#KMI_Nyugakushiki #KMI_เปิดโรล
ช่วงเช้าวันเปิดภาคเรียน | ลานซากุระ
หนุ่มน้อยผมสีอ่อนในชุดพิธีการเต็มยศตรงปรี่เข้าไปหา [คุณ] ท่าทางเขาดูกังวลเล็กน้อย แถมยังหันมองซ้ายมองขวาไม่หยุด ราวกับกำลังตามหาอะไรสักอย่าง
"อา.. ขอโทษทีนะ"
"พอจะเห็นหมวกพิธีการของผมบ้างมั้ย "
"เหมือนจะวางไว้แถวนี้แล้วจู่ๆก็.. หายไปซะดื้อๆเลย"
...ควรจะบอกเขาดีมั้ยนะว่าหมวกอยู่ที่ไหน
ช่วงเช้าวันเปิดภาคเรียน | ลานซากุระ
หนุ่มน้อยผมสีอ่อนในชุดพิธีการเต็มยศตรงปรี่เข้าไปหา [คุณ] ท่าทางเขาดูกังวลเล็กน้อย แถมยังหันมองซ้ายมองขวาไม่หยุด ราวกับกำลังตามหาอะไรสักอย่าง
"อา.. ขอโทษทีนะ"
"พอจะเห็นหมวกพิธีการของผมบ้างมั้ย "
"เหมือนจะวางไว้แถวนี้แล้วจู่ๆก็.. หายไปซะดื้อๆเลย"
...ควรจะบอกเขาดีมั้ยนะว่าหมวกอยู่ที่ไหน
Comments
หมวกงั้นหรอ?? เธอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นแล้วนะว่ามันอยู่บนหัวน่ะ
แต่พึ่งวิ่งมาหมาดๆทำให้ยังหอบอยู่เล็กน้อย เธอจังหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาไว้ใช้สำหรับเขียนแทน
แต่ของแบบนี้จะให้บอกกันตรงๆเลยก็ไม่สนุกสิ...
'บางทีนายอาจจะต้องมองหากระจกดูนะ^^' เขียนตัวบรรจงอย่างสวยงามลงไปอย่างรวดเร็ว
'คุณกระจกต้องช่วยได้แน่นอน'
ยูสุเกะอ่านข้อความที่ได้จากหญิงสาวก็คิดไปตาม ทำไมต้องไปให้กระจกช่วยล่ะ .. หรือว่า….
“มี..วิญญาณร้ายเอาหมวกผมไป.. ใช่มั้ย?”
เขากระซิบเสียงเบา หน้าตาตื่น ที่บอกให้ไปหากระจกเพราะจะได้เห็นสิ่งประหลาดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่างั้นสินะ..
'ไม่หรอก...นายอาจจะแค่เผลอทำตกที่ไหนสักที่เฉยๆ'
'เคยมีเรื่องเล่าว่ากันว่า ถ้ากระพริบตาสามครั้งก่อนส่องกระจกแล้วบอกว่าทำอะไรหายไป ท่านเทพที่อยู่ในกระจกจะช่วยตามหาล่ะ'
จะบอกความจริงก็สายเกินแก้ เลยกุเรื่องเล่าขึ้นมาใหม่เพื่อช่วยแถซะเลย... อย่างน้อยเชื่อว่าเป็นเทพแทนวิญญาณร้ายก็ยังดี
แล้วบนหัวอีกฝ่าย..ไม่ใช่เหรอนะ? หรือจะเป็นหมวกของคนอื่น?
อาจจะยืนคิดนานไปหน่อยกว่าจะตอบออกมา
"เอ่อ....ไม่แน่ใจครับ วางไว้ที่สุดท้ายที่ไหนเหรอครับ?"
ถามกลับไปแบบนั้นแต่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่หมวกตรงหน้า
เอียงหัวทำท่าครุ่นคิดแล้วชี้นิ้วไปยังม้านั่งที่ว่า แน่นอน ไม่มีหมวกบนนั้น
“ผมถอดวางไว้เพราะรู้สึกไม่สบายหัวน่ะ แล้วก็นั่งมองซากุระไปสักพักนึง แต่พอรู้ตัวอีกทีมันก็ หายไป…“
ยูสุเกะเล่าทุกอย่างที่นึกออกให้ฟัง ยกเว้นความจริงที่ว่าเขาใส่หมวกเข้าไปแล้ว เพราะเจ้าตัวเองก็ลืมไปซะสนิท
“…หรือคงจะโดนลมพัดปลิวไปแล้ว”
เขาถอนหายใจ หน้าตาดูหมดหวังลงกว่าเดิม
อาราตะฟังแล้วได้แต่ครุ่นคิด หรือนี่จะเป็นสิ่งลี้ลับที่เล่าลือ หมวกที่วางอยู่บนม้านั่งได้ไปสวมอยู่บนหัวอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว?
