#KMI_เปิดโรล
[ แถวย่านการค้า | 17:30 น. | แยกรูท-โกงเวลา]
แค่จะออกมาซื้อของเฉยๆดันมามองเห็นวิญญาณน่ากลัวซะงั้น เลยเลี่ยงทำเป็นไม่เห็น โดยการเอาหัวชนกำแพงไว้มาได้หลายนาทีแล้ว
'กลับบ้านดีกว่า'
คิดได้แบบนั้นก็กำลังจะเดินกลับทางเดิมเเต่ก็ดันเจอคนเฉยเลย
"...."
"ไม่ได้ร้องไห้นะ คะ.. แค่ฝุ่นมันเข้าตาหน่ะ"
พยายามกลบเกลื่อนอย่างเต็มที่*สั่น*🗿
(ไม่รู้จักก็+ได้นะคะ✨)
[ แถวย่านการค้า | 17:30 น. | แยกรูท-โกงเวลา]
แค่จะออกมาซื้อของเฉยๆดันมามองเห็นวิญญาณน่ากลัวซะงั้น เลยเลี่ยงทำเป็นไม่เห็น โดยการเอาหัวชนกำแพงไว้มาได้หลายนาทีแล้ว
'กลับบ้านดีกว่า'
คิดได้แบบนั้นก็กำลังจะเดินกลับทางเดิมเเต่ก็ดันเจอคนเฉยเลย
"...."
"ไม่ได้ร้องไห้นะ คะ.. แค่ฝุ่นมันเข้าตาหน่ะ"
พยายามกลบเกลื่อนอย่างเต็มที่*สั่น*🗿
(ไม่รู้จักก็+ได้นะคะ✨)
1 / 2
Comments
เห็นอีกฝ่ายพิงกำแพงอยู่หลายนาทีก็เกิดเป็นห่วงเลยเดินเข้าไปหา
ประจวบเหมาะกับที่อีกคนละหน้าออกจากกำแพงพร้อมน้ำตาพอดี
“อะ- อ๋อๆ ฝุ่นเข้าตาสินะ เข้าใจแล้วล่ะ💦”
ไม่รู้หรอกว่าเจอเรื่องอะไรมา ลองปลอบแบบที่ปลอบเด็กแล้วกัน
หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองและลูกกวาดยื่นไปให้
“เช็ดน้ำตาก่อนสิครับ“
”ลูกกวาดยี่ห้อนี้อร่อยมากๆเลยล่ะ สามารถไล่น้ำตาได้ด้วยนะ”
(・」o・)」
"ขอบคุณ..ครับ"
อีกฝ่ายยื่นผ้าเช็ดหน้ากับลูกอมมาให้เขาก็รับมา แต่อาจจะเพราะสนใจลูกกวาดมากกว่า
เลยยืนแกะกินตรงนั้นเลย แล้วก็หยุดร้องไห้ตรงนั้นเลย
".. เหมือนจะไล่ได้จริงๆนะครับ ลูกกวาดนี่อร่อยดีครับ"
บอกอีกคนไปส่วนผ้าเช็ดหน้าก็ซับน้ำตาเป็นพิธีก่อนหันไปบอก
" ไว้ผมจะซักคืนให้นะครับอันนี้"
พูดพร้อมชี้ผ้าเช็ดหน้าในมือตัวเอง
“ดีใจที่ชอบนะครับ… แต่ว่า..”
“ลูกกวาดนี่อยู่ในกระเป๋าผมมาอาทิตย์หนึ่งแล้วน่ะ”
สารภาพออกมาพร้อมรอยยิ้มแห้ง มือพลางยกขึ้นมาลูบหลังคอด้วยความรู้สึกผิด
ทำไงได้ล่ะ พึ่งนึกออกได้เมื่อกี้นี่นา (︶︿︶)💦
“ส่วนผ้าเช็ดหน้า ไว้เจอกันอีกค่อยคืนก็ได้ครับ!”
ได้ยินอีกคนพูดก็ชะงักนิดหน่อยก่อนจจะจ้องหน้าอีกคนนิ่งๆ
“..ไม่เป็นไรครับ”
เห็นท่าทีอีกคนเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ถึงในใจจะเป็นอีกแบบก็เถอะ
เพราะคายออกมาตอนนี้ก็คงไม่ได้อะไร🗿
“ถึงจะค้างมาสัปดาห์นึงก็ยังพอกินได้อยู่“
พูดจบก็เก็บผ้าเช็ดหน้าอีกคนเข้ากระเป๋ากางเกงไป
”คุณเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมปลายคูเมอิใช่ไหมครับ?“
ถามอีกคนไปเพราะไม่แน่ใจปกติเขาก็จำใครไม่ค่อยได้อยู่แล้ว
เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ถือสาอะไรเลยถอนหายใจโล่งอกออกมา รอยยิ้มพลันกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนอย่างคราแรก
“อือฮึ~ ส่วนคุณก็ปีสอง ? ”
เอียงคอเล็กน้อยขณะถาม รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ้างแต่กลับไม่มีชื่อของคนตรงหน้าอยู่ในหัว
คงไม่ได้อยู่ปีเดียวกันล่ะมั้ง
"ฟูจิกาวะ ฮารุโตะครับ"
บอกชื่ออีกคนไปพลางอมลูกกวาดในปากกุกกักๆ
"แล้วคุณ?"
เขาถามอีกฝ่ายกลับไปเขาต่างจากอีกคนที่ดูเหมือนจะคุ้นหน้าเขา แต่เขาไม่คุ้นหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
เพราะเขาเเทบไม่มองหน้าใครเลยเวลาอยู่ที่โรงเรียนเลยจำหน้าใครไม่ค่อยจะได้
เรียวตะที่กำลังเดินผ่านมาเห็นพอดี เห็นอีกฝ่ายมีท่าทีแปลกๆ เลยเดินเข้าไปถามทันที
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับนั้น"
"ฝุ่นเข้าตา? อ่าถ้างั้น.."
ว่าแล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดสะอาดผืนหนึ่งยื่นไปให้
"ผมก็มีผ้าเช็ดหน้าเยอะซะด้วยสิ จะให้ยืมสักผืนละกันนะครับ 😎✨ "
พูดด้วยท่าทางที่ดู..อวด? แต่ก็ดูเป็นห่วงนะ แต่เขาเหมือนจะไม่เห็นเงาดำนะ..
"ขอบใจ"
เขาเอาผ้าเช็หน้าที่ได้มาเช็ดหน้าเช็ดตาพลางๆนึกที่อีกคนพูดเมื่อกี้ไปด้วย
"ถ้ามีเยอะนี่ ไม่คืนก็ได้ใช่ไหม"
เขาพูดเหมือนแซว แต่นั่นเป็นคำถามจริงๆ คือถ้าอีกคนบอกไม่ต้องคืน เขาก็ไม่คืนจริงๆนั่นแหละ🗿
ตอบกลับไปจริง เขาก็มีเยอะจริงและเพราะงั้นไม่ต้องคืนหรอก
"แล้วไหวหรือเปล่า"
"ถ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วยก็บอกได้ ยังไงเสียคนที่เก่งมากอย่างผมก็ผ่านมาพอดี ยินดีที่จะช่วยสักหน่อยแล้วกันนะ 😎✨"
เสยผมเล็กน้อยยืดอกตอนที่พูด แต่จากน้ำเสียงก็แลดูจะดูออกว่าอีกฝ่ายไม่น่าใช่เพราะฝุ่น และน่าจะเป็นห่วงอยู่ ถึงท่าทางจะไม่ให้ก็เถอะ..
ฟังอีกคนพูดจบก็เก็บผ้าเช็ดหน้าเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนหันไปตอบคำถามอีกฝ่าย
“ยังไหวอยู่”
“…”
ฟังอีกคนพูดก่อนจะมองนิ่งๆกับท่าทีที่อีกคนทำ เลยครุ่นคิดอะไรนิดหน่อย
“งั้นเดินไปส่งซื้อของหน่อยได้ไหม?”
พูดพร้อมชี้ไปทางข้างหน้าที่กำลังจะเดินไป ไหนๆอีกคนเสนอตัวจะช่วยก็ให้เขาช่วยสักหน่อยก็ไม่น่าเสียหายอะไร
"ไม่มีปัญหาแค่นี่เอง"
เรียวตะได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบกลับไป
"ยังไงผมก็ตั้งใจจะเดินไปทางนั้นเหมือนกัน"
"เพราะงั้นจะไปส่งละกันนะ"
เขาพูดแล้วก็เหมือนมองรอบๆนิดหน่อย ราวกับเหมือนรู้สึกอะไรสักอย่าง แต่เซนส์ของเขาก็ไม่รับรู้อยู่ดี..
อะไรกันนะ?? คิดไปเองมั้ง
"ไปกัน"
เขาพูดแบบนั้นพลางหันไปมองทางข้างหน้าเเละก็รอบๆเหมือนจะไม่มีอะไรแล้วทางสะดวกเขาก็เดินนำอีกคนไป
"จะว่าไปแล้วนายชื่ออะไร?"
