#ESRA_Starlit #ESRA_Roleplay
[ 3 FEB | 19:33 | หอเต้นรำ | โกงเวลา🕺 ]
หลังจากการได้แวะเวียนไปสนทนาหลายๆชีวิตในงาน เฟลิเซียตัดสินใจปลีกวิเวกเดินออกมายังระเบียงหนึ่ง ณ ที่แห่งนี้
หากใช่เพราะเหนื่อยหน่ายรึสิ่งใด เพียงแต่…
“มัน…พันยังไงเนี่ย-”
…. พอดีสายคล้องแว่นคู่ใจดันพันกับกิ๊บดอกไม้ที่ติดที่ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้น่ะ
(+)
[ 3 FEB | 19:33 | หอเต้นรำ | โกงเวลา🕺 ]
หลังจากการได้แวะเวียนไปสนทนาหลายๆชีวิตในงาน เฟลิเซียตัดสินใจปลีกวิเวกเดินออกมายังระเบียงหนึ่ง ณ ที่แห่งนี้
หากใช่เพราะเหนื่อยหน่ายรึสิ่งใด เพียงแต่…
“มัน…พันยังไงเนี่ย-”
…. พอดีสายคล้องแว่นคู่ใจดันพันกับกิ๊บดอกไม้ที่ติดที่ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้น่ะ
(+)
Comments
"ควรเปลี่ยนเป็นแว่นไม่มีสายคล้องจะดีกว่านะ หรือไม่ก็วานผู้ช่วยตัวน้อยของเธอมาช่วย"
"เพราะเมื่อเป็นฉันมาช่วย เธอจะต้องตอบแทนหน่อยนะ เฟย์"
เสี้ยงนุ่มลึกเอ่ยหยอกล้อแม่สาวน้อยตรงหน้าเขา
”ส่วนปุบเปะหายตัวไปตั้งแต่เดินเข้ามาในงานด้วยกันแล้วน่ะ เรียกก็ไม่มา“
ว่าจบก็หัวเราะแห้ง พัฟบอลที่ชอบของน่ารักเป็นชีวิตจิตใจตนนั้นคงเพลินอยู่กับการได้มองชุดเต้นรำสวยๆอยู่เป็นแน่ ว่าแล้วก็แอบน้อยใจชะมัด
”…เอ๋?“ และแล้วสมองก็เริ่มประมวลผลหลังจากได้ยินเงื่อนไขที่ว่า
มาไม้ไหนกันอีกละเนี่ย!
“…. ไม่รู้ว่าจะให้ได้ไหมแต่ เธออยากได้อะไรน่ะ”
"ให้อิสระเขาหน่อยเถอะ หากใช้งานเกินไปจะเก็บกดเอาเปล่าๆ พัฟบอลก็ต้องมีสังคมเหมือนกันนะ"
เขาตอบด้วยน้ำเสียงยินดี เสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยมือออกมาแถมยังมีแอบขยับตำแหน่งที่ประดับผมให้เลี้ยงการไปเกี่ยวพันกับสายแว่นตาด้วย
"คืนนี้จะช่วยเต้นรำกับฉันหน่อยได้รึเปล่า?"
เขาไม่พูดเปล่าแต่โค้งตัวให้เธอแล้วยื่นมือไปหา
นิ่งไปเล็กน้อยกับคำเชิญ สงสัยไปร้อยแปด แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความคิดที่ว่า
นั่นสินะ? จะเป็นงานเต้นรำได้อย่างไรหากไม่ได้เต้นรำกับคู่สักหน เพราะงั้น-
“เราเต้นรำไม่เก่งมากน่ะ”
“แต่ด้วยความยินดีค่ะ!”
