[ Feb 1 || เรือนกระจกแถวทะเลสาบคริสตัล เอลโวเรีย ]
19:05น.
...ท่ามกลางความมืดยามราตรีที่มีผืนทะเลสาบทอประกายคลอไปกับแสงจันทร์ เสียงเปียโนในท่วงทำนองแสนเศร้าดังก้องกังวาลเสริมความวังเวงให้รู้สึกขนลุกทุกคราที่ได้ยิน
ภายในเรือนกระจกแห่งนี้ทั้งมืดมิดและวังเวง มีเพียงแสงจันทร์สลัวที่ส่องเข้ามา
ดูเหมือนว่าเขาจะจดจ่ออยู่กับการเล่นเปียโนจนไม่รู้ตัวว่า [คุณ] ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
19:05น.
...ท่ามกลางความมืดยามราตรีที่มีผืนทะเลสาบทอประกายคลอไปกับแสงจันทร์ เสียงเปียโนในท่วงทำนองแสนเศร้าดังก้องกังวาลเสริมความวังเวงให้รู้สึกขนลุกทุกคราที่ได้ยิน
ภายในเรือนกระจกแห่งนี้ทั้งมืดมิดและวังเวง มีเพียงแสงจันทร์สลัวที่ส่องเข้ามา
ดูเหมือนว่าเขาจะจดจ่ออยู่กับการเล่นเปียโนจนไม่รู้ตัวว่า [คุณ] ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
Comments
ค่ำคืนสายัณห์เงามืดบดบังทุกหนแห่งเสียงดนตรีที่กึกก้องกังวาลตามทำนองแล่นไหลไปทั่วพื้นที่ เขาเดินตามเสียงที่คลอเคลีย
สายตาหันไปจ้องที่มาของเสียงที่กึกก้องไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาเผลอเดินเข้าไปใกล้แล้ว…
“…” สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าทักเพียงเฝ้าเสียงทำนองที่เล่นจนจบ
ไม่อาจรู้ได้เลย...ว่าเขาจะเล่นบทเพลงแสนเศร้านี้วนซ้ำๆทำไม
ดวงตาสีแดงโลหิตที่เจือสว่างด้วยสีทองคำประกายวาววับดุจสัตว์ป่าของเขาทอแสงท่ามกลางความมืดสลัวๆภายในเรือนกระจก ยิ่งขับให้บรรยากาศที่แห่งนี้น่าขนลุกมากขึ้นไปอีก
เขาหยุดงะชักเมื่อรู้ตัวก่อนส่งเสียงกล่าวชมเสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงโดยคนตรงหน้า
” ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ผมเผลอเดินมาตรงนี้..เป็นบทเพลงแสนเศร้าที่ทำให้แปลกใจเสียยิ่งกระไร “
เขายิ้มเบาๆ
” ผมเผลอมาขัดจังหวะคุณรึเปล่า…หากเป็นเช่นนั้นผมต้องขอโทษด้วย ”
เขายังคงเล่นบทเพลงต่อไปไม่ได้หันกลับไปมองยังชายผู้มาเยือน อาจเป็นเพราะรู้สึกได้จากคำพูดว่าพวกเขาทั้งสองคนมีอะไรที่คล้ายกันมากกว่าที่คิด
อาจจะเป็น 'แอ็ปเปิลแสนหวานที่อาบไปด้วยยาพิษ' เหมือนกันก็ได้
"คนแบบไหนกันขอรับถึงตรึงใจในบทเพลงแบบนี้"
เขาเอ่ยตอบกลับไป
ทำนองบรรเลงต่อไปไม่สิ้นสุดเสียทีแต่ความรู้สึกแล่นตามเวลาราวกับเศษเสี้ยวไม่อาจรู้ได้ว่าเขายืนฟังมานานเพียงใด
“ คนที่คุณพูดก็มีแค่ผมแล้วล่ะครับ…
ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนฟังกับคุณคงไม่ว่าอะไรนะครับ ”
"....."