เขาหันไปถามอีกคนเพื่อทำความรู้จักสักหน่อย
เด็กสาวกลับจากย่านการค้า ระหว่างทางพบเพื่อนร่วมรุ่นที่เธอแม้ไม่คิดจะจำชื่อ เพียงแค่รู้สึกว่าหน้าคุ้นๆเท่านั้น
สายตามองไปยังผู้ชายร่างใหญ่ยืนน้ำตาไหล จากเจ้าเงาเล็กๆนั่น
ใช่ เธอเห็นมัน
หญิงสาวค้นหากระดาษเช็ดหน้าที่ได้จากร้านค้าในถุงพลาสติก และยื่นให้อีกฝ่าย
"เจอผีแค่นี้ถึงกับร้องไห้... เป็นผู้ชายที่ใจเสาะจังนะ"
เธอพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
เขามองหน้าอีกฝ่ายสลับกับกระดาษเช็ดหน้าที่อยู่ในมืออีกฝ่าย
สีหน้าที่เขาแสดงออกมาดูไม่ได้สบอารมณ์แต่ในหัวเขากำลังคิดอยู่ว่า
'อะไรเนี่ยคนนี้ น่ากลัว.. '
เขากำลังกลัวอยู่แต่แค่หน้าเเสดงออกมาตรงข้ามเฉยๆ
"ขอบใจ"
เขาตอบแล้วรับกระดาษจากอีกฝ่ายมาเช็ดหน้าเช็ดตา พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ก็ไม่ได้คิดจะเถียงอะไรอีกฝ่ายด้วย
เรื่องจริงทั้งนั้น🗿
เธอดูเหมือนจะมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้างจึงได้แนะนำอีกฝ่ายไป ภายนอกถึงเธอจะดูน่ากลัว แต่ก็ยังคอยช่วยเหลือตนอื่นเสมอ
"งั้นไปนะ"
หญิงสาวเดินตามทางกลับบ้านโดยไม่คิดจะรอรับคำบอกลาจากอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
เขาบอกอีกคนไป ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเขาจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ ก็ตระกูลเขาคลุกคลีกับเรื่องพวกนี้ แถมเห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้วด้วย จะบอกว่าชินก็ใช่ แต่พวกหน้าตาน่ากลัวเขาไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง
เเต่ก็ไม่อยากเสียมารยาทอะไรเลยไม่ได้พูดไป
“อา..”
ไม่ได้ทันบอกลาดีๆอีกฝ่ายก็ไปซะก่อนแล้วเขาเองก็เดินไปอีกทางเพื่อกลับบ้าน
(ขอบคุณที่แวะมาโรลด้วยกันมากๆเลยนะค้าบบ🤲🏻💖✨)
“ ฝุ่นเหรอ? แบบนั้นแสบตาแย่สิ ต้องรีบล้างตาน้าา— “
ดูจะเชื่อจริงๆ แถมหันไปค้นๆกระเป๋าที่ใส่ของตัวเองหาน้ำเปล่าที่น่าจะพอล้างตาได้ด้วย
“ ถ้าคุณเงาตรงนั้นเสกน้ำได้ก็ดีสิเนอะ ว่าไปนั่น! “
ยิ้มแป้นเล่นมุขระหว่างหา ดูไม่กลัวเงาข้างๆเท่าไหร่
"..."
ไม่นานเขาชะงักกับสิ่งที่อีกคนพูดถัดมาจนเผลอแสดงสีหน้าอื่นออกมา
ภายนอกมองอาจจะคิดว่าเขากำลังโกรธก็ได้ เพราะหน้าทะมึนมาแต่ไกล แต่ความจริงเขากำลังกลัวอยู่ต่างหาก
'ไม่ดีโว้ยยยย'
เสียงกรีดร้องในใจของเขาดังขึ้นมาทันที น้ำตาก็ไหลเหมาะแหมะๆไม่หยุด
ยิ้มหน้ามึนอัด นึกสงสัยในใจว่าเมื่อกี้พูดอะไรให้คุณโกรธรึเปล่านะ
“ ท-โทษทีนะ แบบว่า… มุขน่ะ! “
พอหาน้ำเปล่าเจอก็ยื่นให้คุณ ขวดใหม่เอี่ยมไม่เคยเปิดกินแน่นอน หายห่วง!
“ เอ้านี่ อย่าลืมล้างหน้าล้างตานะเออ “
เขาก็รู้แหละว่ามันเป็นมุขก่อนจะเบี่ยงสายตามองไปทางอื่นแล้วเอามือลูบหน้าตัวเองเเล้วหยุดอยู่ตรงปาก
‘เผลอทำหน้าแปลกๆไปรึเปล่านะ’ รู้ตัวเเล้วว่าสีหน้าออกเลยพยายามทำให้กลับเป็นปกติ
“อ่ะ ขอบใจ”
เขาหันมามองขวดน้ำก่อนจะรับมาแล้วเอามาล้างหน้าตามที่อีกคนบอกจนน้ำเหลือประมาณครึ่งขวด
“เอ่อนี่..”
เขาชูขดน้ำเชิงว่าจะเอาคืนไหมหรือว่าให้เขาเลยดี
แต่ถ้าล้างหน้าแล้วก็ถือว่าโอเคแหละเนอะ!✨
“ ทีนี้ก็ไม่แสบตาแล้วเนอะ! ว่าแต่เห็นชัดอยู่ใช่มั้ย? ไม่เบลอใช่รึเปล่า? “
มือข้างหนึ่งยื่นไปรับขวดน้ำมาส่วนอีกข้างก็โบกมือทดสอบคุณไปพลาง
“มองเห็นชัด ไม่เบลออะไร”
เขาบอกอีกคนไปพลางมองมือของอีกฝ่ายที่โบกไปมา
“ขอบคุณอีกรอบนะ”
เขาบอกขอบคุณอีกฝ่ายไปอีกรอบก่อนจะดึงคอเสื้อตัวเองมาซับหน้าเช็ดให้แห้งด้วย ไม่ค่อยชอบให้หน้าเปียกเท่าไหร่
อามาเนะที่กำลังจะกลับบ้านจู่ๆดีๆก็ได้พบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตา...
ฮารุนี่เอง แถมยังร้องไห้อีกด้วย
ถึงปกติจะชอบไปแกล้งแต่พอเห็นแบบนี้ใครจะแกล้งลง สมองทำการประติดประต่อเรื่องราว(คิดไปเอง)โดยที่ไม่ได้ถามเจ้าตัวก่อนด้วยซ้ำ
" นี่... "
ส่งเสียงออกไปเล็กน้อยก่อนจะรีบเขียนข้อความลงบนสมุดโน๊ตอย่างรวดเร็วแล้วยกให้อีกฝ่ายอ่าน
' นายโดนอันธพาลหาเรื่องมาหรอ!!? '
'เปล่า ฝุ่นเข้าตาหน่ะ'
'เจ็บตาสุดๆเลย'
เขียนแล้วชูให้อีกคนดูพร้อมน้ำตาที่ไหลแหมะๆ
ความจริงก็จะพูดก็ได้แต่ เขียนให้อ่านมันสนุกดีทำบ่อยๆเวลาเรียน
'ไม่เชื่อ ร้องไห้ชัดๆ'
แต่เห็นสภาพแล้วก็ได้แต่สงสาร เลยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วยื่นให้ อีกฝ่ายจะได้เอาไปใช้เช็ด
'ไหวรึเปล่า ตาแดงหมดแล้ว'
สภาพตอนนี้อย่างกับเจ้าแมวกลัวจนหางฟูเลย
พูดไปพลางมองตามอีกคนที่เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วยื่นให้
"ขอบใจ"
เขารับผ้าเช็ดหน้าจากอีกฝ่ายมาเช็ดๆน้ำตาพร้อมกับอ่านที่อีกคนเขียน
"ไหวอยู่แหละ ตาฉันเเดงขนาดนั้นเลย?"
เผลอถามอีกคนไปก่อนเอานิ้วลูบๆหางตา กลับบ้านตอนนี้คงไม่โดนพี่ๆแซวใช่ไหมนะ
ไม่อยากโดนพี่ตัวเองแซวหรอกนะ🗿
'ไม่ขยี้ตาก็พอ'
พอเห็นอีกฝ่ายเอามือลูบๆที่หางตาก็อดหวั่นไม่ได้ว่าจะไปขยี้ตาเข้า
แต่...เหมือนจะได้ยินเสียงอะไรไม่รู้น่ารำคาญมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เลยหันไปดูว่ามันคือเสียงอะไร
ถึงจะเห็นแค่ลางๆแต่ก็...ไม่ใช่คนล่ะ
อามาเนะรอยยิ้มแข็งค้าง ก่อนจะหันกลับมาหาฮารุอย่างกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
พร้อมกับเหงื่อที่ไหลลงมาจากใบหน้า มีพิรุธสุดๆ
"ได้ จะไม่ขยี้"
เขาพูดนิ่งๆพลางมองอีกคนที่ท่าทีแปลกไป
"... อากาศร้อนแหละ.. เนอะ"
"ไปที่อื่นที่ร่มๆอยู่กันดีกว่านะ"
ถึงจะไม่ค่อยอยากคิดเท่าไหร่ว่าอีกคนอยู่ๆทำไมแปลกไป เเต่การที่มองไปหาอะไรสักอย่างเเล้วหันกลับมามองเขาเเล้วดูมีพิรุธแบบนี้
การเปลี่ยนเรื่องนี่แหละทางออกที่ดีที่สุดของเขาเเล้ว
เพราะใกล้จะเปิดร้าน เลยเริ่มมาซื้อวัตถุดิบ แต่เพราะได้ยินอะไรบางอย่างระหว่างทางกลับเลยเดินมาดู
"ฝุ่นเข้าตาเหรอคะ? แสบมากรึเปล่า ห้ามขยี้ตานะคะ เดี๋ยวจะยิ่งระคายตาไปกันใหญ่"
น้ำเสียงใจดีของหญิงสาวเอ่ยอย่างเป็นห่วงดูเธอจะเชื่อจริงๆ ในขณะที่สุนัขที่เธอจูงอยู่ขยับเข้าไปใกล้พลางส่งเสียงอ้อนคล้ายอยากปลอบ
"ครับ ไม่ได้เเสบอะไรมากครับ"
เขาตอบอีกฝ่ายไปพลางเลื่อนสายตาไปมองสุนัขที่อยู่ข้างๆอีกฝ่าย
"..."