ก่อนที่จะคิดฟุ้งไปมากกว่านี้ เขายกมือขึ้นดันกรอบแว่นทีหนึ่ง
"คือว่า....ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ ผมคิดว่า..หมวกใบนั้นอยู่แถวนี้แหละครับ"
"ช่วยยกมือขึ้นทำท่าแบบนี้ได้มั้ยครับ"
ชูมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วทำท่าลูบหัว
หมวก?!??
“ไม่จริงน่า…” เขาตาตื่น หยิบหมวกมาถือดูให้ชัดๆเต็มตา ก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่ดูสับสน
“นาย.. เห็นมาตลอดเลยเหรอ ..บนหัวผมน่ะ” ถามเสียงค่อยพลางใช้หมวกมาปิดหน้าตัวเองไว้ หากสังเกตดีๆจะเห็นว่าใบหูเองก็แดงขึ้นมา ดูท่าจะอายมากทีเดียว
พอยิ่งตอบออกไปตรงๆก็ยิ่งรู้สึกผิดแฮะ..
“ขอโทษนะครับที่ตอนแรกไม่ได้บอก ผมแค่ไม่แน่ใจว่าเข้าใจผิดหรือเปล่านะ”
”ครับ?“
”หมวกหรอครับ..?“
เขาถามพลางเอียงคอสงสัย เพราะมันก็เห็นๆอยู่นี่นา..
”เหมือนคุณจะลืมไว้บนหัวนะครับ?“ ว่าพลางชี้ไปที่ศีรษะอีกฝ่าย
ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ยูสุเกะยกมือขึ้นแปะเข้าที่กลางหัวตัวเองเพื่อพิสูจน์
…ลืมหมวกไว้บนหัวจริงๆด้วย
“ต แต่เมื่อกี้นี้ผมถอดมันทิ้งไว้นี่ แล้วมันจะมาอยู่บนหัวได้ยังไง…“ เขาถอดหมวกเจ้าปัญหามาพลิกไปมา ดูอย่างกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“น่าอายสุดๆเลย… ขอโทษด้วยนะ! คราวหลังผมจะรอบคอบกว่านี้!“ เขาว่า ใช้หมวกปิดหน้าตัวเองเพราะความอายสุดขีด พร้อมก้มหัวขอโทษยกใหญ่
“ไม่เป็นไรครับ” เขายกมือปัดปฏิเสธ
“เป็นงั้นหรอ..” ฟังเรื่องราวพลางผงกหัวหงึกๆ ถึงปกติเขาจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องลี้ลับสักเท่าไหร่ แต่นี่มันชัดเลยนี่
“สงสัยคุณจะเจอเรื่องลี้ลับตั้งแต่วันแรกเลยล่ะมั้ง”
“ถือว่าเป็นโชคดีรึเปล่า?”
นิ้วชี้ยกขึ้นแตะๆ บนปีกหมวกตนเองให้ดู-- ก่อนจะพยักเพยิดไปทางคุณ
“อยู่บนหัวแน่ะ”
หมวกมัน อยู่บนหัว…
“..จริงด้วยแฮะ… อ๊า… น่าอายชะมัด…“
“ช่วยลืมๆมันไปเถอะนะ ขอร้องล่ะ! ขอโทษด้วยจริงๆ!”
