตัวเองพักผ่อนเพียงช่วงคร่าว [คุณ]จึงเดินไปยังใต้ร่มไม้ที่คิดว่าคงไม่มีใครรบกวนคุณได้ และเหมาะอย่างยิ่งในการหลบสายตาผู้คน
ทว่าเมื่อคุณไปถึงกลับพบใครบางคนมาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว
"เฮ้ๆ ที่นี่มีคนจองก่อนแล้วน้า "เขากล่าวด้วยน้ำเสียงกวนๆอันเป็นเอกลักษณ์
Comments
"เห ไม่ทราบว่าที่นี่มีป้ายเขียนชื่อคุณด้วยหรือครับองค์ชายดีแลน~"
เมื่ออีกฝ่ายพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงกวน ๆ เขาก็ไม่วายทำเสียงกวน ๆ ตอบกลับไป
"เรามันก็อยู่ที่เดียวกันก็ให้ผมนั่งด้วยสิ ไม่งั้นก็ ให้ผมนั่งทับตรงที่องค์ชายเลยก็ได้น้า "
กวนมากวนกลับไม่โกง เพราะแบบนั้นพวกเราก็เลยเข้ากันได้ดีล่ะมั้ง ดีแลนไม่ถือสาอะไรพลางกวักมือเรียกซะด้วยซ้ำหากเป็นอีกฝ่ายเขาเองก็ยินดีที่จะแชร์ให้อยู่แล้ว
“นั่งทับนี่คิดราคาเพิ่มนะ”
แค่คำว่าคิดราคาเพิ่ม มันก็เหมือนกับการกระตุ้นให้เซฟิรอสผู้นี้ฝ่าฝืนคำพูดชัด ๆ
และใช่ เขาเดินดุ่ม ๆ ไปนั่งทับที่ขาอีกฝ่ายจริง
“อ่ะ ๆ คิดราคาเพิ่มผมก็ไม่เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่ครับ~”
ถคึงอีกฝ่ายจะมานั่งทับขา แต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้รู้สึกหนักอะไรเลย กลับกันดีแลนคว้าตัวล็อกอีกฝ่ายมากอดเอาไว้แน่นลากมานอนด้วยกัน
“ได้สิ ขอคิดราคาเพิ่มหน่อยน้าา “ ว่าแล้วก็จับอีกฝ่ายมาหยุมพุงเล่นให้สาแก่ใจ
ดวงตาเรียวหรี่ลง พลันมองหาชื่อแสดงความเป็นเจ้าของบนรอบสนามหญ้า
หล่อนถอนหายใจพลันเอียงคอเล็กน้อย
“ ไม่ยักรู้ว่าลงพระนามเอาไว้ “ นางฮวาประชดประชัน
เขาตอบกวนประสาทเธอไปแน่ล่ะเขาไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วกลับกัน อีกฝ่ายดูท่าจะอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เห็นหน้าตัวเองแล้ว~
ร่างของชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งชันเข่าจ้องมองเธอพร้อมกับรอยยิ้มเอกลักษณ์
“คิดถึงกันหรือไง?”
" ตราบใดที่มันเป็นพื้นที่สาธารณะ "
เธอกล่าวน้ำเสียงเนิบนาบ
ใบหน้าไม่ฉายอารมณ์ เพียงความหดหู่และเส็งเคร็ง
" คิดเช่นงั้นหรอกหรอคะ " หล่อนกระตุกคิ้ว
" ใช้ความปราดเปรื่องพิจารณาดูสิคะ "
หากเขาคิดได้ว่าเธอเพียงเดินกลับหลังจากหยิบยืมตำราจากหอสมุด
ดีแลนหยักคิ้วและมองเธอด้วยสายตาปนเอ็นดูนิดหน่อย จากมุมมองตอนนี้ของเขาเธอคงอยากจะต้องการพักหัวสักหน่อยถึงได้มายืนอยู่ที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านแบบนี้
“เหห~ แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง? หรือว่าเธอคิดจะมา‘เด็ดดอกไม้’ที่นี่เหรอ?~”
เขาหัวเราะแล้วตบพื้นเบาๆ
“อยากนั่งด้วยกันไหมล่ะ? ตรงนี้หญ้ามันนุ่มน้า~“
ดวงตาอสรพิษหรี่ตา
เหตุผลที่เธอผ่านมาเพราะมาอ่านหนังสือที่นี่แต่แรก ดังนั้นจึงพักอคติตนลง
“ อย่ารบกวน “ ว่าแล้วจึงหย่อนกายข้างต้นไม้
เขายิ้มรับปาก พลางจ้องมองเธอเดินลงมานั่งข้างๆ แต่ถึงเธอจะบอกว่าห้ามรบกวนแต่เธอก็ไม่ได้ห้ามอะไรนอกเหนือจากนั้นใช่ไหมล่ะ?
