#KMI_เปิดโรล โรลเปิด | แยกรูท
#KMI_VolunteerCamp
รึเขาจะทำความดีไม่ขึ้นกันนะ
ตอนแรกก็ช่วยเก็บขยะอยู่ดีๆ …ไม่ได้รวมกลุ่มกับใคร ไม่อยากไปเกะกะชาวบ้านที่กะตือรือล้นกว่าเขานัก แต่จู่ๆ ก็ปวดตาขึ้นเรื่อยๆจนลามไปขึ้นเป็นไมเกรน เลยต้องมานั่งพักแทน
รู้สาเหตุ แต่ไม่ได้พกยามา ให้ตาย
แสงมันจ้าจังนะ…
คงต้อง นั่งอยู่ตรงนี้สักพัก
(+สั้นๆ ได้นะครับ!)
#KMI_VolunteerCamp
รึเขาจะทำความดีไม่ขึ้นกันนะ
ตอนแรกก็ช่วยเก็บขยะอยู่ดีๆ …ไม่ได้รวมกลุ่มกับใคร ไม่อยากไปเกะกะชาวบ้านที่กะตือรือล้นกว่าเขานัก แต่จู่ๆ ก็ปวดตาขึ้นเรื่อยๆจนลามไปขึ้นเป็นไมเกรน เลยต้องมานั่งพักแทน
รู้สาเหตุ แต่ไม่ได้พกยามา ให้ตาย
แสงมันจ้าจังนะ…
คงต้อง นั่งอยู่ตรงนี้สักพัก
(+สั้นๆ ได้นะครับ!)
Comments
แต่ทว่าระหว่างที่กำลังเดินไปหาที่พักอยู่นั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคยจึงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที..
"มานั่งตากแดดอะไรตรงนี้ครับฟูมิ.."
เรียวตะโผล่มานั่งย่องๆลงตรงหน้าฟูมิอากิพร้อมกับร่มในมือที่มาบังแดดให้ฟูมิ
"ไหวไหมฟูมิ..?"
เหมือนว่าเขาจะห่วงไม่ใช่น้อยเลยจนแสดงออกทางสีหน้า
"เรี.... ชิมาโมโตะเหรอ?"
พยายามจะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่แค่ลืมตายังไม่ขึ้น แล้วขยับหัวก็ปวดร้าวไปทั้งกะโหลก
ยอมแพ้ ถอนหายใจเหนื่อยคอพับกับที่ "ก็... อยากจะไหวอยู่..."
"รอแป้บเดียว... เดี๋ยวก็หายครับ"
ไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก แต่เดี๋ยวก็รู้สึกดีขึ้นพอเดินไปกินยาได้
"เอานี้ดมยาดมก่อน"
เรียวตะเห็นอาการของฟูมิเป็นแบบนี้ก็แสดงความเป็นห่วงออกมาชัดเจน โดยเฉพาะน้ำเสียงของเขาตอนนี้
"ไปตรงจุดพยาบาลก่อนไหมฟูมิ?"
"น่าจะขอยาจากพวกอาจารย์ได้"
เขาพูดถามด้วยความเป็นห่วง มือก็เอายาดมขึ้นมาจ่อเข้าไปใกล้จมูกฟูมิแบบให้ดมยาดมก่อน
ดีที่เรียวตะรู้อาการเขาอยู่แล้วเลยไม่ต้องอธิบายมาก "แสงมัน..." บอกแค่นั้น
"จริงๆ... ยาผมเอามาอยู่ แต่อยู่ในกระเป๋า"
"กระเป๋าที่จุดพักน่ะ..."
แค่พูดแค่นี้ยังเหนื่อยเลย ปวดตาปวดไปทั้งในกะโหลก ไม่เคยอาการแย่ขนาดนี้มาก่อน ไอ้ตาเวรเอ้ย...
น้ำเย็นจัดแปะไปที่ใบหน้าของอีกคน ถ้าเงยมองขึ้นมาก็จะเห็นเธอที่ใส่หน้ากากฮีโร่สีแดงอยู่ รวมถึงมืออีกข้างก็ถือร่มบังแดดเอาไว้ให้เช่นกัน
「ดื่มน้ำหน่อยไหมฟุกิจัง ?」
สะดุ้งเพราะความเย็นโหยง ถ้ามีแรงคงหันไปโวยวาย
ปวดตาปวดหัวจนลืมตาไม่ขึ้น แต่จำได้ว่าเป็นเสียง..
"คุณ
"..ทสึกุมิ?"