เขาไม่ได้พูดอะไรเเต่โน้มตัวลงไปลูบๆหัวสุนัขข้างๆแทน ตอนนี้เองก็หยุดน้ำตาไหลแล้ว
"ชื่ออะไรหรอครับ?"
เขาถามอีกฝ่ายไปพร้อมกับชี้สุนัขที่อยู่ข้างตัวอีกฝ่าย
"อ่า ชื่อโควค่ะ..."
"ถ้าคุณยังระคายอยู่แนะนำให้ไปล้างน้ำจะดีกว่านะคะ"
เธอดูจะยังเป็นห่วงคนตรงหน้าเรื่องฝุ่นอยู่บ้าง เชื่อแบบเต็มร้อยสุดๆ
เขาพูดพลางลูบๆหัวหมาตรงหน้าก่อนจะย่อตัวลงไปนั่งยองๆลูบมันแทน
“ครับ ตอนนี้ไม่ได้ระคายอะไรแล้วครับ”
“สงสัยน้ำตาไหลจนฝุ่นหายหมดเเล้วล่ะมั้งครับ”
พูดหน้าตาย ก็เขาไม่ได้ฝุ่เข้าตาอะไรนี่นะเลยไม่ได้ระคายตาอะไร เป็นแค่ข้ออ้างเอาตัวรอดไปงั้นๆ😔
ริฮิโตะที่แวะมาย่านการค้าพอดี จังหวะจะเดินสวนเห็นคนร้องไห้ก็สตั๊น มองปริบๆ
"อ้อ ! ฝุ่นเข้าตานี่เอง"
เจ้ากาพยักหน้าหงึกๆ เหมือนเชื่อที่อีกฝ่ายพูด
...เชื่อก็แย่แล้ว ! ฝุ่นเข้าตาอะไรน้ำตาร่วงขนาดนั้น ! คำแก้ตัวตกยุคไปแล้วนะ !?
คิดในใจ แล้วล้วงๆหาของในถุงร้านสะดวกซื้อ หยิบทิชชู่ออกมายื่นให้
"อ้ะ ให้ เอาไปใช้เช็ดฝุ่นนะ"
มองอีกฝ่ายล้วงหาอะไรสักอย่างก่อนจะยื่นทิชชู่มาให้ เขาก็มองทิชชู่สลับกับหน้าอีกคน
".. ขอบใจ"
รับมาแต่โดยดีก็เช็ดน้ำตาปกติเเต่ก็สั่งน้ำมูกด้วย
โป๊ะมาก โป๊ะออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ทำไปด้วยความเคยชิน ก่อนจะมองคนตรงหน้านิ่ง ประมาณว่าใครกันนะคนนี้แต่ไว้ค่อยถามทีหลัง
"นายกำลังจะไปไหนรึเปล่า?"
อืมมมม คุ้นๆอ่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนเลย อาจจะเป็นคนที่เคยเดินสวนกันที่ไหนสักที่ล่ะมั้ง ?
ครุ่นคิด จนกระทั่งนายถามขึ้นมา
"ฉันเหรอ ? ก็ว่าจะไปหาที่นั่งกินไอ้นี่แล้วเดินย่อยสักพักล่ะมั้ง"
ชูถุงร้านสะดวกซื้อที่มีทั้งข้าวปั้น คาราอาเกะ ขนมหวาน และเครื่องดื่มครบครันขึ้นมาให้ดู
"อย่างงั้นหรอ.."
"ม้านั่งที่สวนสาธารณะใกล้ๆนี่น่าจะว่างนะ"
บอกอีกคนไป ความจริงก็กะจะเดินติดสอยห้อยตามไปด้วย ไม่อยากจะเดินกลับคนเดียวเฉยๆ
ข้าวของไรไม่ซื้อแล้ว ข้าวเย็นให้แม่จัดการเอาเองเเล้วตอนนี้
นี่คือจะไปด้วยสินะ
...
เขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก ถึงจะไม่รู้ว่าเจออะไรมาก็เถอะ แต่เวลาที่คนเราเจออะไรร้ายๆมาก็ไม่อยากอยู่คนเดียวเป็นปกติล่ะนะ ! อืมๆ !
"อื้อ งั้นไปด้วยกันเถอะ นั่งกินคนเดียวมันก็เหงาๆอ่ะเนอะ"
พูดด้วยรอยยิ้มพลางเดินนำไปที่สวนสาธารณะ โดยไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายแค่กลัวเจออะไรหลอนๆอีก
เขาพยักหน้าเป็นการตอบรับอีกคน พลางคิดไปด้วยว่าโชคดีแหะ ที่อีกฝ่ายดูจะเข้าใจจุดประสงค์ของเขา
เขาเดินตามอีกคนมาเรื่อยๆจนถึงสวนสาธารณะพลางมองไปรอบๆ
"ตรงนั้นว่างนะ"
เขาชี้ไปที่ม้านั่งใกล้ๆน้ำพุในสวนสาธารณะให้อีกฝ่ายมอง
ระหว่างทางกลับจากซื้อของก็เหลือบไปเห็นคนร้องไห้ ยูคิโตะที่กำลังจะเข้าไปช่วยก็ดันไปเห็นเงาดำอยู่ข้างๆ ตัวเขาลังเลสักพักก่อนที่จะเข้าไปแตะไหล่อีกคนเบาๆ
“คะ คุณ เป็นอะไรมั้ยครับ”
ระหว่างที่พูดไปตัวก็สั่นไปด้วยกลั่นน้ำตาไปตัว สายตาก็วอกแวกมองไปทางเงาสีดำที่เหมือนจะอยู่ใกล้เข้ามา
พอเห็นอย่างนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาก่อนจะพึมพำเบาๆ
‘ผีไม่มีจริง’ ซ้ำไปซ้ำมาเพื่อหลอกตัวเอง
"... มะ ไม่เป็นไร"
"นายนั่นแหละ.. ไม่เป็นไรใช่ไหม? "
เริ่มเข้าบทสนทนาแปลกๆ เขาเห็นอีกฝ่ายดูท่าทีแปลกๆเลยถาม
แต่พอเริ่มน้ำตาไหลเท่านั้นแหละ ก็กลายเป็นล่กกว่าเดิม
"อะ.. เอ่อ.. 😭"
ยิ่งล่กยิ่งน้ำตาไหลมากกว่าเดิม ผู้ชายสองคนมายืนร้องไห้ใส่กันแบบนี้ เป็นภาพที่แปลกตาจริงๆ
ซุซุรันที่หลังจากช่วยที่บ้านเตรียมของอยู่ครู่หนึ่งก็ถึงเวลาต้องพาเจ้าหมาโกลเด้นตัวแสบออกมาเดินเล่น และดูเหมือนว่าที่บ้านจะอยากให้ซื้อของด้วยนิดหน่อย
“ กลับกันเถอะเนอะสึสึจิ โอ๊ะ? ”
ทว่าหลังจากซื้อของเสร็จออกมาไม่นานก็เจอคนหัวจุ่มกำแพงเสียแล้ว
“ เออ..เป็นอะไรรึเปล่าคะ? ”
"ฉันโอเคดี สบายดี"
ตอบอีกคนไปแต่น้ำตาไม่ได้หยุดไหลไปด้วย
ถึงจะดูแล้วไม่น่าโอเคสุดๆ แต่ความจริงแค่กลัวจนน้ำตาไหลเฉยๆ
หลังเขาตอบก็มองอีกคนสลับกับหมาข้างๆไปพลางๆมองแล้วก็ค่อยๆหายกลัวน้ำตาเลยหยุดไหลไปเองซะอย่างงั้น
“ ถ้าไม่รังเกลียดค่ะ ”
เห็นเขามองเธอสลับกับทึทึจิสลับกันจนน้ำตาหยุดไหลก็แอบสงสัยไปด้วยจนเจ้าหมาค่อยๆ เดินเข้าไปดมๆ สำรวจแล้วส่ายหางใส่อีกฝ่ายเฉยเลย
“ อ่ะ ไม่ได้นะสึสึจิ💦 “
เขารับทิชชูจากอีกคนมาก่อนแกะๆเช็ดหน้าเช็ดตา พลางมองเจ้าหมาตรงหน้าเดินมาดมๆ
"ไม่เป็นไร"
"ชื่อสึสึจิงั้นหรอ น่ารักดีนะ"
เขาพูดนิ่งๆก่อนจะโน้มตัวลูบๆหัวเจ้าหมาโกลเด้นของอีกฝ่ายเบาๆ
ว่ายังดูกล้าๆกลัวๆเจ้าหมาไปกวนอีกฝ่ายจนตัวเกร็ง
” พอดีปกติมันค่อนข้างซนน่ะค่ะ “
” กลัวจะไปรบกวนคุณเข้า.. “
เขาพูดไปตัวก็ค่อยย่อนั่งลงกลายเป็นว่านั่งยองๆเล่นกับหมาตรงหน้าซะอย่างงั้น
ก็เป็นคนรักสัตว์นี่นะ ถึงเขาจะเล่นแต่กับแมวบ่อยก็เถอะ แต่กับหมาก็ไม่ได้เกลียดอะไร
คุ้นๆตั้งแต่ยังยืนหันหลังให้ ยิ่งพอหันหน้ามาจนได้มองชัดๆแบบนี้แล้วเคย์ริวก็ยิ่งยิ้มกว้าง
ฝุ่นเข้าตาหรือมีคนร้องไห้แต่พยายามเนียนกันแน่? ไหนขอลองหน่อย
"ฝุ่นเข้าตาหรอ? ให้ช่วยดูไห--" ประโยคที่คาอยู่แค่ครึ่งเดียวก่อนที่ชายหนุ่มจะทำเหมือนชะงักไป สายตาก็เบือนไปมองข้างๆเหมือนกำลังจ้องมองสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถเห็นได้อยู่
"..?"