ดีแลนนั่งเท้าคางจ้องมองเธออย่างเดียวไม่พูดอะไร จ้องมองไปเรื่อยๆ....
จ้อง---
เคียร่ากำลังหาที่นั่งอ่านหนังสือเพื่อพักผ่อนหย่อนใจเหมือนอย่างเคย แต่ดูเหมือนที่ประจำของเธอจะมีคนนอนอยู่ก่อนซะแล้ว
ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ขุ่นเคืองอะไร เพียงแต่ทักทายเขาแทน
"ตรงนี้ฉันก็เผลอนอนลงบ่อยๆ เหมือนกันค่ะ สบายมากเลยใช่ไหม"
พอเห็นอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงท่าทีของดีแลนก็เปลี่ยนไปทันที เขาค่อยๆลุกขึ้นยิ้มหวานให้กับสาวสวยตรงน้า
“บังเอิญจัง มีที่ชอบมานอนเหมือนกันด้วย~ ”
“มานอนกับพี่ไหมจ้ะ~?” ดีแลนยิ้มกว้างหยอกล้ออีกฝ่าย
"ฉันยังไม่ง่วงนอนค่ะ"
เธอหัวเราะแห้งและมองหาช่องว่างที่จะทำให้เธอนั่งลงได้ และหากสังเกตดีๆ เธอไม่ได้ใส่รองเท้านี่นา...
"ถ้านั่งข้างกันจะดีกว่าไหมคะ อย่างที่เห็นว่าฉันอยากอ่านหนังสือ"
ดีแลนหัวเราชอบใจกับคำตอบเธอถ้าเป็นคนปกติคงจะพยายามหลีกหนีเขาแล้วล่ะ
"เจ้าหญิงน้อยแอบโดดเรียนมาเหรอ?" เขาตบพื้นข้างๆตัวเองเบาๆ ให้เธอมานั่งตรงนี้
"ตรงนี้หญ้ามันนุ่มออกนะ"
หญิงสาวหัวเราะในลำคอก่อนจะนั่งตรงพื้นหญ้าที่เขาแนะนำ
"ขอบคุณที่แบ่งปันพื้นที่ให้ฉันด้วยนะคะ เวลานี้ฉันไม่มีเรียน เลยเลือกอ่านหนังสือนอกเวลาค่ะ
จริงสิ... ฉันเคียร่า"
เขาเองก็ไม่ได้คิดจะปิดบังตั้งแต่แรก พอหญิงสาวลงมานั่งตามที่เขาแนะนำเขาก็เอนตัวนิดหน่อยว่าเธอคนนี้หยิบอะไรมาอ่านกัน?
“ดีแลน.. เรียกแค่ดีแลนก็พอ”
สรรพนามเยินยอเขาไม่ได้ต้องการมันหรอก เรียกแบบเป็นกันเองสะดวกเขากว่าเยอะ
เจเรเมียหยุดมองเพื่อนร่วมชั้นที่นอนอยู่ใต้ร่มไม้ ดวงตากวาดมองรอบๆ อย่างสำรวจ ก่อนพูดต่อ
“งั้นหรือ”
เขาไม่ได้มีท่าทีร้อนรนหรือคิดจะถอย แม้เสียงของดีแลนจะแฝงไปด้วยความกวนอยู่
“ฉันไม่เห็นชื่อเธอเขียนไว้ตรงไหน”
“แต่ถ้าไม่อยากให้ใช้ร่วมกัน ก็บอกมาได้“
เจเรเมียเอ่ยต่อ สายตานิ่งเฉย ไม่เร่งเร้าและไม่ได้ท้าทาย
“ฉันจะได้หาอีกที่หนึ่ง”
พูดจบก็รอดูปฏิกิริยาอีกฝ่าย
"อะไรกันนี่คิดจะโดดเรียนใช่เปล่า?"
