“...”
เธอเองก็ไม่ต่างนัก ถึงคงรอยยิ้มไว้ก็เลือกที่จะไม่สบตาตรง ๆ นิ้วชี้จิ้มตัวโปโกะเบา ๆ ไปครา ส่วนใจนึกไปว่าควรจะต่อบทสนทนานี้อย่างไรดี
“แออัดจริงอย่างที่ท่านว่า”
เป็นเหตุผลให้เธอปลีกตัวออกมาที่ระเบียง
“...ถ้าเช่นนั้นเราคงไม่รบกวนการพักผ่อนขององค์ชายไปมากกว่านี้“
เธอเองก็ไม่ต่างนัก ถึงคงรอยยิ้มไว้ก็เลือกที่จะไม่สบตาตรง ๆ นิ้วชี้จิ้มตัวโปโกะเบา ๆ ไปครา ส่วนใจนึกไปว่าควรจะต่อบทสนทนานี้อย่างไรดี
“แออัดจริงอย่างที่ท่านว่า”
เป็นเหตุผลให้เธอปลีกตัวออกมาที่ระเบียง
“...ถ้าเช่นนั้นเราคงไม่รบกวนการพักผ่อนขององค์ชายไปมากกว่านี้“
Comments
“ ใช่ แออัด ”
“ เธอจะกลับไปที่ที่แออัดอีกทำไม ? ”
เยี่ยม เอฟิเลียน เป็นการพูดที่เยี่ยมยอด
เขาประชดตนเองในใจ “ ฉั- เรา ไม่อยากทำให้บรรยากาศเสีย ”
ก็ยังมีบางคนอยู่นอกระเบียง เอฟิเลียนเหลือบมองด้านอื่นขณะที่เบียทริซกำลังจะกล่าวลา
“ เราไม่ได้คุยแบบนี้กันนานแค่ไหนแล้ว ”
“เรา...ค่ะ ก็จริง..“
ทำได้เพียงแต่ส่งยิ้มเบาบาง หางคิวตกลงเล็กน้อย นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่อยากจะพูดคุยนักแต่ก็ทราบว่าหลีกเลี่ยงตลอดไปไม่ได้
”คงราวปีกว่า ๆ.. ถ้าเราจำไม่ผิด“
แน่นอนว่าเธอจำไม่ผิดหรอก
เว้นช่วงเงียบไปเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าจะควรพูดคุยต่ออย่างไร
+
“ปีกว่า” แม้เวลาจะผ่านมาเท่านี้แล้วก็ตาม
“นั่นสินะ” จากคนที่พูดมากก็แปลเปลี่ยนเป็นพูดน้อยในทันที
“ช่วงนี้ก็ เรื่อยๆน่ะ เธอก็รู้นี่เพิ่งจะเปิดเทอมเองน่ะเนอะ”
ระหว่างนั้นดนตรีภายในงานก็เริ่มบรรเลงเพลงขึ้น มือยกขึ้นเป็นเชิงเชื้อเชิญหลังบทสนทนานั้นลากยาวมานาน
หากปฎิเสธคงจะเสียมารยาทไม่น้อยเลยนะ
รอยยิ้มจึงเบาบางลง ยังไม่หายไปเสียทีเดียว
“ค่ะ เพิ่งเปิดเทอม...”
“...?”
เพราะไม่คาดคิดเลยดูจะชะงักไปหน่อย
แต่ก่อนที่จะได้ใช้เวลาไตร่ตรอง เธอยื่นมือออกไปหา ใจนึกถามคำว่า ทำไม? ซ้ำไปซ้ำมา
แล้วสุดท้ายก็เป็นฝ่ายแปลกใจเสียเองที่พบว่ามือของตนอยู่ในมืออีกฝ่าย
+
จะดีเหรอ?
เธอคิดแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
เพียงแต่ก้าวขาเข้าไปหา ลังเลสักหน่อยแต่ก็เลือกที่จะวางลงบนไหล่อีกฝ่าย ยังคงเลี่ยงการสบตา