ไรม์พยักหน้าเบาๆ2ครั้งเป็นสัญญาณว่าได้ เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่เป็นเก้าอี้ตัวยาวเขาเขยิบตัวเว้นที่นั่งด้านข้างให้อีกฝ่ายสามารถเข้ามานั่งได้
ครั้งล่าสุดที่มีคนนั่งข้างๆฟังเขาเล่นดนตรีแบบนี้...ก็หลายปีอยู่เหมือนกัน
ในฐานะหนึ่งในทายาทของตระกูลดยุก ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้ออกเดินทางมาเยี่ยมเยียนต่างประเทศที่อยู่ห่างออกไปจากอาณาจักรบ้านเกิด หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าย้ายเข้าหอพัก ช่วงกลางวันก็ออกไปเดินชมเมือง แวะเวียนซื้อของเพิ่มเติมเพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็เริ่มมืดเสียแล้ว
+
เสียงเปียโนจากที่ดังแว่วมาจากเรือนกระจกดึงความสนใจให้เขาเดินออกจากเส้นทางชมทิวทัศน์ เรือนกระจกงั้นเหรอ มีการแสดงหรือยังไง
+
ในขณะที่เขากำลังตัดสินใจอยู่นั้นเอง มือที่ป้องกับแก้วก็เผลอดันประตูเข้า เกิดเป็นเสียงขูดแหลมดังขัดกับเพลงขึ้นมา
แอ๊———ด
โอ๊ะโอ..
แม้คราแรกใบหน้าของไรม์ที่มองมายังต้นเสียงจะเป็นใบหน้าราบเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือเพื่อนสนิทที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยังเด็ก สีหน้าของเขาก็พลันแลดูผ่อนคลายลงทันที
"ดิเอโก้ คิดถึงข้าหรือไง เพิ่งเจอกันล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เองนะ"
เขาเอ่ยหยอกแกล้งดิเอโก้ดั่งเช่นทุกครั้ง
"บังเอิญมาเจอต่างหาก คิดอะไรถึงมานั่งเล่นเปียโนในที่แบบนี้ล่ะฮึ" เขาว่าพลางมองดูกระถางต้นไม้ที่วางเป็นระเบียบอยู่ด้านใน จนเดินมาหยุดตรงหน้าไรม์
"ไม่สิ ไปใช้ให้คนยกเปียโนมาตั้งในที่แบบนี้ได้ยังไงก่อนดีกว่า" เขาโน้มลงมองเปียโนหลังโต กะขนาดดูแล้ว ถ้ายกเข้าทางประตูหน้าคงจะยาก งั้นมาทางไหนล่ะนี่
คิดยังไงถึงมานั่งเล่นเปียโนในที่แบบนี้กัน
อาจเป็นเพราะที่อิคาอัส ในห้องนอนของเขาแม้ถูกประดับประดาตบแต่งไปด้วยเครื่องเรือนหรูหราที่ทำจ่กทองคำและอัญมณีทั้งสิ้น แต่มันทั้งมืดมิดและเงียบเหงาเหมือนกับเรือนกระจกแห่งนี้ที่แม้จะเต็มไปด้วยพันธ์ไม้สวยงามแต่กลับวังเวงไร้ผู้ชื่นชมก็ได้
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกเหนือไปจากการยียวนแกล้งหยอก
"แล้วเจ้าคิดว่าข้าเอามันเข้ามายังไงล่ะ"
ท่วงทำนองดังขึ้นท่ามกลางความมืดอันสงบ สตรีสาวสังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของบุรุษคนหนึ่ง นางที่ชื่นชอบในบทเพลงก็ไม่รีรอเข้าไปหาเพื่อฟังมันให้ชัดขึ้น โดยที่ตนก็ถือตะเกียงมาด้วย
“ เล่นดีจังเลยนะคะ~ ”
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาที่ด้านหลังของเขาเพราะไม่อยากให้ตกใจในการมาเยือนของตน
“ ฉันชอบทำนองที่คุณเล่นมากเลยล่ะค่ะ ”
"....."
