[ #KMI_AyaTeru | เมืองคูเมอิ | สิงหาคม 2015 ]
"ไม่ว่ายังไงพี่ก็ไม่อยากไปเยี่ยมพ่อเลยหรือ"
"ผมพูดจริงๆ ที่ว่าพ่ออยากเจอพี่"
"เพราะเขาไม่เชื่อว่าฉันจะอายุยืนกว่าน่ะรึ?"
"พ่อเหลือเวลาไม่นานแล้ว ผมรู้จักพี่ดีนะ.."
".. ที่ผมขอ ไม่ใช่เพราะพ่อด้วยซ้ำーผมแค่ไม่อยากเห็นพี่เสียใจ"
ーถ้าเขายกยื่นไมตรีให้ทุกคนยกเว้นคนในครอบครัว แล้วเขาจะกล้ามองตัวเองในกระจกได้หรือเปล่า
"ไม่ว่ายังไงพี่ก็ไม่อยากไปเยี่ยมพ่อเลยหรือ"
"ผมพูดจริงๆ ที่ว่าพ่ออยากเจอพี่"
"เพราะเขาไม่เชื่อว่าฉันจะอายุยืนกว่าน่ะรึ?"
"พ่อเหลือเวลาไม่นานแล้ว ผมรู้จักพี่ดีนะ.."
".. ที่ผมขอ ไม่ใช่เพราะพ่อด้วยซ้ำーผมแค่ไม่อยากเห็นพี่เสียใจ"
ーถ้าเขายกยื่นไมตรีให้ทุกคนยกเว้นคนในครอบครัว แล้วเขาจะกล้ามองตัวเองในกระจกได้หรือเปล่า
Comments
เคารพความคิดของคุณพี่สาวค่ะ! 😤)
หลังเทศกาลโอบ้งจบไปไม่กี่วัน นาฬิกาข้อมือบอกเวลาสองทุ่มเศษ
เงาสองร่างนั่งบนพื้นหญ้า ดวงตาสีเดียวกันสองคู่ คู่หนึ่งทอดลงบนผิวน้ำ อีกคู่หนึ่งแขวนอยู่บนบุหรี่ในมือคู่สนทนา มองรอยเปื้อนสีแดงที่ก้นกรอง
เรือนผมสีอ่อนตัดกับเส้นผมสีดำเข้มอาจสะดุดสายตาคุณ
บนสนทนาอาจล่องไปถึงหูคุณ
(บวกได้จ้ะ👌 คนพี่เนียนรู้จักได้ ส่วนคนน้องเนียนว่าเคยเห็นหน้าที่ร้านได้)
ในแสงสว่างที่ไม่ได้จัดจ้านัก ไรระเห็นเรือนผมสีอ่อนก่อน
“อายานามิซังคะ“
ก่อนจะเห็นสีดำเข้มด้านข้างด้วย ไรระมองคนทั้งสองแล้วนึกถึงจานสีของเธอตอนที่ผสมสียังไม่เข้ากันดีนัก
คนข้างตัวเจ้าของร้านซลอนทีมีตัวตนอยู่เลือนจางในความทรงจำของเธอ เธออาจจำเขาได้ถ้าวาดรูปเขาสักหนหนึ่ง
ธุระที่จะกล่าวถอยกลับเข้าไปในคอด้วยความเกรงใจ “เอ่อ…กำลังยุ่งอยู่สินะคะ…”
ถึงจะมีใครสักคนนั่งอยู่ข้างๆ และอาจมีบทสนทนาที่เพิ่งจบไป แต่เขาไม่ได้มีท่าทีอนาทรร้อนใจ ก็เพียงแต่ส่ายหน้าให้เล็กน้อย
"ไม่ได้มีธุระหรอกจ้ะ" คำตอบถูกว่าไปง่ายๆ ระหว่างที่ลุกขึ้นยืนจากพื้นหญ้า ส่วนคู่สนทนาคนก่อนหน้าตอนที่ได้ยินคำตอบーเหมือนจะตวัดสายตาขึ้นมองด้านหลังของเทรุ คล้ายว่าไม่เชื่อสายตา? วิงวอน?