เห็นอีกฝ่ายหยุดพูดพลางมองไปทางอื่น เขาก็เหมือนจะรู้
แต่แน่นอนว่าให้ตายเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นนั่นแหละ
"ไม่เป็นไร หายเจ็บแล้วด้วย"
"น้ำตาก็หยุดไหลแล้ว"
ปากพูดไปแบบนั้นแต่จริงๆน้ำตามันก็ยังไม่หยุดหรอก แค่แทรงว่ามันมันหยุดแล้วก็แค่นั้น
“มาให้ดูหน่อยมาๆ ไหนฝุ่น”
เลยจะทำตัวเป็นคนดีให้หน่อย ทั้งที่ไม่เชื่อทั้งเรื่องฝุ่นทั้งเรื่องหยุดร้องนั่นแหละ
“ว่าแต่.. นายไม่รู้สึกเย็นวูบๆที่หลังเลย…?” เหลือบตาไปมองด้านหลังอีกรอบ
อีกฝ่ายดูไม่เชื่อเขาเองก็ไม่ได้โกหกเก่งยังไงก็ปิดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
ก็เขยิบเขาไปหาอีกคนนิดหน่อยเชิงว่าเอ่อ อยากดูฝุ่นก็ดูเองเลย แต่ก็คงไม่มีให้ดูนั่นแหละ
"ไม่"
"ไม่รู้สึก อากาศอบอุ่นดีสุดๆ ไม่หนาวสักนิด"
เขาตอบอีกคนทันทีหน้าตายพิรุธสุดๆ ให้ตายก็ไม่บอกหรอกว่าเย็นวูบวาบ กลัวจนหัวใจจะระเบิดอยู่แล้ว แต่ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอยู่
"ไม่วูบวาบก็ดีแล้ว เขาบอกว่าถ้าเย็นหลังโดยไม่มีสาเหตุหนี่แปลว่ามีวิญญาณอยู่แถวนั้นหนิ"
ขนาดไม่รู้ยังเลือกที่จะพูดออกไปก่อน
"อะไหน เบิกตาหน่อย เอากว้างๆเลยนะ จะได้ดูได้"
บอกให้คนน้ำตาไหลเปิดตากว้างๆ เอากับเขาสิ…
พูดไปก็ตัวสั่นกึกๆไป ให้ตายเหอะจะพูดออกมาให้กลัวทำไมนะ
"ตาก็มีอยู่แค่นี้มันก็กว้างได้แค่นี้แหละหน่า"
เขาพูดพลางไม่ได้เบิกตากว้างอะไรเลยสักนิด ยังมองด้วยความกว้างปกติ
ไม่ยอมทำตามแถมขมวดคิ้วอีกต่างหาก
เห็นเด็กหนุ่มเอาหน้าชนกำแพง แถมร้องไห้อีกต่างหากก็ได้แต่มองตาปริบๆ ยิ่งได้ยินคำแก้ตัวก็ยิ่งหรี่ตามองดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ "...."
มองอีกฝ่ายที่หรี่ตามองเหมือนไม่เชื่อก็น้ำตาไหลเหมาะแหมะกว่าเดิม
เชื่อเถอะครับ แค่ฝุ่นเข้าตาครับ
สายตาสื่อแบบนั้นให้อีกคนรับรู้ เขาพยายามแล้วนะ
"เช็ดซะ..."
"ขอบคุณครับ"
พูดขอบคุณเสร็จเขาก็เช็ดน้ำตาตัวเองอยู่ครู่นึง
"ไว้จะซักคืนให้นะครับ"
พอบอกที่อยู่เรียบร้อยก็หยิบเอาของกินออกมา แล้วเปิดกล่องที่เต็มไปด้วยซูชิเทมากิต่างๆ ยื่นให้อีกฝ่าย "กินสิ" ร้องไห้แล้วมันเสียพลังงานเขาไม่รู้จะปลอบไงเลยให้ของกินเป็นการให้กำลังใจก็แล้วกัน
เขาตอบอีกคนไปในหัวเองก็จำชื่อร้านที่อีกคนพูดมาไปด้วย
"อ่ะ..✨ งั้นทานเเล้วนะครับ"
".. อร่อยม่กครับ"
ไม่ปฏิเสธแล้วเอื้อมมือไปหยิบซูชิที่อีคนยื่นมาเคี้ยวตุ้ยๆ ในหัวพลางคิดเส้นทางระหว่างบ้านตัวเองกับร้านที่อีกฝ่ายว่าไปด้วย
"จะว่าไปอยู่ย่านเดียวกันเลยนะครับ ไม่ไกลด้วย ไว้พรุ่งนี้ผมจะเอาไปคืนให้"
เหมือนว่าเด็กสาวจะยืนถือถุงใส่ของในมือ มองคุณหัวชนกำแพงกับเงาข้างหลังมาได้นาทีหนึ่งแล้ว
พอสิ่งที่เห็นค่อย ๆ จางหายไป ถึงค่อย ๆ พูดออกมา
“ ไปแล้วล่ะ ไม่เป็นไร ” มองรอบตัว
“ นายโอเครึเปล่า “
“ หมายถึงที่ว่าฝุ่นเข้าตาน่ะ ”
ตอนที่อีกฝ่ายบอกว่าไปแล้วก็หันมองรอบๆดูเพื่อเช็คอีกที ก็ค่อยโล่งใจขึ้น
"โอเค ฉันโอเคดี"
"หายเจ็บตาแล้วแหละ"
ถึงจะพอรู้ว่าอีกคนก็น่าจะมองเห็นเเต่ตัวเขาก็ไม่คิดจะพูดเรื่องนี้เท่าไหร่ก่อนจะมองหน้าอีกคน
"ขอบใจ"
อย่างน้อยๆก็รู้สึกขอบคุณที่อีกคนมาบอกว่ามันอยู่แล้วเลยบอกขอบคุณอีกคนไป
ในขณะเดียวกันเร็นเองก็เดินผ่านไปเเถวนั้นเหมือนกัน พอเจอฮารุโตะที่กำลังร้องไห้อยู่ก็ชะงักไป
เมื่อได้ยินคำพูดแก้ตัวของอีกคน เร็นก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย
"ฝุ่นแบบไหนที่ทำให้น้ำตาไหลได้ขนาดนี้ ?"
เร็นแซวเล็กน้อย
"ไปเจออะไรมาล่ะนั่น?"
เร็นถามขึ้นพลางเลิกคิ้ว มองอีกคนด้วยความสงสัยและอยากรู้
ตอบอีกคนกลับไป ถึงจะเป็นคำตอบที่เขาพูดไปเรื่อยก็เถอะ
"..."
"ก็.. ฝุ่นไง"
เลี่ยงตอบสิ่งที่ตัวเองเห็นกับอีกฝ่ายไป บอกไปก็ไม่คิดว่าจะเชื่อ อีกอย่าง ถ้ายังยืนอยู่ตรงนี้ให้ตายเขาก็ไม่พูดหรอก
ไม่รู้ว่ามันไปรึยังไม่อยากหันไปมองซะด้วยสิ🗿
แต่ก็ไม่เห็นอะไร
"โกหกให้เนียนหน่อยเถอะ นายทำให้ฉันอยากรู้นะ"
สงสัยจังว่าทำไมถึงต้องเลี่ยงตอบเขาขนาดนี้ หรือบางทีจะเจอคนมารีดไถ่เงินกันนะ? แต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าใช่ เพราะหน้าตาก็ดูน่ากลัวอยู่…
"ฝุ่นนั่นแหละ ฝุ่นก้อนใหญ่"
"นายไม่เคยโดนฝุ่นเข้าตารึไงกัน? "
พูดถามอีกคนไปพลางเช็ดๆน้ำตาไปด้วย น้ำตาก็เริ่มหยุดไหลเเล้วเพราะเริ่มหายกลัวเลยหันๆไปมองด้านหลังเล็กน้อย
'หายไปแล้วแหะ'คิดในใจก่อนจะหันมามองอีกคน
เร็นพยักหน้าเบาๆ เลือกที่จะไม่ทำให้อีกคนอึดอัดโดยเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นทันที
"ดีเลย นายหยุดร้องไห้แล้ว งั้นฉันขอค่าปลอบใจที่ฉันอุตส่าห์ยืนคุยกับนายตรงนี้…"
ลากเสียงยาวเพื่อให้ดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น
"ช่วยไปกินไอติมเป็นเพื่อนหน่อยดิ เดี๋ยวเลี้ยง"
พูดขึ้นด้วยความภูมิอกภูมิใจทั้งๆที่สีหน้าของเขานั้นกลับนิ่งเฉย
ฟังอีกคนพูดลากเสียงยาวเขาก็เงียบรอฟังที่อีกคนพูดว่าจะให้เขาทำอะไร
".. ก็ได้อยู่หรอก"
"แต่ไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ ไม่เป็นไร"
พอได้ยินที่อีกคนพูดเขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธที่จะไม่ไปกินไอติมเป็นเพื่อนอีกฝ่าย แต่เรื่องเลี้ยงนี่เขาก็ไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายมาเลี้ยงเท่าไหร่
แอบรู้สึกผิดที่เลี่ยงๆตอบด้วยการโกหกอีกคนอยู่🗿
เห็นอีกฝ่ายมีท่าทางแปลกๆแถมเอาหัวชนกำแพงไว้ด้วยเลยคิดว่ากำลังลำบากอะไรอยู่รึเปล่านะ อาจจะอยากได้ความช่วยเหลืออะไรก็ได้เลยตัดสินใจเดินเข้าไปทักด้วยการแตะใหล่เบาๆ
"คุณครับ เป็นอะไรรึเปล่า..?" ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรแต่ทว่าตัวเขาเองก็มีเงาบิดเบี้ยวสองเงาอยู่ด้านหลังเหมือนกัน
เสียงกรีดร้องในใจกำลังทำงาน แต่สีหน้าเรียบนิ่ง
แต่เหมือนจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่แทน น้ำตาไหลหนักกว่าเก่า
“มะมะมะมะ ไม่เป็นไร”
“ผมสบายดี ไม่เป็นอะไรเลย”
พูดไปเสียงสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ได้แต่คิดว่าไหงคนตรงหน้าถึงมีอะไรติดมาด้วยถึงสองอย่างงั้น กลัวก็กลัวแต่สั่นสู้อยู่
"ไม่เป็นไรแน่นะครับ? ผมว่าคุณดูไม่โอเค.." จ้องมองอีกฝ่ายพลางคิดในใจอยู่ว่าอาการดูหนักกว่าเก่าเสียอีก..สงสัยจะอกหักมาสินะ ชีวิตวัยรุ่นก็แบบนี้
"ไปนั่งพักตรงโน้นก่อนแล้วกันนะ.." พูดจบก็จูงพาอีกฝ่ายไปนั่งตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใกล้ๆ
"ครับ"
เขาก็ไม่ปฏิเสธอะไรก่อนจะเดินตามแรงจูงอีกคนไปนั่งตรงม้านั่ง
แต่ในตอนนี้เขาก็หยุดร้องไห้แล้วจริงๆ แต่ก็ยกมือมาเช็ดคราน้ำตาไปพลางๆฟึดฟัดนิดหน่อย
"ตอนนี้ผมโอเคเเล้ว ขอบคุณนะครับ"
บอกอีกคนไปพร้อมกับขอบคุณด้วยเล็กน้อย
แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายสบายใจขึ้นหลังจากที่นั่งพักแล้วเขาก็วางใจ ทีแรกเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเศร้าซะจนคิดสั้นน่ะสิ
“เห็นคุณดีขึ้นผมก็ดีใจแล้วล่ะครับ ถ้างั้นผมขอตัว แล้วก็..”