โชคดีที่หญิงสาวผู้มาใหม่เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว ทำให้เขาไม่ได้ตกใจกับการมาของเธอ
เมื่อเห็นว่ามีแขก หากยังคงเล่นต่อไปทั้งแบบนี้คงเสียมารยาท แต่จะให้หยุดดื้อๆก็อาจทำให้เธอที่ชอบบทเพลงนี้รู้สึกไม่ดี เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเล่นวรรคสุดท้ายให้บทเพลงนี้จบลงอย่างสวยงามแทน
เขาคิดว่าอย่างน้อยก็เป็นการถนอมน้ำใจสุภาพสตรีผู้มาเยือนในระดับนึง
“ ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ! ”
น้ำเสียงสดใสเปล่งขึ้นหลังเสียงปรบมือของนางสิ้นสุด แม้คำชมนี้มันอาจเป็นคำชมที่เขาได้ยินจนชิน แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนแล้วนอกจากยอดเยี่ยม
“ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทดิฉันขอแนะนำตัวนะคะ ”
“ ดิฉันชื่อ ไอรีน วิลลิซ เรียกสั้นๆว่าอีนก็ได้ค่ะ หากคุณต้องการ ”
ในชีวิตนี้ไม่เคยมีใครพูดกับเขาว่า[ยอดเยี่ยมมาก]หรือ[ทำได้ดีมากเลย]มาก่อน คำที่เขาเคยได้ยินมีเพียง[ถ้าเป็นคาร์ลรีลก็ต้องทำได้อยู่แล้ว]กับ[ก็สมกับเป็นเจ้า]มาตลอด
คำชมเพียงไม่กี่คำของเธอนั้นมีความหมายกับเขามาก
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวแนะนำตัว เขาจึงลุกขึ้นยืนแล้วแนะนำตัวเช่นกัน
"คาร์ลเลเนียรีล รามซิสม์ เดอ ไอเคเชียส"
"ยินดีที่ได้รู้จัก ท่านไอรีน"
“ แล้วก็เรียกดิฉันสบายๆเถอะค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีคำว่าท่านหรอก ”
“ ฉันอยากให้คุณรู้สึกเป็นกันเองน่ะค่ะ ”
พอโดนคนอื่นนอกวังเรียกแบบนั้นแล้วไม่ชินเอาซะเลย จากที่ดูที่บ้านเขาก็คงจะเคร่งพอตัว ไม่เหมือนกับนางที่รักอิสระมากเกินไปเลยสักนิด
อีกอย่างเขาไม่แน่ใจว่าเธอมีอายุมากกว่าเขาหรือไม่ แม้ดูๆแล้วน่าจะอายุมากกว่า แต่ถามเพื่อความแน่ใจย่อมดีที่สุด
"เช่นนั้นย่อมได้ ข้าอายุ15ปี จะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่หากข้าอยากทราบอายุของท่าน"
ตรงหน้าคือภาพเบื้องหลังของใครสักคนซ้อนทับเปียโนหลังใหญ่ อาจเป็นเจ้าของกระบวนแสนโศกคอยเชิญเธอให้เข้ามายังเรือนกระจกหลังนี้
ภาพนั้นเด่นชัดขึ้นพร้อมดนตรีคอยโหมบรรยากาศให้แต่ละก้าวคอยหนักหน่วงขึ้นทีละน้— “อะ!!”
เสียงเล็ก ๆ ลั่นขึ้น หลังปลายเท้าติดเข้ากับร่องพื้นพานให้เสียหลักล้มลง สองมือรีบป้องปากคล้ายกลบเกลื่อนความผิด
หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนะ
----ตึ๊ง!