เธอยิ้ม มือข้างหนึ่งวางลงบนมืออีกฝ่าย อีกข้างจับชายกระโปรงยกขึ้น ถอนสายบัวตามธรรมเนียม
"เพราะงั้นเราที่อ่อนหัดทั้งคุ่มาเรียนรู้ไปพร้อมกันก็ย่อมไม่เสียหายอะไร ถ้างั้นขอเสียมารยาทนะครับ เฟย์"
เขาส่งยิ้มให้เธอก่อนจะจับมือประสานกัน แล้วใช้มืออีกข้างวางไว้บนช่วงเอวของเธอ จากนั้นก็เป็นฝ่ายก้าวฝีเท้านำ เป็นจังหวะไม่รวดเร็วและนุ่มนวลราวกับใส่ใจคู่ของตนที่ไม่ถนัดการเต้นรำ
"จะเหยียบเท้าก็ได้นะ"
มืออีกข้างขึ้นประคองไหล่อีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆ เมื่อนึกกลับไปยังบทเรียนวิชาเต้นรำที่เคยร่ำเรียนมาลางๆ เท้าก็เริ่มก้าวไปตามจำหวะเพลงอย่างช้าๆ
“..ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเจ็บ- หวาย!”
เฟลิเซียขมวดคิ้วงง แต่เสียสมาธิไปเพียงครู่เดียวก็มากพอจะให้เธอก้าวพลาดเกือบเหยียบเท้าอีกฝ่าย
“…ขอโทษค่ะ”
เกือบเหยียบจริงแล้วไหมล่ะ
ซานโดรหันไปตามเสียง ซึ่งต้นเสียงก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน เขาฟังเรื่องของเธอมาตลอดทั้งปิดเทอม
"ได้อยู่แล้ว" เขาส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินไปข้างหลังเฟลิเซีย
"ขออนุญาตนะ"
ว่าแล้วก็บรรจงแก้พันให้อย่างเบามือ ซับซ้อนแต่ไม่นานก็หลุด
+
"ขอเวลาหน่อยนะเฟลิเซีย พันกันยุ่งมากเลย" <<เนียนถักเปีย
ยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอได้ยินคนข้างหลังพูดต่อก็สงสัย
“เอ้ะ พันมากเลยหรอคะ” แต่เพราะยังนึกว่านายแก้พันให้อยู่ ก็เลยไม่ได้พูดห้ามอะไรไป
…
“….จะว่าไปไม่ได้เจอเกอร์ทรูดสักพักแล้วค่ะ เธอสบายดีไหมคะ“
ช่วงปิดเทอมเฟลิเซียก็กลับบ้านเกิด รู้ตัวอีกทีก็ไม่เจอกันสักพักแล้วน่ะ
เจ้าตัวเอียงคอมองอย่างนึกสงสัย พอเห็นท่าทีของอีกฝ่ายแล้วก็เข้าใจสถานการณ์ทันที
"ได้สิครับ" รอยยิ้มบางปรากฏ
"ขออนุญาตนะครับ"
เขาเดินเข้ามาที่ด้านหลังของเลดี้ แล้วค่อยๆมองสายที่เกี่ยวพันกันจนคนเก็บทรงอย่างเขายังทำหน้ายุ่งตาม
เจ้าตัวบรรจงแก้สายนั่นอย่างเบามือแต่ดูเหมือนจะยุ่งขึ้นแปลกๆ?
"เอ่อ..นี่มัน..อาจจะกินเวลานานซักหน่อย.."
กล่าวด้วยน้ำเสียงโอดโอยเล็กๆ เธอพยายามประคองหัวตนให้นิ่งที่สุดพลางกล่าวขอบคุณพระเจ้าซ้ำๆในใจ
แต่จนเวลาผ่านไปนานขึ้น เฟลิเซียก็เริ่มนึกสงสัย บวกกับสิ่งที่คนข้างหลังพูดมาก็ยิ่งทำให้รู้สึกลนลาน
“อะฮ่าฮ่า! ได้เลยค่ะ!”
”…..“
“…แต่โอเคดีใช่ไหมคะ“ ด้วยความใจร้อนเล็กๆ จึงทำท่าจะเอื้อมมือไปจับบริเวณที่เกิดพันกันบ้าง ไม่รู้ตัวเลยว่าจะรบกวนรึไม่รบกวนอีกฝ่ายรึไม่
"อะ..เดี๋ยวนะครับ..มันอาจจะพันกันกว่าเดิม"
เสียงนุ่มเอ่ยท้วงเบา ดวงตาสีอ่อนจ้องมันอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว
(+)
"ถ้าจับตรงนี้...มาประคองไว้"
เพียงออกแรงดึงสายนั่นออกเบาๆมันก็..