“อย่าคิดมากเลยนะครับโลกนี้ยังมีคนดีๆที่รักเราอีกเยอะ” เขาพูดทิ้งท้ายออกไปด้วยความเป็นห่วงก่อนจะโบกมือให้เล็กน้อยและเดินจากไป
เขามองอีกคนงงๆกับที่อีกคนพูดพลางโบกมือกลับบอกลาอีกคน
“..เป็นคนแปลกๆรึเปล่านะ?”
หลังเเยกเขาก็พูดออกมาแบบนั้นก่อนจะเดินกลับบ้านตัวเอง ของที่ต้องซื้อก็ให้พี่ชายจัดการแทนก็แล้วกัน
(ขอบคุณที่มาโรลด้วยกันมากๆเลยนะคะ🥺🤲🏻💖✨)
เขาสะดุ้งนิดหน่อยที่อีกฝ่ายยื่นมือมาเฉียดเเก้มเขาก่อนจะเห็นอีกคนชักมือกลับ
"..มะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษก็ได้"
เขาบอกอีกฝ่ายไปก่อนจะเอามาลูบๆบริเวณที่อีกฝ่ายมาแตะเเล้วเช็ดน้ำตาไปด้วย
"ขอบใจนะที่จะเช็ดน้ำตาให้"
น่าเป็นห่วงแฮะ..
กระทั่งกำลังเดินเข้าไปทัก แต่คนตรงหน้าเองก็เดินออกมาพอดี ทั้งคู่สบตากันเข้าอย่างจัง
????? ร้องไห้อยู่นี่นา
พอเห็นอย่างนั้นก็ทำอ้ำอึ้งอยู่ครู่นึงก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
”เอ่อ.. ใช้นี่สิครับ“
”เป็นของใหม่น่ะ ไม่ต้องห่วง“
เขากระพริบตาปริบๆก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้าจากอีกฝ่ายมาเช็ดน้ำตาอยู่ครู่นึง
"ไว้จะซักคืนให้นะครับ"
เขาบอกอีกคนไปพร้อมชี้ที่ผ้าเช็ดหน้า พลางคิดไปว่านี่่ของใหม่ซะด้วย รู้สึกเกรงใจหน่อยๆ ต้องซักให้ดีซะแล้ว
'เหมือนรุ่นพี่ที่รู้จักเลยแฮะ'
'จะใช่ฟุจิกาวะเซมไปไหมนะ'
ฝาเท้าไวเหมือนความคิด รู้ตัวอีกทีก็เดินมาใกล้อีกคนสะแล้ว
"เซมไป...ฝุ่นหรอครับ เจ็บมากไหม?"
สองมือค้นผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋า ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าปักลายให้อีกฝ่าย พร้อมท่าทางเป็นห่วง
"เซมไปไหวไหมครับ?"
ตอบอีกคนไปน้ำตาก็ไหลแหมะๆ ก่อนจะมองอีกฝ่ายค้นกระเป๋า
"ขอบคุณนะอัตสึชิคุง"
'ปักลายด้วยแหะ'มองผ้าเช็ดหน้าครู่นึงก่อนจะเช็ดน้ำตาพลางๆฟังที่อีกฝ่ายถาม
"อา.. ไหวแหละ ดีขึ้นแล้วล่ะ"
ตอบอีกคนไปพร้อมกับตอนนี้ก็หยุดร้องไห้แล้วด้วย
”จริงๆนะครับ?“
สายตาที่มองช้อนอีกฝ่ายอยู่ ก่อนจะนึกเรื่องนึงขึ้นได้
“เซมไปหลับตาแป๊บนึงนะครับ”
ก่อนจะดึงแขนเสื้อลากอีกฝ่ายไปแบบไม่ถามสักคำ
เขาพยักหน้าตอบอีกคนไปก่อนจะฟังที่อีกคนพูดแล้วหลับตา
"หลับตาแล้ว..?? "
พอเขาหลับตาตามที่อีกฝ่ายบอกก็เหมือนจะโดนดึงให้เดินตามเขาก็เดินตามอย่างว่าง่ายไม่ได้ขัดขืนอะไร
จะพาไปไหนกันนะ?
”รอผมแป้บนึงนะอย่าลืมตานะครับ“
รอไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมเสียงสดใส
”ลืมตาได้ครับ“
”ไอติมล่ะ เพื่อจะทำให้เซมไปหายเจ็บ”
(ขอนุญาติใช้ภาพรียูสครับ)
อีกคนบอกให้รอเขาก็พยักหน้าก่อนยืนรออีกฝ่ายอยู่นิ่งๆ
ไม่นานอีกฝ่ายกลับมาเขาก็ลืมตาตามที่อีกคนบอก
“…ไปซื้อมาให้หรอ?“
”ขอบคุณนะช่วยได้เยอะเลย“
เขาพูดยิ้มๆก่อนรับไแติมจากแีกฝ่ายมากิน
เขาแค่เดินผ่านมาทางนี้เฉยๆ อันที่จริงแล้วตัวเขามองไม่เห็น ‘มัน’ แม้แต่เงา ทว่าถ้าเรื่องเสียงน่ะได้ยินชัดแจ๋ว และรับรู้ได้แน่นอนว่ามันอยู่ตรงไหน
ดังนั้นนายที่หันมาพร้อมน้ำตา ก็เห็นหนุ่มร่างสูงคนนี้ยืนตัวสั่นจนขาขยับไม่ได้อยู่เหมือนกัน!
“ค คุณ…”
พูดเสียงเบาด้วยปากสั่นๆ หน้าซีดไม่ต่างกัน แต่ไม่กล้าทักเรื่องที่นายเผลอร้องไห้หรอก
กลายเป็นสองหน่อประสบภัย 😭 ใครก็ได้ช่วยด้ว
เขาหันมามองตามเสียงที่ได้ยินเบาๆก่อนจะเห็นอีกฝ่ายดูน่าซีดๆ ก็รู้ทันทีเลยว่าน่าจะมีอะไรเซ้นส์อะไรสักอย่างเหมือนเขา
ถึงตัวเขาเองน้ำตาจะยังไหลอยู่ สีหน้าเองยังคงเรียบนิ่งแต่ที่ต่างไปคือตัวเริ่มสั่น
“มะ มีอะไรรึเปล่า”
กลายเป็นสั่นสู้ การที่อีกคนก็ดูกลัวก็เท่ากับว่ามันน่าจะยังอยู่สินะ
สองขาก้าวเดินเข้าไปหาใกล้ขึ้น
พูดด้วยเสียงแหบแห้ง ฟังๆไปก็หลอนพอกันกับไอตัวด้านหลังเลย
”ผ ผมว่า เรา….“
รีบเดินออกไปจากตรงนี้กันเถอะครับ
ประโยคหลังเขาไม่ได้พูด แต่ด้วยสัญชาตญาณ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เผลอยื่นมือออกไปจับข้อมืออีกฝ่าย…
แล้วสับเท้า พาวิ่งออกไปด้วยกันจากที่ตรงนั้นซะแล้ว!!