เสียงโน๊ตดนตรีหยุดชะงักไปดื้อๆ
ดูเหมือนว่าคนที่กำลังเล่นเปียโนอยู่จะรู้ถึงการมีอยู่ของเธอในที่แห่งนี้แล้ว
ทันใดนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมสถานที่แห่งนี้ ส่งผลให้บรรยากาศพาลวังเวงน่าขนลุกมากขึ้นไปอีก
เด็กหนุ่มหันซ้ายขวาช้าๆด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
...เขาดันกลัวผีน่ะสิ หวังว่าเสียงบางอย่างล้มลงเมื่อครู่จะเป็นเสียงของสิ่งที่มีชีวิตนะ
แม้ดึกแล้วแต่ก็มีแสงจันทร์สาดส่องอยู่อนาสตาเซียเดินมาพร้อมหนังสือนิทานพร้อมพัฟบอลคู่ใจหวังว่าจะได้เจอเจ้าชายในฝันดั่งในนิทาน
//สักพักได้ยินเสียงเปียโนที่ทำนองแสนเศร้า ตอนนี้พัฟบอลกลัวจนฉี่จะแตก
แต่ไม่เลยกับอีกคนรีบวิ่งหาเสียง
“นั่นไงสกวิชชี่ที่นี่ต้องมีเจ้าชายในฝันมาเล่นเปียโนแน่เลย“
พูดเสร็จพร้อมเดินเข้าเรือนกระจกเจอแล้วเจ้าชายในฝัน!!
//แอบย่องเข้าไป
แม้เจ้าหญิง(🤣)ผู้แสนซุกซนจะแอบย่องเข้ามา แต่เจ้าชายผู้ถอดแบบมาจากในนิทาน(🤣)ก็ยังไม่รู้ตัว
เรียวนิ้วยาวยังคงกดลงที่แป้นเปียโนเช่นเดิม ยามที่แสงจันทร์สาดส่องลงมา ยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาเด่นชัดมากยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่ว่าจะกะพริบตาหรือเผยอริมฝีปาก ทุกๆท่วงท่านั้นงดงามเหลือเกิน(เซอวิสน้องอนาสค่ะ🤣)
ใบหน้าอันหล่อเหลาอันคมกริบของชายในฝันกระทบกับแสงจันทร์ เขาช่างงดงามเสียเหลือเกิน บรรยากาศเหมือนในเทพนิยายเป๊ะ
//หันไปกระซิบกับพัฟบอลเบาๆและแอบเอาหนังสือเทียบฉากตอนนี้
“เห็นมั้ยสกวิชชี่เขาเป็นเจ้าชายเหมือนหนังสือนิทานเด๊ะ ครั้งนี้แหล่ะเป็นหนทางที่ชั้นจะได้เป็นเจ้าหญิง”
//กระซิบเบาๆไม่ให้ได้ยิน
...อา ใบหน้าคมคายหล่อเหลาของเขายามที่กำลังหันมานั้นคลอไปกับแสงจันทร์สลัว เส้นผมพลิวไสวไปตามแรงลมอย่างสง่างามยิ่งเป็นทรงผมตัดแบบแฟชั่นด้วยแล้วยิ่งเทสดีหล่อเท่เข้าไปใหญ่
"ใครน่ะขอรับ"
//โดนลมแห่งคนหน้าตาดีตีหน้าเข้าไป1ทีเกือบเป็นลม
“ข้าเองเข้าชายในฝัน ท่านมาเล่นดนตรีกะไรดึกดื่น แต่มันช่างไพเราะเหลือเกิน”
ระหว่างพูดสะบัดผมสีบลอนด์ทองสว่างให้ปลิวไปตามแรงลมพร้อมพรีเซ้นต์ตัวเองให้เหมือนในหนังสือนิทานมากที่สุด
“ตัวข้าแค่บังเอิญผ่านมาจริงๆนะไม่ได้โกหก”
//มีพิรุธเพราะตั้งใจเดินมา
" ........... "
ไรม์มองทุกๆอากัปกริยาของหญิงสาวตรงหน้าไม่วางตา จนเมื่อเธอพูดจบ ทั่วทั้งโรงเรือนกระจกก็ตกอยู่ในความเงียบงันราวกับเดธแอร์
เพียงครู่เดียว เจ้าของใบหน้าคมคายก็คลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย เขาวางแขนเท้ากับเปียโนพลางจ้องมองเจ้าหญิงตัวป่วนตรงหน้า
"..."