"เรียบร้อยแล้วครับ"
และผลิยิ้มออกมา
เฮเลนเดินออกมายังระเบียงเพื่อที่จะมารับอากาศข้างนอก เพียงเหม่อมองท้องฟ้าได้ครู่เดียวก็มีเสียงเอ่ยทักขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั่นเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี
“ได้สิค่ะ”
ว่าจบเธอก็เดินไปข้างหลังของอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆแก้พันไปทีละนิด
“ขอบคุณมากเลยนะคะ… ไม่งั้นคงแก้พันเองทั้งคืนแน่ๆ“ ที่พูดออกไปอาจจะเกินจริงไปหน่อย แต่ก็คงใกล้เคียง
ระหว่างที่รออีกฝ่ายแก้พัน ในหัวก็นึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง
…
อ๋อ!
“พอดีว่าเราคุ้นๆหน้าเธอน่ะ เธอใช่อยู่ปีสามรึเปล่า ” ปกติก็คงจะแยกได้ง่ายๆจากเข็มกลัดที่เครื่องแบบ
“ใช่แล้วค่ะ” เมื่ออีกฝ่ายถามถุงเธอก็ตอบออกไปอย่างเจื้อยแจ้วพร้อมกับรอยยิ้มถึงแม้ว่าอีกฝ่าจะไม่เห็นมันก็ตาม
“เลดี้ก็อยู่ปีสามเหมือนกันหรอคะ?“
มิน่าล่ะถึงรู้สึกคุ้นหน้า
“เราชื่อเฟลิเซียนะ! เฟลิเซีย แลนโดลทซ์ค่ะ“ แนะนำตัวเองพร้อมเหลือบไปมองคนข้างหลังแล้วยิ้มให้ ‘คนที่โดนอาจารย์ตำหนิเรื่องคะแนนในคลาสบ่อยๆ’ อยากจะแนะนำตัวเพิ่มอย่างนั้น แต่ก็คิดว่าแบบนี้คงดีกว่า
”ยินดีที่ได้พบนะคะ“
ไม่นานสายคล่องแว่นก็ถูกคลายออก รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว
“เรียบร้อยแล้วค่ะเฟลิเซีย”
เมื่อปัญหาคลี่คลาย ก็หมุนตัวกลับไปหาอีกฝ่าย ยิ้มกว้าง
”เราเองก็ดีใจที่ได้รู้จักเฮเลนเช่นกันนะ!“
“ขอบคุณมากเลยจริงๆที่ช่วยเรา ถ้าเกิดว่าอยากให้ตอบแทนอย่างไรก็บอกได้ตลอดเลย“ ว่าจบจึงถอนสายบัวเร็วๆตามประเพณี ถึงจะดูทางการน้อยไปหน่อย แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
ซาร์นายเดินผ่านมาพอดีกับที่หญิงสาวกำลังอับจนหนทางถามหาความช่วยเหลือ เท้าหยุดกึก เดินกลับมาชะโงกดูว่ามีปัญหาอะไร
"โอ้โห นี่มันพันกันหนักน่าดูเชียวนะ"
อยู่ๆก็เจอพัซเซิลกลางงานเต้นรำ
เฟลิเซียทำหน้าเหวอ โอ้พระเจ้านี่มันแย่กว่าที่คิดไว้เสียอีก แม่สาวเริ่มลุกลี้ลุกลน
“ทำยังไงดี ทำยังไงดี”
“แกะกิ๊บดีไหมนะ หรือถ้าแกะไม่ออกต้องทุบทิ้งคาหัวไหม หรือ….”
”…..ฮ้า“
เฟลิเซียพึมพำไปมากับตนเอง เพื่อเรียกสติหรือเพื่อให้เสียสติกว่าเดิมก็ไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆเธอจบด้วยถอนหายใจยาวออกมา
แล้วจึงหันมองเพื่อนหนุ่มด้วยสายตาวิงวอน
”ซาร์นายช่วยเราทีได้ไหม…“
เห็นอีกฝ่ายลุกลี้ลุกลนขนาดนั้นก็หน้าเหวอ "ใจเย็นๆก่อน เดี๋ยวเราลองเอาออกให้ เอาล่ะ อยู่นิ่งๆไว้ก่อนนะ"
ยกมือปางค์ห้ามญาติที่อาจจะไม่ได้ช่วยให้ใจเย็นลง แล้วก็เดินอ้อมไปแก้พัซเซิลที่ด้านหลัง จากองค์ชาย ตอนนี้เปลี่ยนอาชีพเป็นนักกู้ระเบิด หาสายสีที่ถูกต้อง
"เอ่อ..."