ว่าแล้วก็กลับมาถามอาการของอีกคน พลางสังเกตไปด้วย
「ฟุกิจังไม่สบายหรอ ? ให้ผมพาไปพักตรงอื่นไหม ?」
ไม่เข้าใจแฮะ แต่คงเป็นโรลเพลย์อะไรสักอย่างสินะ
ปวดหัวคิดไม่ค่อยออก
ก่อนจะตอบคำถาม "อ่า... ครับ แสงจ้าเกินแล้ว... ปวดตาลามไปหัว"
"ต้องกินยา ...แต่ว่ามันอยู่ในจุดพัก"
แค่พูดจบเหมือนกินแรงไปเยอะมากจนต้องถอนหายใจ
「ผมเข้าใจแล้วล่ะ งั้นถือร่มให้ทีนะ」
ไม่รู้ว่าอีกคนจะถือไหวไหมแต่ก็ยื่นให้อีกคนไว้ก่อน ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นอะไร
「เพราะเดี๋ยวผมจะอุ้มฟุกิจังไปจุดพักเอง !」
ต่อให้อีกคนจะปฏิเสธเธอก็ยืนยันที่จะอุ้มไปอย่างแน่นอน
"ค-ครับ โอเคๆ" รับร่มมาถือโง่นเง่นๆ ต้องใช้สองมือกำเอาไว้ไม่งั้นคงหลุด
ก่อนจะร้อง "ห๊ะ"
ดังลั่นเหมือนลืมว่าป่วยอยู่ไปชั่วขณะ
รีบส่ายหัวว่า "ไม่ต้องๆ ครั-- โอ้ย" แล้งกรรมตามสนองท่ขยับไวไปทันที เจ็บในกะโหลกไปหมดจนต้องเอาหัวซุกเข่า พยายามหายใจดีๆ
"ไม่" พอรู้สึกดีขึ้นมาได้หน่อยก็รีบพูด "ไม่ต้องอุ้มครับ!
ดื้อตอบเลยอ่ะ
เสียงของเด็กหนุ่มผมสีแดงเอ่ยขึ้น พร้อมเดินเข้ามาหา มือยื่นขวดน้ำเย็นๆ ให้กับอีกคน
"ลุกไหวไหมครับ?"
"เดี๋ยวผมพาไปหาจารย์ให้ช่วยดูแลนะ"
พยายามจะเงยหน้ามองตามเสียง แต่ลืมตายังแทบไม่ขึ้น ฝ่ามือนวดที่ตาและหัวเรื่อยๆ
"อ่า.. ขอเวลาสักแป้บน่าจะ.. ลุกไหว" ละมั้ง... แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ ล่ะ
ก่อนจะรีบปฏิเสธ ไม่อยากรบกวน "แค่- ผมมียาอยู่ในกระเป๋าตรงจุดพัก" ที่อยู่ตรงนู้นเลย...
"ไม่เป็นไรหรอกครับ..."
"ต แต่ว่า ถ้ายังนั่งอยู่ที่นี่จะร้อนเอานะครับ"
"ยังไงก็ ให้ผมช่วยพยุงนะครับ"
เพราะจะให้ไปเอายามาให้ก็ไม่แน่ใจว่าจะหาเจอไหม จะให้อีกรอที่นี่ก็รู้สึกผิดถ้าเกิดอะไรขึ้น
"แบบนั้น-แบบนั้นก็ดีครับ" พยายามอย่างน้อยก็ยิ้มขอบคุณให้คนมาช่วย แต่มันออกมายิ้มแหยๆ มากกว่าเพราะความเจ็บ "รบกวนหน่อย นะครับ"
ว่าแล้วก็พยายามดันตัวลุก เน้นคำว่าพยายาม เพราะแค่ดันตัวขึ้นก็จะตายแล้ว สั่นเป็นหมาเปียก มือจับอะไรยันอยู่ยังไม่รู้เลย--
ขาของเรย์โตะสั่นระรัว ก่อนเขาจะเปลี่ยนความคิดเป็นใช้มือจับแขนของอีกคนช่วยพยุงเองแทน
"อย่างงี้พอเดินไหวไหมครับ" ถ้าอีกคนบอกว่าโอเค เขาก็จะเริ่มเดิน
อย่างน้อยก็ไม่โดนอุ้ม พอใจแล้ว
เปลี่ยนท่ากันเสร็จเกาะแขนอีกฝ่ายได้สักหน่อยจนรู้สึกพอทรงตัวได้ ก่อนตบๆ แขนเบาๆ เป็นสัญญาณแทนการพยักหน้า "ครับ เดิ- เดินได้เลย"
ในขณะที่โทวยะกำลังยืนพักเหนื่อยจากกิจกรรมอาสาอยู่นั้น เขาก็สังเกตบุคคลคุ้นหน้าคุ้นตาคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายเท่าไร...
ไม่สิ ดูไม่สบายเลยล่ะ !