+
ก็เป็นตอนนี้เองที่คนข้างตัวขยับลุกขึ้นยืนบ้างเพื่อหลบเศษดินเศษหญ้าที่ส่วนสูงไล่เลี่ยกันーหรือถ้าพูดให้ถูก สูงกว่า เพราะไม่มีสิทธิ์พิเศษใดจากส้นรองเท้าーสีหน้าไม่รู้ว่ากำลังหงิกงอหรือเป็นเพียงสีหน้าปกติอยู่แล้ว
ไรระหยุดปากก่อนจะเผลอพูดธุระของตัวเองออกมา เธอถือกระเป๋าคล้ายกำลังกลับก็จริง แต่ริมแม่น้ำนี่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ทางผ่านเลยสักนิด
”อายานามิซัง…คุยธุระเสร็จแล้วหรอคะ?“
กอดกระเป๋า เหลือบมองทางคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้านิดหน่อยแล้วหลบตา เธอโกหกใครไม่เป็นเสียด้วยสิ
”ฟังดูเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องของหนูน่ะค่ะ เอ่อ แต่หนูไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะคะ…“
แล้วคนที่ถูกดันออกจากบทสนทนาจึงพยักหน้าลง เนื้อเสียงเรียบกริบไร้วี่แววอารมณ์กล่าวแนะนำตัวเช่นกัน "อายานามิ อากิระ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"ผมจะออกไปรอใกล้ๆ ถ้าคุณมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องคุย" ถึงจะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าจะก้าวออกไปจากที่เดิมสักนิด เขายืนรอที่ตรงนั้น ... เหมือนสุนัขสักตัวหนึ่ง
สายลมพัดผ่านทำให้เรือนผมสั้นสีเงินขยับไหวตามแรงพร้อมผืนน้ำพัดพาอะไรสักอย่างที่ผู้คนชอบแอบเอามาทิ้งให้ลอยออกไปด้วย
นัยน์ตาเยือกเย็นจรดบนหน้าตัดของแม่น้ำที่กำลังเริงระบำ รอยกระเพื่อมเป็นวงจากวัตถุที่ร่วงลงไปตามแรงโน้มถ่วงค่อย ๆ หายไป
โนกามิไม่ได้ใช้เวลานานนัก หากยืนบนสะพานและจ้องมองสายน้ำจากด้านบนนานเกินไป +
.
.
.
“ตอนแรกนึกว่ากลุ่มเด็กวัยรุ่นรวมตัวกันทำเรื่องยุ่งยากให้ผู้ใหญ่ซะอีก”
เสียงลึกของโนกามิเอ่ยทักสองร่างที่ตีนสะพาน เขาปรากฏตัวจากเนินด้านบนเป็นเงาที่แสงส่องไปไม่ถึง
+
“เห็นข่าวว่าช่วงนี้มีคดีน่ากลัวเกิดขึ้นละแวกนี้บ่อย ๆ ตีนสะพานในเวลาสองทุ่มเป็นจุดอับสายตา ไม่ควรมาอยู่แถวนี้” เขากล่าว
“ขอโทษที่เสียมารยาท แต่ในเมื่อเจอคนรู้จักจะให้ปล่อยผ่านคงไม่ได้ ไปนั่งที่อื่นไหมครับ”
"ข้อกังวลของคุณในวันนี้ไม่ใช่ค่าปรับสองพันถึงสองหมื่นเยนรึจ๊ะ?" เจ้าของเรือนผมสีอ่อนกว่าหันกลับไปมอง มือข้างหนึ่งยันลงบนพื้นหญ้าด้านหลัง ส่วนอีกข้างหนึ่งมีว่าที่ค่าปรับสองหมื่นเยนอยู่ระหว่างปลายนิ้วเช่นเคย
+
เค้าหน้าจะว่าคล้ายก็ไม่เชิง การแต่งกายยิ่งแล้วใหญ่ーมีเพียงการตัดเย็บละเอียดลออของสูทปกแหลมที่คงดูให้คล้ายคลึงกันได้ーแต่จะว่าไม่เหมือนกันสักอย่างก็ไม่ใช่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตาคู่นั้น มันคมกริบกว่าในเฉดสีเดียวกัน และจับจ้องไปคล้ายว่ากำลังพิจารณา
+