"มันน่าจะต้องเริ่มจากเส้นนี้...อ้อมทาง..นี้?"
“ด-ได้เลย โอเค” เธอพยายามยืนนิ่งให้ได้มากที่สุด ตอนแรกนึกว่าเป็นเพียงปมเล็กๆ พอรู้ว่าเป็นพัซเซิลระดับยากสุดเลยตกใจเสียเกินเหตุ
เอาน่าท่านชาย การจะเป็นเจ้าชายที่เพอร์เฟคก็ต้องรู้วิธีกู้ระเบิดเอาไว้ไม่ใช่รึ <-???
“หรือจริงๆ แกะออกมาจากผมเลยก็ได้นะ…”
เพราะมองไม่เห็น เลยทำได้แค่แนะนำแบบมั่วๆน่ะ
เขาใช้เวลางัดแงะระเบิดอยู่ครู่หนึ่งก็ดึงเอาสายแว่นออกมาได้ น่าเสียดายที่ทรงผมมันไม่ได้เนี้ยบนิ้งอย่างที่ควรจะเป็น หลังจากพินิจพิจารณาแล้ว...
"เอ่อ ผมมันยุ่งน่ะ"
"ถ้าไม่ถือสา ขอเราแก้ผมให้ได้ไหม อย่างน้อยให้ปอยชี้ๆนี่หายไป"
…
หลังจากระเบิดถูกกู้เรียบร้อย เฟลิเซียก็ถอนหายใจเบาๆอย่างโล่งอก จะไม่กลัดกิ๊บนี่อีกแล้ว!
”อ้ะ ยุ่งมากเลยหรอ“
อุทานขึ้นมาด้วยความเสียดาย แต่เมื่ออีกฝ่ายเสนออย่างนั้นก็กลับลังเล
”เราเกรงใจจังเลย“
ทั้งที่เรื่องแบบนี้น่าจะเป็นหน้าที่พัฟบอลแท้ๆ
…ว่าแต่ปุบเปะหายไปไหน
”แต่ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป…“
“ ขออนุญาตนะครับ ”
เขาเดินอ้อมไปด้านหลังตามที่เด็กสาวขอ แกะสายสร้อยที่พันอยู่ซักพักก็เรียบร้อยดี โชคดีของเขาที่เห็นเครื่องประดับมาเยอะ จึงสามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว
“ เรียบร้อยครับคุณเฟลิเชีย ”
ตนจับสายคล้องวางลงกับลาดไหล่บางเบา ปัดปอยผมที่ปรกอยู่ให้พ้นทาง
“ ผมแนะนำให้คุณมัดผมใหม่ดีกว่า ลองให้พัฟบอลของคุณช่วยดู ”
แต่อีกใจหนึ่ง เพราะเป็นอาจารย์นี่แหละ จึงรู้สึกว่าวางใจได้กว่าเป็นไหนๆ
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ และขอโทษที่ทำให้รบกวนนะคะศาสตราจารย์เบลลินอร์“
ว่าจบก็ย่อถอนสายบัว ก้มหน้าลงซ่อนรอยยิ้มเคอะเขิน น่าอาย น่าอาย!!
“ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วที่ควรช่วยเหลือนักเรียน ”
รอยยิ้มอ่อนโยนถูกวาดประดับใบหน้า เขาพอจำได้ลางๆว่าเด็กสาวตรงหน้ามีในรายชื่อรั้งท้ายของประมวลผลคะแนนวิชาตน จึงพยายามทำตนให้ดูไม่น่าเกรงขามที่สุดเท่าที่ทำได้
“ หรือจะให้ผมช่วยมัดให้พลางไปก่อนก็ได้ ”
“อ้ะ สะดวกจริงๆหรอคะ” เธอถามออก ไป ก่อนที่จะนึกขึ้นได้จึบรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง
เดี๋ยวก่อนเฟเลีย!!