คำพูดเชิงกวนประสาทเหมือนเดิมหากเห็นเขามาตั้งแต่ปี 1 ก็จะรู้ว่าตัวเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ทั้งหยิ่งและทนงตนสุดๆ
"ฮ่าๆๆ นี่ฉันต้องเขียนชื่อจองที่ด้วยเหรอเนี่ย? ถ้าเขียนจะเป็นการทำลายสถาบันหรือเปล่า?"
ดีแลนลุกขึ้นนั่งเท้าคางมองอีกฝ่าย
"อยากพักก็เชิญทางโน้น สปาของชนชั้นสูงไงผ่อนคลายดีนะ"
“ฉันไม่ได้โดดเรียน” น้ำเสียงไม่ได้แสดงความหงุดหงิดที่ถูกกล่าวหา
พอมองอีกที ก็นึกขึ้นได้ว่าคนที่มาถึงก่อนคงเป็นดีแลน เขาเลยเลือกจะยืนอยู่เฉยๆ มากกว่าจะเข้าไปแย่งพื้นที่
“ไม่ต้องเขียนชื่อจองก็รู้ว่าเธอมาถึงก่อน”
กระนั้นเจเรเมียก็ยังคงอยู่ที่เดิม เลือกจะยืนใต้ร่มไม้เดียวกัน
“แปลกจังนะ ดีแลน“
”ไม่ใช่ว่าชอบอยู่กับผู้คนหรือ“
ดีแลนยิ้มกว้างเขาไม่ได้อนุญาตแต่ก็ไม่ได้ไล่อีกฝ่ายออกไปจากตรงนี้เช่นกัน
ราวกับกำลังดูท่าทีอีกฝ่ายอยู่ด้วย
“บอกมาสิว่ามีอะไรทำให้ฉันรู้สึกสนใจงั้นเหรอ~?“
ความสนุก และไม่ไร้สีสันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ
เขาค่อยๆ ย่อตัวนั่งเอนหลังพิงต้นไม้ ราวกับไม่ได้ตั้งใจจะไปไหนง่ายๆ
“แต่เธอก็ยังอยู่ตรงนี้” เจเรเมียเหลือบมองอีกฝ่าย
“งั้นฉันต้องถือว่า ฉันผ่านการทดสอบแล้วรึเปล่า?”
ใบหน้าชายหนุ่มประดับด้วยรอยยิ้มจาง คล้ายจะหยอกเย้า ก่อนว่า
“แปลกใจต่างหาก ที่เธอมาอยู่คนเดียวที่นี่ตอนนี้”
เพราะดีแลนในสายตาเขา มักต้องถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนเสมอ
ดีแลนหัวเราะเสียงดังชอบใจ ยังไงเขาก็ไม่ได้เกลียดอะไรในตัวเองฝ่ายอยู่แล้ว แค่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่านั้นเอง
”อะไรกัน เห็นฉันเป็นคนเพื่อนเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?“
เขากล่าวแซวแล้วขยับไปนอนพิงใต้รากต้นไม้บ้าง
”คนเราก็ต้องมีชั่วเวลาอยู่คนเดียวบ้างนี่จริงไหม?“
เขาก้าวเท้าเดินหาที่นั่งพักไปพร้อมถูกพัฟบอลดุอยู่ตลอดทาง
"หากมันหลุดมือข้าจะหัวเราะให้" โยริเอลพัฟบอลขนนุ่มหน้าดุว่า
เขาหยักไหล่เบาๆ มือก็ยังคงขยับควงลูกเต๋าเล่นจนสุดท้ายมันก็หลุดมือจริงๆ
ลูกเต๋าทรงหกเหลี่ยมสองลูกลอยตกกระทบเจ้าพัฟบอลของคนที่นอนอยู่พร้อมอีกลูกที่กระทบโดนหน้าอีกฝ่าย
ตายละ...คนรู้จักด้วยสิ
"รุ่นพี่ดีแลน....ขอโทษด้วยครับ"
ดีแลนอุทานเบาๆ เอาจริงๆเขาก็ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ แค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้นแหละ
“อ่า~ ไม่เป็นไรๆ ” เขาลุกขึ้นมานั่งมองลูกเต๋าในกำมือ
“ลูกเต๋าสวยดีนี่~”
ว่าแล้วก็โยนกลับไปหาเจ้าของมัน