โกยเถิดโยม
เห็นอีกคนยกมือสองข้างตบแก้มตัวเองก็สะดุ้งนิดหน่อย ก่อนจะจ้องว่าเป็นอะไรรึเปล่าห่วงๆ
แต่พออีกคนเขยิบเข้ามาตัวเขาก็ชะงัก
“..เรา?”
เขาพูดตามอีกคนที่พูดเหมือนไม่จบประโยคงงๆ
“????”
เอ๊ะ?
กลายเป็นว่าโดนจับข้อมือแล้วพาวิ่งออกจากตรงนี้ซะงั้น เขายิ่งงงยิ่งกว่าเดิม
‘เขาจะพาไปไหนกัน??’
ในระหว่างที่จะกลับบ้านก็ดันมาเจอสถานการณ์แปลกๆ เงาดำขมุกขมัวที่อยู่ด้านหน้า กับเด็กหนุ่มที่ยืนทำท่าจะร้อวไห้เอาหน้าชนกำแพงอยู่
ต้องยอมรับว่าน่าสนใจใช้ได้
เขาเดินผ่านเงาดำเข้าไปหาคนแปลกหน้าคนนั้น ทำท่าทีราวกับไม่เห็นพลางคลี่ยิ้มบางดูอ่อนโยนทั้งๆที่ทักกะจะให้อีกฝ่ายหันมาเจอผีอีกรอบ
“ไม่เป็นไรนะ?”
“นายดูลำบากอยากให้ช่วยอะไรรึเปล่า?”
หลับตาอัตโนมัติทันที
“มะ..ไม่เป็นไร”
“ไม่ได้ลำบากเท่าไหร่”
ตอบอีกคนไปเสียงสั่นพร้อมค่อยๆหันหน้าไปทางกำแพงแบบเดิมแล้วลืมตา
น้ำตาไหลพรากกว่าเก่า
“มีอะไรเข้าตาเหรอ? ให้ฉันดูให้มั้ย”
เอ่ยเรียกคนตรงหน้าทั้งๆที่เจ้าวิญญาณขมุกขมัวก็ยังยืนอยู่ทางด้านหลังเหมือนเดิมนั่นแหละ
“หันมาทางนี้หน่อย นะ?”
“…”
ฟังอีกฝ่ายพูดก่อนจะครุ่นคิดนิดหน่อย กำลังมองโลกแง่ดีอยู่ว่ามันอาจจะหายไปแล้วก็ได้
เลยหันไปมองอีกคน แล้วหันกลับทันที
“ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ..”
“เดี๋ยวก็หายน้ำตาไหลแล้ว”
พลางคิดไปว่าหมอนี่ไม่ได้เห็นไอ่นั่นแล้วแกล้งกันหรอกใช่ไหม หวังว่าจะไม่ใช่
ไม่งั้นความเชื่อใจคนแปลกหน้าเหลือ0แหง
"..."
"ร้องไห้...ทำไม?"
ชายร่างสูงหน้านิ่ง เดินผ่านมาพอดี เห็นเพื่อนที่นั่งโต๊ะข้างๆ กำลังยืนหลังค่อม น้ำตาไหลพรากแบบนั้น ก็มีหยุดชะงัก เอามือซุกกระเป๋ากางเกง มองเล็กน้อยด้วยสายตาเหมือนโปรไฟล์-
"...แน่ใจ?"
ถึงนายบอกฝุ่นเข้าตาก็เลิกคิ้วมองอยู่ดี
🤨
"ใครทำอะไรนายอีกล่ะ"
".. แน่ใจ"
ตอบอีกคนกลับไปน้ำตาเองก็ไหลเหมาแหมะ
"ฝุ่นนั่นแหละ ไม่มีใครทำอะไรฉันหรอก"
พูดนิ่งๆแต่น้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล ความน่าเชื่อถือเป็น0สุดๆ
แต่ก็ไม่รู้อีกฝ่ายจะเชื่อไหม แต่หวังว่าจะเชื่อนะคงไม่ไปตืบใครหรอก.. มั้ง
จุนตะก็ยืนนิ่ง มองหน้านาย ที่ยังน้ำตาไหลพรากๆอยู่ ถึงจะบอกแบบนั้นแต่สีหน้าท่าทางมันไม่น่าเชื่อถือเลยนี่นา...เขาเลยถอนหายใจนิดๆ
" *เฮ้อ*..."
"หยุดร้องได้แล้ว "/กอดอก มองขรึม
"มันทำให้นายดูอ่อนแอ"
🤨
"...ทีนี้บอกได้ยัง ว่าใครมันทำอะไรนาย?"
"อย่าบอกนะว่า...เห็นผี?"
"หรือจู่ๆก็อยากร้อง...เรียกร้องความสนใจรึไง"
ยืนตาคมมอง ปากขยับ บ่นๆ
(คำพูดแรงตามคาร์นะคะ🙏🏻)
‘ก็อ่อนแอจริงนี่หว่าให้ทำไง‘ ได้แต่คิดอยู่ในหัวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“..!”
คำพูดของอีกฝ่ายทำเอามือของเขาขยับเองอัตโนมัติไปปิดปากอีกคนไม่ให้พูดต่อ
“อย่า”
คำเดียวสั้นๆอออกจากปากเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก เพราะถ้าอะไรไม่ดีได้ยินเขา
เขานี่แหละที่อาจจะซวยเอา..
พูดจบก็หันไปมองด้านหลังเช็คดูว่ายังอยู่ไหมก่อนหันกลับมาร้องไห้หนักกว่าเดิม
“อย่าพูดออกมาตรงๆให้มันรู้ดิ ไอ้บ้านี่”
"...ใครอนุญาตให้นายจับปากฉันไม่ทราบ?"
ในหัวหนุ่มผมสองสี ตอนนี้ไม่ได้คิดเรื่องที่เพื่อนกำลังร้องไห้แล้ว พอนายยกมือมาจับปากเขาแบบนั้น
เขาก็ดันลิ้น เลียฝ่ามือนายไป เพื่อเตือนให้เอามือออกไปไกลๆจากหน้าเขา...นี่เพราะยังเห็นเป็นเพื่อนนะ ถ้าเป็นคนแปลกหน้ามาจับหน้าเขาแบบนี้ มีหวังโดนกัดมือเลือดซิบ แถมอัดซ้ำแล้ว
/คุณได้รับฝ่ามือเปื้อนน้ำลายหมาบ้า 1 ea
+
เขายืนกอดอก มองนาย ทำหน้ามุ่ยๆ
เพราะตานี่ไม่มีสัมผัสที่หก ไม่เคยเห็นผีจริงๆเลยสักครั้ง แต่เหตุการณ์แปลกๆในโรงเรียนก็เคยประสบอยู่...
จึงไม่ได้มองว่าเพื่อนเขากำลังโกหกหรอก...ก็ยังเชื่อเล็กๆว่าผีมีจริง แต่...
...แล้วนายจะยืนน้ำตาไหลตรงนี้อีกนานไหม💢
+
การกระทำแปลกๆ นั่นทำให้เธอหยุดเดินแล้วมองด้วยความสงสัย
"ก็พอจะรู้นะ ว่านายมันแปลก"
"แต่ก็ไม่คิดว่าจะแปลกขนาดนี้ ไม่เจ็บรึไง?"
"เจ็บดิ ถ้าไม่เจ็บน้ำตาคงไม่ไหลหรอก" <<แถไปเรื่อย
ระหว่างพูดก็เช็ดน้ำตาไปด้วยพลางๆพร้อมมองอีกคน
"อีกอย่างถ้าฉันแปลกคนที่แปลกกว่าคงเป็นเธอนั่นแหละ"
พูดพร้อมชี้ไปหาอีกคน ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่ได้อะไรเเต่เป็นอีกฝ่ายเขาไม่ยอมโดนอีกคนว่าเปล่าๆอยู่แล้ว
"เหอะ ก็แปลกตามนาย เอ้านี่ เช็ดคราบน้ำตาให้หมดๆ สิ ดูไม่ได้เลย"
ยังคงพูดจาไม่น่าฟังแต่เธอเข้าไปใกล้ ฝ่ามือหยิบมาเช็ดหน้าขึ้นมาช่วยเช็ดใบหน้าอย่างถือวิสาสะ
"อยู่นิ่งๆ ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าคนรู้จักฉันดูปวกเปียก บวมมั้ยเนี่ย"
"..."
มองอีกคนเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ก็คิดอยู่ว่าจะเอาหรือไม่เอาดี
แต่ยังไม่ทันได้ตอบอีกฝ่ายก็เข้ามาเช็ดให้เองซะงั้น
"ก็เธอตัวเล็กเอง ฉันก็เลยต้องก้มให้เธอเนี่ย"
พูดไปก็ก้มให้อีกคนเช็ด
"ไม่บวมหรอก แค่น้ำตาไหลนิดเดียวเอง"
"ฉันยังอยู่ในวัยกำลังโตเถอะย่ะ เดี๋ยวอีกหน่อยคนที่ก้มคงต้องเป็นนาย"
ฝีปากเถียงกลับแทบจะทันที หมอนี่พอสูงกว่าเธอก็เอาใหญ่ เมย์ซับให้เสร็จก็จ้องมองให้แน่ใจ ปลายนิ้วแตะจิ้มไปยังบริเวณที่กระแทก
"แล้วฉันกดแบบนี้เจ็บมั้ย'
ถามพลางสังเกตอาการไปด้วย
บอกอีกคนไปพลางคิดในหัวไปพลางๆว่าอีกคนคงไม่สูงไปมากกว่านี้แล้วล่ะมั้ง
"ก็ไม่ได้เจ็บอะไร"
"เเค่เอาหน้าผากพิงกำแพงเฉยๆ"
พูดพร้อมกับยืนเต็มส่วนสูงก่อนลูบๆหน้าผากเช็คดูว่าไม่ได้เจ็บอะไรจริงๆ
"โย้ชชิ โย้ช"
"คุณฝุ่นมาทำเซมไปร้องไห้แบบนี้ได้ยังไงเนี่ย จะมาแข่งแกล้งเซมไปกับชิออนเหรอ!?" เธอหัวเราะ
"ฮิฮิ ล้อเล่นค่ะ"
"ไหนคะ ยังเจ็บตาอยู่มั้ย?"