เขาไม่ได้เอ่ยคำพูดได้ เพียงแค่เท้าแขนยิ้มกรุ่มกริ่มจ้องมองเธออยู่แบบนั้น
ในมุมมืดถัดออกไปไม่ใกล้ไม่ไกล เงาหนึ่งพิงต้นไม้ใหญ่ สดับฟังท่วงทำนองนั้นอย่างนิงเงียบ
เธออยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ ตั้งแต่ตอนไหน มิอาจทราบ
เดาว่าคงเดินตามเสียงดนตรีมานั่นแล
หลังจากเพ่งมองจนรับรู้ว่าผู้บรรเลงนั้นคุ้นเคยกัน จึงไม่อยากเข้าไปรบกวนช่วงเวลาส่วนตัวนี้ ยืนนิ่งฟังอยู่เช่นนั้น
จนเมื่อดนตรีใกล้จบ จึงขยับตัวปรบมือให้แทนคำชม
"มืดเช่นนี้ ยังมองเห็นคีย์อยู่อีกหรือ"
" ---!!!?!! "
ทันทีที่ได้ยินเสียงของหญิงสาวผู้มาเยือน ใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ของเขาฉับพลันแปรเปลี่ยนในทันที
เขาหยุดทุกการบรรเลงแล้วหันไปหาซารีน
"ยุ่ง ใครเล่นให้เจ้าฟังไม่ทราบ"
สั้นๆ กระชับ น้ำเสียงเหวี่ยงๆ คิ้วขมวดเป็นปม ใบหน้าแสดงอาการไม่พอใจชัดเจน ใช่แล้ว...เขากำลัง 'งอน' เธออยู่
เขายังจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดเธอให้เขากินผักชีทั้งต้น😾😾😾
"ก็เจ้าไงเล่าเล่นให้เราฟัง"
เมื่อรับรู้การมีอยู่ของกันและกันแล้ว เธอจึงให้ตัวเองเข้าไปเท้าแขนบนเปียโนได้ เครื่องทองทั้งหลายสะท้อนแสงจันทร์ยามพ้นเงามืด
"บรรเลงได้ไพเราะนัก เล่นอีกสักบทเพลงให้เราฟังหน่อยได้หรือไม่ องค์ชาย"
เอ้านี่ ปากหวานสักหน่อย เผื่อจะหายงอน
"ซารีน!"
เด็กชายที่อายุน้อยกว่าขึ้นเสียงลั่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย
เขาโดนเธอแกล้งอีกแล้ว!
แต่งอนได้ไม่เต็มที่นัก พี่สาวตัวแสบก็ดันเอ่ยชมเขาซะได้
ชิส์ เป็นแบบนีทุกทีเลย😾
"ใช่สิ เดี๋ยวนี้ไม่มีของมาฝากแล้วนี่ ทีเมื่อก่อนยังมีขนมเลย"
อ่า ดูท่าจะงอแงเอาของกินไปซะแล้ว วงแขนแข็งแรงยกขึ้นกอดอก ใบหน้าเสมองไปทางอื่น
จะไม่เล่นจนกว่าจะได้ของกิน
"แบบนี้นี่เอง ทรงโปรดขนมจากพี่สาวสินะเพคะ~"
เสียงหวานนนนนนหยด ดีดนิ้วสองเป๊าะ พัฟบอลประจำตัวก็โผล่มาจากด้านหลังพร้อมช็อคโกแลตแท่ง ซารีนรับมาแกะซอง สังเกตสีหน้าของไรม์ไปด้วย ถึงจะมองไปทางอื่นแต่..ตาเป็นประกายแล้วสินะ
"ใครว่าไม่มีเล่า" พลางยื่นช็อคโกแลตให้
"นี่ไง รางวัลคนเก่ง" ทั้งชมและแซวไปพร้อมกัน
เด็กชายแค้นเสียงในลำคอพร้อมกับเหยอริมปากอ้าออกเล็กน้อย
จะให้ป้อนล่ะ😈!!