"ขอบคุณครับ ได้มาตอนไปคาสิโนรอบก่อน เห็นว่าทำจากอัญมณีที่มีค่าของประเทศแถบนั้น" เขาเอ่ยพร้อมเก็บมันลงกระเป๋า
"ว่าแต่รุ่นพี่เถอะครับ มานอนแบบนี้โดดหรอครับ?" เขาเอ่ยถามและย่อตัวนั่งลงให้สายตาเท่ากัน
ดีแลนกล่าวติดตลกตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาเองก็ไม่ค่อยใส่ใจการเรียนเท่าไหร่เลยแม้ตัวเองจะได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะก็ตามแต่ก็ยังปล่อยเกรดตัวเองตกอยู่เรื่อย แต่ก็ไม่เคยซ้ำชั้นหรือสอบตกเลยสักครั้ง
“พูดถึงอัญมณีเอามาทำลูกเต๋า ฉันเองก็อยากได้บ้างจังแหะ…เพื่อจะเอาไปเล่นมั้ง” เก็บไว้เป็นคอแลคชั่นอะนะ
"ฮ่ะๆโธ่ ฉันไม่แย่งที่ของดีแลนหรอกนะ เพราะงั้นก็เลยจะนั่งทับซะเลย"
หญิงสาวโค้งตัวลงมาเล็กน้อยตอบกลับเพื่อนด้วยรอยยิ้มทีเล่นทีจริงเหมือนอย่างเคย
"คามุยหลับสบายเลยนะ เธอมาหาที่นอนเล่นหรอ?"
ดีแลนกล่าวพร้อมชำเลืองคามุยไปด้วย ก่อนจะหันไปหาคอร์เดียที่บังเอิญโผล่มาจ๊ะเอ๋ตนแบบนี้ ก็ดูน่ารักดีไม่เปลี่ยนเลยยกเว้นความซนที่หายไปเยอะ
“ไม่มาลงนอนดูบ้างล่ะ? น้ำหนักของเธอจะเท่าไรกันเชียว?” ยิ้มยีหยวนกวนเหมือนเคย
อะ.. เมื่อเช้าอุตส่าออกมาเร็วขึ้นอีกหน่อย แต่สุดท้ายก็ยังได้เจอกันอยู่ดีหรอเนี่ย ”รุ่นพี่ดีแลน..“
เขาถอนหายใจ ทักทายอีกเพียงเล็กน้อย แล้วกวาดสายตาสำรวจซ้ายขวารอบๆตัวคนที่นอนอยู่โดยไม่สนใจการก่อกวนเล็กๆ ใบหน้ากลับมาปรากฏรอยยิ้มอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้าเคยขมวดมาเล็กน้อย ทว่า
ไม่เจอแหะ…
“ถ้างั้น ..ผมไปที่อื่นก็ได้ครับ“
เขาว่า คล้ายจะไม่อยากสาวความต่อ
“ฮั่นแน่~ อาแลนจะรีบไปไหน~!”
ก่อนที่อีกฝ่ายจะไปเขารีบลุกขึ้นมาคว้าเอวอีกฝ่ายไว้แล้วลากมานั่งตักแทน
“ท่าทีแบบนั้น กำลังหาอะไรอยู่ใช่ป่ะ~ ”
“ ให้พี่ช่วยหาไหม?~”
กอดไว้แน่น
ห๊า—?? ไม่ทันตั้งตัวรอยยิ้มก็เลือนหายไปอีกแล้ว แน่นอนว่ารุ่นพี่คนนี้ทำเขาเสียภาพพจน์ได้ตลอด
“ทำอะไรของพี่- ปล่อยผมนะ!“ ดิ้นขลุกขลักอยู่อย่างนั้นสักแปบ และแน่นอนว่าเขาแพ้ สู้แรงไม่ได้
ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อวานเขาผ่านทางนี้ บวกกับพัฟบอลตัวเล็กเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย คงไม่ได้เห็นตนที่นี้ตั้งแต่เช้า
”ริบบิ้น.. ของอีมี่-“ พูดไปก็พยายามขืนตัวขึ้นจากกอด เหนื่อยจนแทบลมจับ
เขายังคงกอดอีกฝ่ายไว้แน่น แต่แรงที่อีกฝ่ายพยายามดิ้นนี้น่ะ ออกจะเป็นแรงที่เล็กน้อยสำหรับเขาจะตาย
ดีแลนวางคางเกยไว้บนไหล่ของอีกฝ่าย พลางชำเลืองมองไปด้วย
รูมเมทกำลังมีปัญหาจะไม่ช่วยได้ไงจริงไหม?