เลื่อนแขนเสื้อกินมือไปซับน้ำตาของคนพี่เบา ๆ
เห็นยื่นมือมาก็ก้มให้รุ่นน้องเล็กน้อยจะได้ไม่เมื่อยเเขนเอา
".. ก็.. หายเจ็บแล้วแหละ"
"คิดว่านะ"
ขณะที่พูดไปน้ำตาก็ยังไหลอยู่ ก็คุมน้ำตาตัวเองไม่ค่อยได้อยู่แล้วด้วย เหมือนก็อกน้ำแตก
อีกฝ่ายซับน้ำตาให้เขาก็ยืนนิ่งๆให้อีกคนซับน้ำตาใช้เวลาสักพักเขาถึงจะหยุดน้ำตาไหล
"ขอบใจนะ"
ก็นะ ในสายตาเธอคุณยังคงเป็นรุ่นพี่ที่น่าเป็นห่วง นิสัยขี้แยขัดกับกับรูปร่าง เป็นใครก็คงอยากแกล้งแน่ ๆ
"อืมมมม ถ้าอยากขอบคุณชิออนหล่ะก็~"
"ไปกินไอติมกับชิออนมั้ยคะ?"
"ชิออนเลี้ยงเอง!"
เธอเอ่ยชวนคุณอย่างร่าเริง
ตอบไปหน้าปลงๆ เพราะห้ามไปก็คงห้ามไม่ได้อยู่แล้ว
"แปลกๆ ก็ไปกินได้นะ "
"แต่.. ฉันเลี้ยงเธอดีกว่า แทนคำขอบคุณกับที่เช็ดน้ำตาให้"
ฮารุโตะเสนอตัวเป็นคนเลี้ยงแทนที่จะเป็นอีกฝ่ายเลี้ยง
เธอหัวเราะคิกคัก ยิ้มแฉ่งตอบ
"เอ๋~"
"ถ้าเลี้ยงชิออน ระวังจะโดนหลอกหมดตัวเอานะคะ"
พูดจบเสื้อที่กินมืออยู่นั่นก็คว้ามือ พาคุณให้วิ่งไปกับเธอ เพราะทำแบบนั้นเลยวิ่งผ่านเงาดำที่คุณกลัวอยู่ตอนแรกมาได้ง่าย ๆ แน่นอนว่าเธอไม่รู้ตัวว่ามีสิ่งน่ากลัวอยู่ เธอเพียงแค่ทำตามใจตัวเองเท่านั้น
จุดหมายของเธอคือร้านไอติมใกล้ ๆ หวังว่าคุณจะวิ่งตามเธอไหวไม่หกล้มไปก่อนนะ!
"เดี๋ยวก็อ้วนหรอก--"
เขาตอบอีกคนไปพลางวิ่งตามเเรงที่อีกฝ่ายดึงไป
แต่ให้ตายสิ ดันมาวิ่งผ่านเงาด้วยนั่นทำให้เขาหลับตาผ่านมันมา หัวใจแทบร่วงไปอยู่ตาตุ่ม
เขาวิ่งตามเธอมาเรื่อยๆจนมาถึงร้านไอติมใกล้ๆ เขาก็มองรอบๆไปด้วยพลางๆ
"เธออยากกินอะไรก็สั่งเอาแล้วกันนะ"
เขาบอกอีกคนไปตัวเองก็ยืนจ้องดูหาไอติมรสที่ตัวเองอยากกินไปด้วย
เนซึมิเดินผ่านมาในบริเวณนั้นรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างทำเอาเขาขนลุกไปทั้งตัวจึงเสมองไปทางอื่น ไม่นานพลังงานนั้นก็หายไปเขาจึงโล่งอกถอนหายใจเบาๆ
ก่อนจะเลื่อนสายตาไปพบคนที่กำลังหันหน้าเข้ากำแพงดูท่าทางเหมือนกำลังสั่นอยู่
"นายเป็นอะไรมั้ย?"
แม้จะเป็นห่วงแต่ตอนนี้เขาก็ทำหน้าเลิ่กลั่กสุดๆ แล้วใครจะเชื่อว่าเขาไม่เห็นอะไร?
"ไม่.. ไม่เป็นไร"
"ยังโอเคดีอยู่"
พูดไปน้ำตาไหลไป น่าเชื่อสุดๆ แต่เขาก็เป็นอย่างงี้ตลอด เจอทีไรน้ำตาไหลทุกที ห้ามน้ำตาไม่ไหวจริงๆเพราะกลัว
เนซึมิหยิบทิชชูในกระเป๋ากางเกงให้อีกฝ่ายเอาไว้เช็ดน้ำตา ไม่กล้าสบตา เพราะอีกฝ่ายดูหน้าดุ กลัวจะเป็นนักเลง
"ขอบใจ"
หลังจากรับมาเขาก็ดึงทิชชู่มาเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา
"ไว้จะตอบแทนเรื่องทิชชู่ก็แล้วกันนะ"
เขาให้ด้วยความยินดีจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที เผลอมองหน้าอีกฝ่ายก็พบว่ากำลังโดนจ้องอยู่ เนซึมิก็รีบหนีทันที
"ผม ไป ก่อน นะ ครับ!" วิ่งหนีไปแล้ว....
(แฮะๆมาสั้นแบบสั้นมากๆ ขอบคุณที่ให้มาแจมด้วยค่ะ 😀💖)
“ไปซะแล้วแหะ”
จะบอกให้รอก่อนก็ไม่ทันซะแล้วเลยได้เเต่มองนิ่งๆจนลับสายตา
ไว้มีโอกาสเจออีกต้องถามชื่อเอาไว้แล้วสิ
(ขอบคุณที่มาโรลด้วยกันมากๆเลยนะคะ เค้าเป็นเอ็นดูน้องวิ่งหนี😂🤲🏻✨)
๐0( คนที่เคยเห็นเมื่อตอนนั้นนี่นา )
เธอมองซ้ายขวาขณะที่กำลังอมอมยิ้มจู*าจุ๊บแล้วพูดอุบอิบกับตัวเอง
“.. ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ“
ก็เห็นเขาอยู่หลายครั้งตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่นี่น่าจะเป็นครั้งแรกๆที่คุยกับเขาตรงๆ รู้สึกจะชื่อ..
”ฟูจิกาวะ..“
”ใช่หรือเปล่า?”
"ฟูจิกาวะ ฮารุโตะ"
พยักหน้าเล็กน้อยก่อนบอกอีกคนไปว่าตัวเองชื่ออะไร
ส่วนตัวเขาก็มองอีกคนประมาณว่าใครกันนะคนนี้ เพื่อนในโรงเรียนรึเปล่านะ?
"แล้วเธอ?"
อ๋า ก็เห็นนายทุกวันจากดาดฟ้าตั้งแต่ช่วงม.ต้นนู่น ก็ยังไงอยู่
“……”
“ร้องไห้ทำไมเหรอคะ”
เหมือนเธอจะเมินคำถามของเขาไปเปลี่ยนเรื่อง ราวกับไม่อยากให้รู้ว่าเป็นใคร
อยู่ก็โดนเปลี่ยนเรื่องก็เลยทำหน้างงๆออกมานิดหน่อยแต่ก็ไม่คิดจะซักไซร้อะไร
"ก็ฝุ่นเข้าตานั่นแหละ"
"ไม่ทีอะไรมากหรอก แสบตาน้ำตามันเลยไหลออกมา"
เขาบอกอีกคนไปแต่ยังไงเขาก็ตอบเลี่ยงความจริงที่เขาเห็นอยู่แล้วนั่นแหละ ไม่มีทางบอกแน่นอน
คิโยเทรุผ่านมาพอดี ตั้งใจจะเดินเข้าไปดูแต่อีกฝ่ายกลับเดินออกมาจากกำแพงซะก่อน
พอเห็นว่าไม่เป็นอะไรแล้วก็ยิ้มกว้างพูดไปเรื่อยเปื่อย
"จะว่าไป นายก็ดูคุ้นๆอยู่นะเนี่ย เอ.. เรียนอยู่ที่เดียวกันรึเปล่านะ?"
