เมื่อตัดสินใจดังนั้นก็เดินจนหยุดชะงักกับต้นไม้ใหญ่ที่เธอตั้งใจจะนั่ง กลับปรากฏร่างของสาวที่เธอไม่รู้ว่าคือคนแน่มั้ย แต่ถ้าไม่ใช่ก็กะจะไม่ใส่ใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้เธอก็เห็นเพียงดวงตาที่สั่นระริกจนมั่นใจว่านี่คงเป็นคนแน่นอน…
“…ขอโทษนะคะ เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
ทั้งเงามืดสลัวไร้แสงไฟ เธอไม่อาจระบุได้จากสายตาว่าเธอคนนี้เป็นใคร แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียว
(ขอโทษที่มาช้าค่ามุแง่)
“…ขอโทษนะคะ เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
ทั้งเงามืดสลัวไร้แสงไฟ เธอไม่อาจระบุได้จากสายตาว่าเธอคนนี้เป็นใคร แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียว
(ขอโทษที่มาช้าค่ามุแง่)
Comments
"เปล่าค่ะ ก็แค่...พลุเสียงดังไปหน่อย"
เธอพูดเสียงเรียบ สายตามองไปยังจุดที่คู่สนทนาน่าจะยืนอยู่ แต่นัยน์ตากลับไม่ได้โฟกัสอะไรเลย เธอแค่ทำเหมือนว่าตัวเองกำลังมองอยู่เท่านั้น
เธอเอ่ยถาม กลบน้ำเสียงที่สั่นเท่าและแววตาตื่นตระหนกนั้นได้เจนกือบหมด แค่พยายามไม่ให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น
(ไม่เป็นไรค่าา)
“ใช่ค่ะ ฉันค่อยไม่ชอบดูที่คนเยอะๆเท่าไหร่น่ะ”
แม้ว่าเธอเองจะมองไม่ชัดว่าเธอคือใคร แต่ดวงตาสีพายุมองเห็นแววตานั้นชัดเจน
+
เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะถาม
หรือเพียงแค่อยู่ข้างๆเธอคนนี้ ดูเหมือนมีอะไรที่เธอกังวลเป็น’พิเศษ‘ในบริเวณนี้
”เธอแน่ใจใช่มั้ยคะว่าแค่กลัวเสียงพลุ“
แม้ท่าทีจะกลบเกลื่อนแต่น้ำเสียงนั้นคงไม่ใช่เพียงแค่กลัวเสียงพลุนั่นหรอก
"นั่นคงเป็นเหตุผลที่เราได้เจอกันสินะคะ"
เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อน กลบซ่อนความต่นตระหนกเมื่อครู่ไว้อย่างมิดชิด
"นั่นก็ส่วนหนึ่ง...."
เสียงนั้นเงียบไปราวกับกำลังพิจารณาอะไรอยู่ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
"คุณคงไม่ใช่คนที่จะพูดไปเรื่อยสินะคะ"
+
"ฉันมองไม่เห็นคะ แค่ตอนนี้"
"ต่ของฉันแพ้แสงสว่างมากๆ เหมือนแสงพลุเมื่อครู่"
"ตอนนี้มันเลยดับไม่ขั่วขณะค่ะ เดี๋ยวก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม"
เธอธิบายยาวเหยียด แต่ก็ไม่ได่มีน้ำเสียงสั่นเหมือนก่อนหน้าแล้ว