” พี่ช่วยหาได้นะคนเก่ง~“
“ครับ.. เมื่อวานเขาผ่านมาทางนี้ ผมหาจนเหลือแค่ที่นี้—” เลือกที่จะเล่าสถานการณ์ให้ฟัง ไม่ได้ขอร้องหรือปฏิเสธความช่วยเหลือในที
พอระยะห่างลดก็ยิ่งขนลุกขึ้นมาตั้งแต่กลางหลัง พยายามเบี่ยงตัวหลบพร้อมเอามือดันหน้ารุ่นพี่ออกไปให้ไกล
“พี่ไม่ได้นอนทับใช่ไหมครับ?” ใช้จังหวะนี้หันหนีไปมองรอบๆ น่าขนลุกทั้งคำพูดและการกระทำจริงๆ
ทำหน้าตาประหลาดใจ พลางเห็นอกเห็นใจแบบสุดๆ? มือของเขายังคงกอดอีกฝ่ายไว้แม้จะถูกดันหน้าหนีก็เถอะ
“เห..นั่นสิ ยังไงกันน้าา ทับอยู่หรือเปล่าหว่า?” เพราะกอดอีกฝ่ายไว้ จึงทำให้อีกฝ่ายขยับตัวไม่สะดวกและเขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยเร็วๆนี้ด้วย
“เมื่อวานมาเล่นอะไรแถวนี้เหรอ?”
ซานถือโอกาสปีนขึ้นต้นไม้โดยหวังงีบสักไม่กี่นาทีก่อนเข้าเรียน ทว่าก่อนที่จะได้ปีน หางตาก็เหลือบไปพบเงาของคนที่อยู่อีกฝั่งของต้นไม้เข้า
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงหันไปส่งซิกกับพัฟบอลคู่ใจว่าไม่เป็นไร ก่อนยืนโน้มตัวเจรจากับเจ้าของเสียงทักทายที่นอนแผ่
“ แบ่งกันใช้หน่อยไม่ได้เหรอ ผมอยู่แค่แปปเดียวเดี๋ยวก็ไปแล้ว ”
เขาว่าด้วยท่าทางเป็นมิตร
น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อห่างตามองดูว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ดีแลนยังคงนอนอยู่ที่เดิมพลางยิ้มกวนประสาท
”อะไร? จะโดดเรียนอ่อ? “
”โดดเรียนมาเล่นเกมกันป่าว~“
เป็นรอยยิ้มที่ชวนให้คนมองรู้สึกกำหมัดได้เสมอเลยจริงๆ อีกอย่างช่วยลุกมาคุยกันดีๆหน่อยก็ได้ เวลายืนมันเมื่อย …
“ เล่นเกมเหรอ เกมอะไร? ”
ซานแสดงออกด้วยท่าทีสนใจ แถมคิดว่าเป็นไอเดียที่ไม่เลว เพราะคงดีกว่าการที่ตนนอนงีบเฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์
จากมุมมองของคนที่โดดแทบทุกคาบไปหาเรื่องอะไรสนุก คงจะเป็นประมาณนั้น
“นายอยากลองเล่นเกมเรือรบบ้างป่ะ ไม่สิ มีเกมหนึ่งนายอาจจะชอบ”
“….แต่นายชอบกาชาไหม?”