“…..แต่ก็ไม่อยากรบกวนเพิ่มเลยค่ะ คิดว่าคงจะปล่อยผมจนกว่าจะหาพัฟบอลเจอค่ะ“ หัวเราะแห้ง ว่าแล้วก็นึกตะหงิดใจ เจ้าปุบเปะตัวดีไปเที่ยวเล่นถึงส่วนไหนของงานกันแล้วเชียว!
นั่นเป็นพอดีกับที่ [คุณ] เดินผ่านมา เฟลิเซียก็หันขวับเมื่อรู้สึกได้ถึงบุคคลใหม่
.
.
“…..เอ่อ ขอโทษด้วยค่ะ..“
เธอเอามือป้องปากอย่างเคอะเขิน
”คือว่า”
“รบกวนช่วยแก้พันให้ทีได้ไหมคะ…“
เอายังไงดีล่ะทีนี้
(ม มาบวกได้ค่ะ /สั่น)
“ ...แน่นอน นิ่งไว้นะคะคนเก่ง ”
ฟิเนียมยิ้มเชิงเอ็นดูสาวน้อยน่ารักตรงหน้าของเธอ พลางเดินไปยืนอยู่ข้างหลังของสาวน้อย เธอสำรวจครู่หนึ่งต่อมาก็เริ่มแก้สายอย่างเบามือและทะนุถนอม
“ เจ็บบอกได้นะคะ เค้าอาจจะมือไม่นิ่ง 'นิดนึง..' ”
เอ่ยจบ ใช้เวลาไม่นาน ฟิเนียมแก้สายที่พันกันให้สาวน้อยตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ทรงผมจะยุ่งเล็กน้อย แต่ก็ดีขึ้นแล้วแหละ
“โอ้ แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ! มือนิ่งมากๆเลยต่างหาก” หัวเราะ
หลังจากที่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายแก้พันจนเรียบร้อยก็ยกมือขึ้นจับบริเวณผมเปียตัวเอง
“ขอบคุณมากๆเลยจริงๆค่ะ ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดีเลย” ว่าพลางถอนสายบัวสั้นหลายๆรอบเป็นการขอบคุณ…. อย่างเลิ่กลั่ก
…ว่าแต่ อีกฝ่ายไม่ใช่ปีหนึ่งสินะ
ฟิเนียมยิ้มตอบรับ ยกมือข้างขวาแตะไหล่ของอีกฝ่ายเชิงไม่ต้องเป็นกังวล ก่อนเธอจะลดมือลง
“ แต่ถ้าเกรงใจ..เค้าขอแค่สาวน้อยน่ารักอย่างคุณ ระวังสายพันกันอีกครั้งก็เพียงพอแล้วค่ะ เช่นช่วงระหว่างเต้นรำ.. ”
“ ตกลงไหมคะ? ”
ฟิเนียมก้มลงสบตาคู่สนทนา รอฟังคำตอบจากริมฝีปากอีกฝ่าย
เฟลิเซียกระพริบตาปริบครู่หนึ่ง
แล้วจึงสบตากลับไปเธอยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับหัวเราะคิกคักเบาๆ
“อา- ถ้าอย่างงั้น ก็ไม่ยุติธรรมเลยน่ะสิคะ!“
“….จะระวังให้มากขึ้นค่ะ”
ฟิเนียมเอ่ยชื่นชมคนตรงหน้า เธอกลับมายืนตัวตรงปกติ และเริ่มแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงสุภาพ อ่อนน้อม
“ เราเองก็เพิ่งได้เจอกันไม่บ่อยใช่ไหม..? เค้าชื่อ ฟิเนียม เดมิลี่เจล อยู่ชั้นปี 4 ยินดีที่ได้พบกัน สาวน้อยผู้สดใสและน่ารัก♥︎ ”
ฟิเนียมยังคงยิ้มค้างไม่หุบ และเธอยื่นมืออกไปคอยดูปฏิกริยาเชิงขอจับมือทักทายอีกฝ่าย