ใบหูเริ่มแดงขึ้นด้วยความอาย เขาดึงปีกหมวกลงมาปิดตา ก่อนจะโค้งขอโทษที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาเห็นความซื่อบื้อของเขาเช่นนี้
ก่อนจะกระแอมน้อยๆ โบกมือปัดๆ ”ไม่เป็นไรหรอก-- ฉันไม่พูด นายไม่พูด คนอื่นก็ไม่มีใครรู้แล้ว“ น้ำเสียงยังเจือความขบขันจางๆ
“ฉันโอชิมะ ยูโตะ” จู่ๆ ก็แนะนำตัว จำหน้าอีกฝ่ายได้ว่าอยู่ปีเดียวกัน แต่ดันจำชื่อไม่ได้นี่สิ ไม่เคยคุยกันเสียด้วย
พึ่งรู้ว่าเป็นคนตลก รู้งี้น่าจะทำความรู้จักมาก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้วนะเนี่ย(…) “นายชื่ออะไรนะ?”
มันก็อยู่บนหัวเขาอยู่แล้วนี่...
อยากจะบอกตรงๆแต่คงทำให้เจ้าตัวเขินเป็นแน่
"อืม.... ได้ถอดทิ้งไว้ในห้องน้ำหรือเปล่าครับ?"
เขาตอบกลับไปเผื่อเปิดทางให้เจ้าตัวลองไปหาในห้องน้ำแล้วรู้ตัวผ่านกระจกสะท้อนอีกที
ปฏิเสธไปอย่างมั่นใจ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเหมือนตระหนักอะไรสักอย่างได้
“หรือว่า นายเห็นหมวกไม่มีเจ้าของอยู่ในห้องน้ำ?! คงมีคนหยิบไปสินะ…. โชคร้ายจริงๆ”
“แล้วเห็นอยู่ในห้องน้ำที่ไหนล่ะ ผมจะลองไปดูสักหน่อย”
ขอแค่ยืนยันความคิดบ้าๆบอๆของเขา เจ้าหนูหมวกหายนี่ก็พร้อมจะออกตัววิ่งไปดูทันที
"อืม เหมือนจะเห็นแวบๆในห้องน้ำแถววว.. ตึกโรงอาหาร?"
พูดไปด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนักว่าเรียกชื่อตึกนั้นถูกหรือไม่ แต่เห็นขายอาหารเยอะๆก็น่าจะใช่แหละ
“ถ้าเจอแล้วจะมาแสดงความขอบคุณอีกรอบแล้วกัน ไว้เจอกันล่ะ!“
ไม่รีรอก็ออกตัววิ่งไปตามสถานที่ที่ได้มา หลังจากนั้นคงพบหมวกตามที่บอกจริงๆ … ซึ่งคงเจออยู่บนหัวเขาเอง
เขายิ้มให้อีกฝ่าย แล้วยกมือขึ้นจับปีกหมวกของตนเอง
" ตรงนี้ "
" บนหัวของคุณครับ^^ "
“ม มันอยู่บนนี้มาตลอดเลยหรอกเหรอ?!”
เขาตาโต ใบหูแดงขึ้นมาเพราะความเก้อเขินที่ดันไปถามอะไรซื่อบื้อแบบนั้นออกไป
เขายิ้มให้พลางทำมือปัดๆ
หญิงสาวเรือนผมเงินหันไปทางต้นเสียง อีกฝ่ายดูกระวนกระวาย ที่แท้ก็กำลังตามหาอะไรอยู่นี่เอง.. ส่วนอะไรที่ว่ามันดันสวมอยู่บนศรีษะอีกฝ่าย เธอเหลือบมองขึ้นไปเป็นสัญญาณกลายๆ
“เหมือนจะอยู่ตรงนี้นะคะ..“ ปลายนิ้วจิ้มจึ้กๆที่หมวกอีกฝ่าย ก่อนมุมปากจะขยับยิ้มเล็กน้อย
“จ จริงเหรอเนี่ย..“ ทันทีที่รู้ตัวว่าเพิ่งเผลอทำตัวโคตรซื่อบื้อใส่หญิงสาวไป ยูสุเกะก็หน้าร้อนขึ้นมาจนถึงใบหู
”ขอโทษที่ทำให้เสียเวลาด้วยนะ! ผมผิดเองที่ไม่ยอมดูให้ดีๆ.. ขอโทษด้วยจริงๆ!“
เด็กหนุ่มก้มหัวตัวแทบขนานไปกับพื้น ในใจคงอายจนอยากเอาหน้ามุดดินหนีไปเสีย
“ไม่เป็นไรนะคะ ฉันเข้าใจ คุณไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ” เธอเอ่ยเสียยาว ปลายนิ้วเกาแก้มแก้แก้อ
“…เงยขึ้นเถอะค่ะ”