เอาเถอะ ก็ไม่ได้ปฎิเสธหรอก กลับกันแอบรู้สึกอิจฉาอีกฝ่ายที่ดูเหมือนมีอิสระ ทำอะไรได้ตามใจอยากมากกว่า
“ กาชา? ไม่แน่ใจว่าชอบมั้ย แต่ลองดูก็ได้ครับ ”
ซานแสดงสีหน้าอยากรู้ ก่อนลงไปนั่งยองๆข้างอีกฝ่าย
“ ทำไมไม่อธิบายกฎสักทีล่ะ หรือคุณอัฉริยะเกิดกลัวแพ้ขึ้นมา—? ”
เขาว่าพลางกระตุกยิ้มมุมปาก
เขากวักมือพาอีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วสอนโหลดเกมตรงนั้นเลย เกมนี้มีชื่อว่า มรสุมเรือรบโดยผู้เล่นจะเป็นเรือรบและต้องเดินเรือเพื่อจัดการฝ่ายตรงข้าม มันคือการวางแผนการรบทางทะเล ดีแลนเกริ่นไปเพียงเล็กน้อยพอมีโหมดฝึกสอนก็เข้าใจได้ไม่นานหรอก
(+)
“ ครับ งั้นผมไปละ “ เข้าก็แค่เดินผ่านมาไม่ได้คิดที่จะมานั่งเกลือกกลิ้งบนพื้นหญ้าสกปรกแบบนี้อยู่แล้ว
ร่างของเขายังนอนอยู่เฉยๆสบายอารมณ์ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ ชันเข่าตนเอง
“ เฮ้~ นั่นเป็นมารยาทในการทักทายราชวงศ์งั้นเหรอ? ”
เขาไม่ได้สนใจเรื่องพรรคนั้นหรอกตอนนี้เขาต้องการแกล้งอีกฝ่ายเท่านั้น
หลังมือถูกยกขึ้นบังแดดที่ส่องลงมา นัยน์ตาสีไพรินหลุบมองคนบนพื้นหญ้านิ่งๆ
ลมหายใจอุ่นถูกพ่นออกมาอย่างถอนใจ เธอนั่งลงข้างกายอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจ
"นี่ไม่ใช่ที่ของคุณคนเดียวเสียหน่อย เราจะนั่งพักตรงนี้ใครจะห้าม"
เธอเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอม แองเจิ้ลที่เกาะอยู่บนหัวของเธอเองก็บินไปแลบลิ้นส่ายก้นเช่นกัน
ดีแลนพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทกลับ เขาไม่ได้สนหรอกว่าเธอจะทำหน้าตายังไงตอนนี้ ก็เขานอนอยู่ตรงนี้ส่วนเธอมาทีหลัง ถ้าจะให้พูดล่ะก็เขาอยากเห็นเธอขอร้องมากกว่า จะน่ารักกว่าเยอะเลย
“ที่ที่เงาต้นไม้บังแดดได้ดีก็อยู่ตรงฉันนี่ ไม่ใช่หรือไง?”
ทว่าเธอก็ไม่ปฏิเสธคำเรียกนั้นอยู่ดี...
"งั้นนายก็ควรสละที่ตรงนั้นให้เราสิ"
เธอพูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจเล็กน้อย เรียกร้องให้ราชนิกุลหนุ่มสละที่ตรงนั้นให้
"ไม่ใช่ให้เราไปนอนบนตัวของนาย"
เธอขมวดคิ้วมุ่นปรายตามองคนที่นอนแผ่หราข้างๆกัน
“อะไร เธอจองไว้เหรอ? ก็เปล่านี่… พื้นที่สาธารณะไม่ใช่หรือไง?”
ความกวนประสาทที่ชวนให้คนอารมณ์เสียนี่ไม่มีใครเกิน ถึงอย่างงั้นเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นนั่งให้เธอขยับเข้ามาใกล้ตน
“แล้วอยากจะยืนต่อ หรืออยากจะนั่งกันล่ะ?”
"ขอบคุณ"
เธอเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ที่อีกฝ่ายขยับเว้นไว้ให้
"ขยับให้ตั้งแต่แรกก็จบแล้วแท้ๆ"เธอบ่นอุบเสียงเล็กเสียงน้อยเช่นเดียวกับแองเจิ้ลที่บ่นตามเจ้านายตน
"แล้วนึกอย่างไรถึงมานอนเปื่อยตรงนี้แต่เช้ากันคะ"
รอยยิ้มจริงใจถูกส่งให้ชายหนุ่ม
"ก็จะมีเห็นผลอะไรอีกล่ะ?"
กับไอเจ้าคนที่โดดเรียนเก่ง โดดเรียนประจำ แต่ยังสอบผ่านได้จนถึงตอนนี้
"ก็ตรงนี้มันสบายดีนี่น่าา"
จิวซินระหว่างเดินหาที่ๆนั่งสงบที่จะนั่งคิดเกมใหม่ๆ แต่ดันเจอคนที่ไม่อยากพบหน้าอันดับหนึ่งนอนอยู่ แต่เขาส่งดอกไม้ไปเตือนแล้ว คงไม่จำเป็นต้องเจอ แต่เจ้าพัฟบอลสีชมพูจอมเอาแต่ใจเหมือนเจ้านาย พอเห็นพัฟบอลคู่ปรับกำลังนอนน้ำลายยืด เลยบินพุ่งไปกะจะจัดการทีเผลอ ทำเอาจิวซินตกใจ
"เหมยลี่ กลับมาก่อน!"