" คาซึกิซังเป็นอะไรรึเปล่าครับ ! "
เขารีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับใข้ร่มที่กางไว้อยู่ของตนไปบังแดดให้อีกฝ่ายแทน
ใช่เวลานึกกว่าปกติอยู่พอควรกว่าจะนึกออก "คุณสึสึจิ..?"
"อา" ถ้าลืมตาขึ้นก็อยากเงยหน้าไปยิ้มให้อยู่นะ แต่ไม่ไหวนี่สิ "ได้อยู่ครับ... แค่ พักสักหน่อย จนกว่าจะเดินไปเอายาไหว"
มันต้องมีได้แหละ... มั้ง
เขาทวนตำพูดของอีกฝ่าย และถึงจะบอกว่า ' ได้อยู่ ' แต่จากสภาพที่เห็นแล้วไม่ได้จะได้แล้วนะ
" เออ...ค คุณปวดตาใช่มั้ย...ตัวผมพอจะมียาหยอดตานะครับ พอจะช่วยได้รึเปล่า..."
เท่าที่เขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับคาซึกิเหมือนจะมีปัญหาเกี่ยวกับสายตาจึงได้ลองถามไป และตัวเขาที่มีปัญหาทางสายตาเหมือนกันจึงพกยาหยอดตาเอาไว้ รวมถึงยาสามัญอื่น ๆ อีกด้วย +
" ล แล้ว อย่างน้อยตอนนี้ไปหาที่พักดี ๆ ก่อนนะครับ อยู่ตรงนี้ต่อตัวผมคิดว่าคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไรนะครับ 💦 "
แต่ก่อนจะถามไถ่อะไรอีกฝ่ายไปมากกว่านั้น เขาคิดว่าควรจะพาอีกฝ่ายออกจากที่ตรงนี้ก่อนดีกว่า
โผล่มาถือวิสาสะเอาเสื้อวอร์มที่ผูกไว้ตรงเอวตนมาบังแสงเหนือหัวเพื่อน
“คาซึกิไหวเปล่า? อยากกลับที่พักมั้ย”
เพื่อนร่วมห้องหน้าอึน ถามเสียงเบา
ตอนแรกก็นึกว่าเมฆ แต่ว่าคิดดีๆ นั่นมัน...
"คุณฮากะรึครับ?" ฟังแค่จากเสียง เขาไม่ได้มองขึ้นไป มองไปตอนนี้ก็ไม่เห็นอะไร
"...ก็ อยากจะบอกว่าไหวอยู่" พยายามพูดติดตลก ถึงจะตลกไม่ค่อยออก "แต่ ถ้าได้กลับไปทานยาก็คงดีขึ้นครับ"
“ไม่เป็นไรนะ งั้นกลับไปกินยากันเถอะ”
ว่าจบก็เอื้อมมือไปจับหมวกนายมาสวมไว้ที่หัวดีๆ แล้วแอบลูบปลอบผ่านสัมผัสเนื้อฟางนิดหน่อย
“ลุกเดินไหวเปล่า? หรือขี่หลังฉันดี?”
ยังไงอีกฝ่ายก็ตัวเล็กกว่าเธออยู่แล้วด้วย
"ไม่- ผมขอเดินเองดีกว่า" ให้ไปขี่หลังผู้หญิง ไม่สิ ใครก็ตาม คนอื่นมาเจอเขาคงอายจนวิ่งลงทะเลหายไปเลย
ก็เลยจะลุกเอง แต่ขยับทีก็ปวดหัวจี๊ดที ตาไม่ยอมเปิดเลยไม่รู้ว่าไปจับอะไรมายันตัวขึ้นอยู่บ้าง
ถอนหายใจเฮือกใหญ่พอยืนขึ้นมาได้แล้ว
"ขอ..." เหนื่อยอย่างบอกไม่ถูก "ยืน... แป้บนึงนะครับ" พยายามบอกกับฮากะ
แต่ไม่คิดจะส่งเสียงบอกหรืออะไร ( ´_ゝ`)
“อืม” รับคำเพื่อน
ขณะยืนรอก็พาดเสื้อนอกไว้ที่ไหล่พลางใช้หมวกตัวเองพัดไล่ไอร้อนให้อีกคน
บริการทุกระดับประทับใจ✨
ทั้งที่ไม่ต้องฝืนก็ได้แท้ๆ วัยรุ่นนี่น้า…
"ผมว่าผมไหวแล้ว" คิด...ว่า หยิบแว่นกันแดดลงมาใส่ด้วย "กระเป๋าผมในจุดพัก... เป้อันเล็กๆ สีชมพู มีเข็มกลัดรูปแมวดำด้วย หน้าโง่ๆ หน่อย" วาดบนอากาศให้ดูเป็น วงกลม กับ สามเหลี่ยมสองอัน
"ไปกันเถอะ..." ว่าแล้วก็ก้าวไปเองโง่นๆ เง่นๆ ทำตัวเก่งมาก ยืนยังไม่ตรงเลย (...)