ขัดกับข้างหลังของเจ้าตัว วิญญาณสีดำทมึนปรากฏตัวออกมาจ้องเขม็งไปที่คุณ ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเกาะติดมากับเจ้าหมอนี่นะ
"...."/สั่น/
"นะ น่าจะเป็นอย่างงั้นนะ"
ตอบไปเสียงสั่น ไอ้ข้างหลังอีกคนก็จ้องเขม็งเขาเองก็สั่นสู้น้ำตาไหลเมาะแมะ
'มองไม่เห็นๆๆๆๆๆๆๆ'
สะกดจิตตัวเองในใจเราไม่เห็นเขาไอ้ที่อยู่หลังอีกฝ่ายก็ไม่เห็นเราแหละเขาคิดแบบนั้น
(ตายแล้ววว รูปน่ารักมากเลยค่ะ😭💖✨)
เห็นอีกคนน้ำตาร่วงอีกแล้ว คิโยเทรุขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อยในระยะที่มือเอื้อมถึง
"ฝุ่นเข้าตาอีกแล้วเหรอ? ไหวมั้ยเนี่ย เอ.. มีทิชชู่มั้ยนะ"
ก้มๆไปความหาของในกระเป๋า ตอนนั้นเองเจ้าวิญญาณสีดำๆข้างหลังก็เหมือนจะรู้ตัว ค่อยๆสลายหายไปเหมือนไม่เคยอยู่ตรงนั้น
"อ้ะ เจอแล้ว เอ้า ใช่นี่สิ"
ทิชชู่สีขาวสะอาดถูกยื่นให้ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้ม
(ฮือๆ ขอบคุณค่าา น้องน่ารักๆๆๆๆ 😉)
เขาสะดุ้งเล็กน้อยตอนอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้นิดนึง ทีนี้กลายเป็นลูกตาเขาที่เริ่มสั่นไหว เบี่ยงมองไปทางอื่นแทน
“วะ ไหว”
ตอบอีกคนไปพลางมองไปทางอื่นเรื่อยๆจนกระทั่งสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหายไปเขาถึงค่อยๆเลื่อนสายตากลับมามองครตรงหน้าได้ดีๆ
”…ขอบคุณ“
รับทิชชู่ที่อีกคนมอบให้มาเช็ดน้ำตาพลางระแวงรอบๆนิดหน่อย ยังคงเช็คอยู่ว่าไม่มีอะไรอยู่แล้วจริงๆใช่รึเปล่า
ขณะเดินเข้าไปหายังไม่ทันได้เอื้อมมือสะกิด อีกคนก็ดันหันมาเสียก่อน ใบหน้าเคล้าน้ำตานั่นทำเขาชะงักไปหน่อย
“...”
เขาไม่ได้พูดอะไรอย่างเคย เพียงแค่หันมองรอบๆแล้วหันกลับมาเหมือนจะบอกว่าไม่มีอะไรแล้วล่ะ
พอคนพี่มองรอบๆแล้วดูเหมือนจะไม่เห็นอะไรเขาก็โล่งใจ ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ
"ดีใจที่เจอพี่นะครับ"
"ถ้าเป็นคนอื่นผมไม่รู้เลยว่าจะทำหน้ายังไงดี"
บอกอีกคนไปพลางฟึดฟัดฮึ้บให้ตัวเองหยุดร้องไห้เเล้วกลับมาเป็นปกติแบบเดิม
ก็เท่าที่รู้จัก เด็กนี่ดูจะร้องไห้ง่ายเพราะขี้กลัวอยู่แล้วนี่นะ แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามเข้มแข็งน่าดู
เขาหยุดมือที่กำลังปลอบนั่นแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมายื่นให้อีกฝ่ายแทนระหว่างนั้นก็มองรอบๆ เหมือนทางเส้นนี้จะเป็นทางไปร้านค้าตรงทางโน้น เขาชี้ไปฝั่งทางไปร้านค้าพลางเอียงคอนิดหน่อยเชิงถาม
"ขอบคุณครับ"
รับผ้าเช็ดหน้าจากอีกฝ่ายมาเช็ดน้ำตาตัวเองพลางๆ ตอนนี้ก็หยุดร้องไห้แล้ว
"ครับ?"
เขามองตามที่อีกคนชี้ไปก่อนจะประมวลผลในหัวเล็กน้อย
"อา ครับไปครับ ผมว่าจะซื้อของอยู่ด้วย"
"ไปด้วยกันไหมครับ?"
เอ่ยชวนอีกคนไป
“...”
ซื้อมาแล้วน่ะ วัตถุดิบทำมื้อเย็น
เพราะมาเจออีกฝ่ายตอนขากลับน่ะนะ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะทันเอ่ยอะไรเขาก็กระตุกแขนเสื้อคนน้องเบาๆ ขาก้าวนำไปแค่หนึ่งก้าวพลางหันกลับมาพเยิดหน้าไปทางนั้นเป็นการชักชวนให้ไปด้วยกัน
เผื่อว่าระหว่างทางจะไปเจออะไรเข้าอีกล่ะนะ
เห็นอีกฝ่ายชูถุงขึ้นมาก็เข้าใจทันทีก่อนหน้ายู่นิดหน่อย
รู้งี้ออกบ้านมาไวกว่านี้ดีกว่า
แต่ยังไม่ทันตอบอะไรคนพี่ก็กระตุกเเขนเสื้อพร้อมทำท่าทีเหมือนชวนไปด้วยกัน นั่นทำให้เขาดีใจหน่อยๆ
“ขอบคุณที่ไปด้วยกันครับ”
บอกอีกคนไปพร้อมเดินอยู่ข้างๆอีกคน
“แล้วพี่มิคามิซื้ออะไรมาบ้างหรอครับ”
เขาถามพร้อมมองถุงที่อีกฝ่ายถือไปด้วยความสงสัยหน่อยๆ
"อะ งั้นหรอ"
ถึงอีกฝ่ายจะบอกเช่นนั้น แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นอีกตน? ที่อยู่ไม่ไกล
"เอาเป็นว่าเช็ดน้ำตาก่อนนะ"
ว่าจบเขาก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย
อีกฝ่ายยื่นผ้าเช็ดหน้ามาเขาก็รับมาเช็ดน้ำตาไปพลางๆถามอีกคนไปด้วย
“นายมาทำอะไรแถวนี้อ่ะ?”
ชิงถามอีกคนไปเพื่อกลบเกลื่อนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เจอ
เอาตัวรอดไว้ก่อนยังไงไอ้นั่นสักพักก็คงหายหรือไปที่อื่นแล้วแหละ
เจ้าตัวตอบออกไป ในขณะที่สายตาของเขาก็แอบเหลือบมองวิญญาณที่อยู่ไม่ไกล
"แล้วเธอละมาทำอะไรแถวนี้"
กล่าวถามต่อโดยไม่ได้สนใจอีกตนตรงนั้นที่ค่อย ๆ เลือนลาง
"มาซื้อของที่เเม่ขอให้ซื้อเหมือนกัน.. "
ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง อะไรมันจะดลใจขนาดนี้ พระเจ้า
"เหมือนกันเลยนะ ไปด้วยกันเลยไหม"
เอ่ยชวนอีกฝ่ายไปด้วยกันซะเลยไหนๆก็มีภารกิจที่เเม่ให้มาเหมือนกัน
เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเสียจริง
"อื้ม ! เอาสิ มีเพื่อนเดินด้วยแบบนี้ ก็ดีเหมือนกัน"
"ถ้างั้นเราไปกันเลยไหม ?"
หากอีกฝ่ายพร้อมจะไปเมื่อไร เขาก็พร้อมจะออกตัวเมื่อนั้น
เขาตอบอีกคนไปก่อนจะหันมองด้านหลังและรอบๆ ก็ดูไม่มีอะไรแล้ว เลยโล่งใจหน่อยๆ
จากนั้นก็เดินนำอีกคนไปยังทางที่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ
“แม่นายให้มาซื้ออะไรบ้างอ่ะ?”
“ของฉันมีสามอย่าง ผักกาดขาว ต้นหอม แล้วก็มิโซะ”
เขาบอกอีกคนไปพร้อมนับนิ้วทวนของที่ต้องซื้อให้อีกคนฟัง
เธอชี้ไปที่ตัวตน(?)นั้น แต่สายตามองมาที่อีกคน
ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่านั่นไม่ใช่คน
" แบบนี้มันไม่ดีนะ เดี๋ยวตาเป็นอะไรขึ้นมาทำไง "
ไม่ทันให้อีกคนตอบก็ชี้ว่าอีกตน(?)ต่อ
พอได้ยินอีกคนพูดก็พูดห๊ะออกมาเสียงเบา เริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องหันไปคุยกับสิ่งนั้นแน่
“!!!”
“ละ ลมหน่ะ แค่ลมพัดฝุ่นเข้าตาเฉยๆไม่มีอะไรหรอกนะ”
พูดพร้อมดันมืออีกคนลง เขาอุส่าห์ทำเป็นไม่เห็นมันแต่อีกคนดันไปชี้ เลยกลัวว่าตัวตนนั่นจะเข้ามาใกล้กว่าเดิม
’ฉันกลัวจะเเย่อยู่แล้วเนี่ย!!‘
“แล้วเธอมาทำอะไรแถวนี้เนี่ย ฮะๆ”
เปลี่ยนเรื่องไวๆพูดไปก็ยังน้ำตาไหลอยู่แต่ไหลน้อยกว่าเดิม
ลมหมุนขนาดย่อมรึเปล่านะ พัดเป็นกองเข้าตา
แต่โอเค ว่าไงว่างั้น
” ลุงใช้มาซื้อของน่ะ แต่ขนมติดไม้ติดมือเยอะเลย “
“ แล้วนายกับ ... ”
ส่งสายตามองสลับ สิ่ ง นั้ น กับอีกคน เหมือนจะถามว่า‘มาด้วยกันหรอ’ แต่ไม่แน่ใจว่าควรพูดมั้ย
ยืนจ้องสลับกันเป็นตัวเลือกสุดท้ายครั
"คนเดียว มาคนเดียว ไม่ได้มากับพี่ๆ มาคนเดียว"
คราวนี้เขาตอบอีกคนไปชัดเจน แต่เขาก็ตอบโดยเอาพี่ๆเข้ามาเป็นคนตอบ
หวังว่าอีกคนจะเข้าใจ แล้วให้ทำเป็นไม่เห็นมันสักที มันจะได้ไปที่อื่น
"กำลังจะไปซื้อของ ฉันก็โดนแม่ใช้มาเหมือนกัน"
ตอบอีกคนไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งถึงในใจเขามันจะไม่นิ่งเลยก็ตามที