รู้ตัวอีกทีก็มายืนที่ๆเจ้าชายหัวหงอกอยู่แล้ว ก่อนจะดึงเหมยลี่ออก เตรียมหนี
ดีแลนลุกมาคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ ผลันนึกยิ้มสนุกขึ้นมา เหยื่อมาเสิร์ฟถึงที่มีหรือเขาจะปล่อยไป
“ดูเหมือนเหมยลี่ของนายจะจงใจบินมาแกล้งคามุยของฉันตอนที่กำลังหลับอยู่นะ~“
”ไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหรอ?“
จริงด้วย เขาจะหนีทำไม แค่การพนันเล็กๆที่แพ้ไปก็เท่านั้น
"ท่านดีแลน เมทัล ฮาร์ท เราว่าท่านเข้าใจผิดไปแล้ว เหมยลี่ของเราเพียงแค่อยากเล่นกับเจ้าคามุยเท่านั้นเอง ท่านจะกีดกันมิตรภาพดีๆเหรอ?"
ก่อนจะส่ง ยิ้ม การ ค้าให้
"ดังนั้น เราว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไร หรือท่านอยากได้เงิน?"
“กลัวอะไรงั้นเหรอ?”
ดีแลนยักคิ้วจี้ใจดำอีกฝ่าย สายตาของเขากำลังสนุกกับท่าทีอีกฝ่ายสุดๆ
“ จริงสิตั้งแต่งานวันเต้นรำฉันก็ไม่ได้ติดต่อไปเลยนี่น่า…”
“พอดีเลยว่าจะคุยเรื่องนี้พอดี~”
“ผมไม่ยักรู้ว่าพื้นที่สาธารณะส่วนกลางของโรงเรียนจะสามารถจับจองกันได้ด้วย?”
วิสต์เดินมาพบเข้ากับอีกคนพร้อมหนังสือเล่มหนาติดมือและพัฟบอลประจำตัวโดยบังเอิญ
และเจ้าวัตต์มันก็พองขนทันทีแทบเป็นปลาปักเป้าเมื่อเห็นว่าเป็นใครเหมือนเคย
"ถ้าเป็นนายล่ะก็จะมานั่งข้างๆกันก็ได้นะ"
พอเห็นอีกฝ่ายเป็นคนรู้จักดีแลนก็รีบลุกขึ้นนิดหน่อยเป็นท่านั่งแทนจนพัฟบอลกลิ้งลงพื้น คลานขึ้นมาตาปรือเลย
"มานี่สิ..." ตบที่นั่งใกล้กับตัวเองปุ๊บๆ ไม่ได้สนใจพัฟบอลอีกฝ่ายเลย
แต่ก็ยอมนั่งลงข้าง ๆ อีกคนอย่างว่าง่าย
”วันนี้ดูผิดหูผิดตาแปลก ๆ นะครับ ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมเนี่ย?“
เกือบนึกว่าตัวเองลืมกินยาตอนเช้าไปแหนะ
พูดแบบนั้นแต่มือโอบเอวอีกฝ่ายไปแล้วเรียบร้อย แน่นอนทั้งเนียนและให้วัตต์เห็น
"ไหนๆเอาอะไรมาอ่านน่ะ?"
ส่วนเขาที่ตั้งใจมาอ่านหนังสือเงียบ ๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพียงแค่ตอบไปเรียบ ๆ
“เวทมนตร์น่ะครับ” ว่าแล้วก็เปิดหนังสือหน้าที่คั่นไว้มาอ่านต่อ
ทันทีที่สายตาจับจ้องตัวหนังสือก็เหมือนเข้าสู่สมาธิ พลางยกมือทัดผมที่ถูกลมพัดปลิว
แน่นอนอุดปากไว้ด้วย
“เห~ เวทย์มนต์เหรอ? นายอยากเป็นวิศวกรเวทย์มนตร์อย่างงั้นเหรอ? ”
เขายื่นหน้าเข้าไปอ่านโดยทำทีว่าสนอกสนใจ