มิคังที่กำลังเดินผ่านก็ชะงักแล้วรีบจ้ำอ้าวเข้ามาหาคนที่กำลังนั่งดูอาการไม่ดูอยู่ที่เก้าอี้
" ไหวมั้ยคะ "
" ร่ม! ไปอยู่ที่ร่มๆ ไม่มีแดดกันก่อนเถอะค่ะ ! "
น้ำเสียงที่พูดออกมาดูลุกลี้ลุกลนไม่น้อยเลยล่ะ
พอมีคนพยายามมาช่วย เขาพยายามจะเงยหน้าไปยิ้มบอกไม่เป็นไร ต่อให้ตอนนี้จะปวดหัวจนลืมตาไม่ขึ้น
"อ่า.. อยาก บอกว่าไหวเหมือนกันครับ" ว่าติดตลก
"จริงๆ... กินยาน่าจะดี...พอดีว่า" ว่าแล้วนวดไปที่หน้าปาดข้างที่ปวดไมเกรน แล้วตาก็ปวดร้าวไปหมดเพราะแสง
"เห็น-- ขอแว่นผมได้ไหมครับ?" หมายถึงแว่นกันแดดบนหัว ที่เหมือนจะลืมไปว่าอยู่บนนั้น
" ขออนุญาตนะคะ "
มิคังถือวิสาสะยื่นมือไปจับมือที่กำลังนวดหน้าผากอยู่ของอีกฝ่ายออกแล้วเอาแว่นบนหัวใส่ให้ดีๆ
" จริงด้วย "
" ให้ช่วยประคองพาลุกมั้ยคะ ? "
" แถวนี้มีร้านค้าอยู่ ที่ร้านน่าจะมียา ไปตรงนั้นกันก่อนเถอะค่ะ "
"จริงๆ--" ยกมอแย้งแทนการส่ายหน้า คิดว่าคงทำให้เจ็บกว่าเดิม "ผมมียาอยู่... ในกระเป๋าจุดที่พักน่ะครับ"
"เงินก็อยู่ในนั้นด้วย"
พูดจบอันนี้ปวดหัวจี๊ดอีกแบบ ทำไมเขาไม่พกกระเป๋ามาด้วยนะ... ให้ตาย
"แต่ ป-ช่วยประคองก็ฟังดูดีครับ ดีเลย ผมน่าจะลุกไหว.." ละมั้ง คำว่าละมั้งตัวใหญ่ๆ เลย
"นี่ ไหวไหม?"เรียกทักเพื่อสังเกตุอาการ
"ไม่ได้เป็นลมแดดใช่ไหม ไปหาที่ร่มๆนั่งพักไหม"เห็นว่าคุณถอดหมวกที่ช่วยบังแดดอกเลยถือวิสาสะหยิบใส่คืนให้ก่อน
"ค-ครับบ ขอบคุณนะครับ" พยายามเงยหน้าแล้วยิ้มให้ ถึงยิ้มจะแบะๆ ไม่เป็นฟอร์มก็ตาม ก่อนจะรับน้ำมาถือวไว้เฉยๆ
เดี๋ยวดื่มนะ ไว้เปิดไหวก่อน
ก่อนจะตอบ พยายามเล่าอาการตัวเอง "อ่า... อาจจะ...นิดหน่อย แต่ไม่ใช่ลมแดดๆ"
พูดแค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว ปวดไปทั้งกะโหลกเลยอ่ะ
ชั่งใจอยู่ว่าจะไปตามคนที่ถือกล่องพยาบาลมาด้วยดีไหม แต่กลัวว่าทิ้งไว้คนเดียวจะไม่ดีอีก จบลงที่ถอดหมวกตัวเองมาช่วยพัดให้อีกฝ่ายเงียบๆ
"ขอบคุณนะครับ" ว่าอีกครั้งแล้วถอนหายใจ พยายามจะเงยหน้ามาคุย แต่ก็ยังลืมตาไม่ขึ้น แว่นกันแดดเขาอยู่ไหนนะ...
"อ่า... คิดว่าตรงนี้ อยู่ใกล้จุดพักไหมครับ?"
"ยาผมอยู่นู่น เงินด้วย..."
"งั้นเธอนั่งรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้ บอกลักษณะกระเป๋ามาสิ"ในสถานการณ์แบบนี้นี่ก็คงเป็นทางเดียวที่พอจะทำได้
ถอนหายใจสั่นๆ เบาๆ ก่อนจะตอบ "เป้ อันเล็กๆ ครับ... สีชมพูอ่อนๆ ..มีหัวแมวดำปักไว้.."
"เขียนชื่อ... คาซึกิ ฟูมิอากิ"