เสียงดนตรีจากเปียโนเป็นสิ่งที่นำทางให้เธอมายังในที่แห่งนี้ ในมือถือด้วยตะเกียงเป็นแสงนำ
เมื่อมองไปยังจุดที่คนนั่งเห็นก็เห็นได้ว่าเป็นคนที่คุ้นเคยที่รู้จักกัน
เธอได้แต่ยืนฟังเงียบ ๆ ไม่คิดจะขัดแต่อย่างใด รอให้เขาเล่นจนจบถึงได้เริ่มวางตะเกียงลงและปรบมือเบา ๆ อย่างชื่นชม พยามไม่ให้อีกฝ่ายตกใจมาก
"ยังเพราะเหมือนเดิมเลยนะคะ"
"เล่นได้ดีมากๆ เลยค่ะ"
คนที่ถูกชมหันหน้ามาหาหญิงสาวผู้มาเยือน เขาระบายรอยยิ้มบางๆพร้อมกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ
"ขอบคุณขอรับ พี่เซซิเลีย"
เมื่อดูชุดแต่งกายของเธอในตอนนี้อาจจะบางเกินไปสำหรับอากาศเย็นๆยามค่ำคืน
เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอดเสื้อโค้ทสีดำตัวนอกของตนออก เรียวขายาวก้าวมาหาเธอเรื่อยๆ
"ขออภัยที่เสียมารยาทขอรับ"
เขาสวมเสื้อโค้ทของตนคลุมไหล่เธอไว้หลวมๆพอเป็นพิธี
“โอ๊ะ น่ารักจริงๆ เลย ขอบคุณมากนะคะ”
ซิซิเลียเอ่ยพร้อมรอยยิ้มและรับเสื้อโค้ทของรุ่นน้องไว้กระชับขึ้นเพียงเล็กน้อย
“จะว่าไปก็ไม่ได้ยินเสียงเพลงที่คาร์เลเนียรีลเล่นมานานสักพักอยู่เหมือนกันนะคะ”
“เป็นเสียงที่น่าคิดถึงจริงๆ ค่ะ”
"ตกลงท่านคึดถึงเสียงเพลงของข้า หรือคิดถึงข้ากันล่ะขอรับ"
แม้จะพูดแบบนั้นแต่เขาเพียงหยอกเล่นเท่านั้นเอง
"ด้านในนี้ไม่มีอะไรให้ทำมากนัก ท่านสนใจไปเดินเล่นริมทะเลสาบกับข้าหรือไม่"
”หากจะบอกว่าคิดถึงทั้งคู่เลยละคะ“
และนั่นก็เป็นเพียงคำหยอกกลับ ไม่ได้คิดอะไรเช่นเดียวกัน เธอชอบที่จะคุยด้วยท่าทีสบายๆ
“ดีเลยนะคะ เราเองก็อยากชมบรรยากาศในยามค่ำคืนเหมือนกันค่ะ”
ว่าแล้วก็รอเดินไปพร้อมกับอีกคน
ทันใดนั้นได้ยินเสียงทำนองคุ้นเคยดังงเเว่วจากที่นึง
เเทบไม่คิดกังวลว่าเป็นสิ่งใด
เพราะคือบทเพลงที่ได้ฟังครั้งนานมาเเล้ว
บทเพลงเเสนไพเราะเเต่เนื้อความเเสนโศกเศร้า
คงเป็นเขา
" ไง ไม่ยักจะรู้ว่าเจ้ารับบทองค์ชายแสนโศกตั้งเเต่เมื่อไหร่นะ ไรม์มี่"
น้ำเสียงยียวนเอ่ยขึ้นหลังจากบทเพลงถูกบรรเลงไประยะนึงเเล้ว
องค์รัชทายาทว่าที่กษัตริย์องค์ต่อไปแห่งอาณาจักรอิคาอัส ผู้ที่แสนสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนก็ได้เอ่ยบางสิ่งที่สุดแสนจะช็อคโลกออกมา...
"แส่ไม่เข้าเรื่อง อย่ามาอยู่กับกุ้ง ไสหัวไปไหนก็ไปเลยไป"
(.......)
มีไม่กี่คนบนโลกที่ทำให้คาร์ลเลเนียรีล รามซิสม์ เดอ ไอเคเชียส พูดจาแบบนี้ออกมาได้
เขายังคงเล่นเปียโนต่อไปโดยจงใจเมินพี่ชายของตนที่เข้ามาหา
คอร์เดเลียแค่ออกมาทำธุระนอกโรงเรียนหลังจากจัดของในห้องพักใหม่เสร็จ เลยถือโอกาสแวะมาที่ทะเลสาบคริสตัลที่ไม่ได้มานานแล้วด้วย
แต่เมื่อได้ยินเสียงเปียโนดังขึ้นอยู่ไม่ห่างก็พลันขนลุกขึ้นมาทันที
ไม่ใช่...ใช่มั้ย...
เธอหันซ้ายหันขวา หวังว่าเธอจะเห็นใครอยู่แถวนี้ด้วยกันบ้าง และนั่นก็ทำให้เธอเห็นต้นเสียงเข้าพอดี
อ่า...แค่คนมาเล่นเปียโนนี่เอง...
คน..ใช่มั้ย...
ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นอยู่นานเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็เดินมาถึงในระยะที่ไม่ได้ห่างกันมากแล้ว
คนที่กำลังเล่นเปียโน...ดูคุ้น ๆ อย่างบอกไม่ถูก
เงาตะคุ่มๆสลัวๆภายในเรือนกระจกยังคงบรรเลงบทเพลงแสนเศร้าที่น่าขนลุกต่อไป แสงจันทร์สลัวสาดส่องเข้ามาทำให้เงาของเขายิ่งดูเลือนรางแปลกๆ
ท่ามกลางความมืดและเงาสลัว แสงสีแดงโลหิตเปล่งประกายออกมาจากดวงตาของชายคนนั้น ยิ่งดูเหมือนภูติผีปีศาจมากขึ้นไปอีก(แกงมาก💀💀💀🗿🗿🗿)
และเหมือนเขาก็ยังไม่รู้ตัวว่ารุ่นพี่ที่เขาคุ้นเคยก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
จากตอนแรกที่เธอคิดว่านี่อาจจะเป็นการแสดงอะไรสักอย่าง แต่เมื่อยิ่งเดินเข้ามาใกล้กลับไม่พบใครคนอื่นแบบที่หวังไว้ นั่นทำให้เธอเริ่มคิดจริง ๆ แล้วว่า...
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่พวกเดียวกัน...
จังหวะที่เธอกำลังจะหันหลังแล้วเดินกลับ แสงสีแดงจากดวงตาอีกฝ่ายก็ดึงความสนใจไปจนก้าวขาต่อไม่ได้
*ฟุบ*
เธอทรุดลงนั่งกับพื้นพร้อมกับเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้
ทันทีที่ได้ยินเสียง ไรม์หยุดทุกการกระทำแล้วนิ่งเงียบไปชั่วขณะ
เขาหันมองไปด้านหลังแต่ก็ไม่พบใครหรือสิ่งมีชีวิตใด หากที่แห่งนี้มีเขาคนเดียว มันก็ไม่ควรมีเสียงคนเหยียบกิ่งไม้สิ
ทันใดนั้นความคิดนึงก็ผุดเข้ามาในหัวเขา
'หรือสิ่งนั้นจะไม่ใช่คนกันแน่นะ'
แม้ใจอยากจะส่งเสียงทัก แต่อีกใจก็ค้านว่าอย่าทำ โบราณว่าไว้ได้ยินเสียงแปลกๆยามค่ำคืนห้ามทักเป็นอันขาด
"......"