#ESRA_Starlit #ESRA_Roleplay
【 ย้อนหลัง 3 Feb│หอเต้นรำ 】
หากก้าวออกมานอกฟลอร์และบังเอิญสบตากับบุรุษท่านนี้ ก็อย่าได้ตื่นตกใจ เพราะเขาอาจแค่กำลังเชยชมบรรยากาศของงานเลี้ยง และเผลอจ้องดาวจรัดฟ้าเช่นคุณเข้า ...
หากแลเห็นแล้วอยากกล่าวทักทายหรือทำความรู้จัก ก็อย่าได้ลังเลแล้วจงก้าวมา จากนั้นเขาจะสานต่อความปรารถนาของคุณเอง
【 ย้อนหลัง 3 Feb│หอเต้นรำ 】
หากก้าวออกมานอกฟลอร์และบังเอิญสบตากับบุรุษท่านนี้ ก็อย่าได้ตื่นตกใจ เพราะเขาอาจแค่กำลังเชยชมบรรยากาศของงานเลี้ยง และเผลอจ้องดาวจรัดฟ้าเช่นคุณเข้า ...
หากแลเห็นแล้วอยากกล่าวทักทายหรือทำความรู้จัก ก็อย่าได้ลังเลแล้วจงก้าวมา จากนั้นเขาจะสานต่อความปรารถนาของคุณเอง
Comments
ไมเลยมองบรรยากาศในงานรอบด้วยความสงบ ถึงแม้ว่าเขาชอบที่จะทักทายผู้คน แต่พอคนเยอะเข้ามากๆก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไรนัก
จนกระทั่งเห็นคนคุ้นหน้ามากที่สุด
"คุณซาน"
เจ้าตัวยิ้มร่าก่อนจะเดินดุ่ยๆเข้าไปหาทัน
"วันนี้คุณซานมีสง่าราศีเป็นพิเศษเลยครับ"
" ขอบใจนะ จังหวะที่เห็นไมเลนเมื่อกี้ ก็ทำเอาสะดุดตาฉันไม่น้อยเลยล่ะ "
อาจด้วยเครื่องห่มและเครื่องประดับที่ดูเป็นพิธีการ จึงทำให้บรรยากาศรอบตัวของทั้งสองดูต่างจากเคย
" ว่าแต่ ... จู่ๆออกมาแบบนั้นจะดีเหรอ "
ซานเอ่ยก่อนเหลือบมองผู้คนที่คล้ายจะกรูกันเข้ามาเพื่อพูดคุยกับอีกฝ่าย ดูท่าจะเป็นที่นิยมภายในงานเลี้ยงสุดๆ
เจ้าตัวเอ่ยทวยคำก่อนจะหันกลับไปมองตรงที่เพิ่งจากมาก ผู้คนรอบตัวยังพูดคุยกันอยู่.. หวังว่าตอนนี้หัวข้อตรวนั้นคงไม่เกี่ยวกับตัวเขานะ
"ไม่น่าเป็นอะไรหรอกครับ อย่างน้อยตอนนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยกับผมสักเท่าไร ผมแค่ยืนฟังบทสนทนารอบๆอย่างเดียวเอง"
พอสังเหตุก็เิร่มกังวลว่าจะเสียมารยาทไปรึเปล่า จนเผลอยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยของตัวแก้เก้อ
+
เปิดบทสนทนาชวนคุยใหม่เพื่อเปลี่ยนเรื่อง
ชายหนุ่มเอามือป้องปากก่อนหัวเราะน้อยๆ ความจริงเมื่อครู่เขาแค่ต้องการหยอกอีกฝ่ายเล่นก็เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิหรือว่าอะไรหรอก
“ โอ้ะ? เป็นคำถามที่น่าสนใจดีนะ ไหนขอคิดซิ ”
ซานนึกคำตอบอยู่ครู่นึง เพราะถ้าให้พูด ก็คงมีมากเสียจนนับไม่หมดเลยล่ะ
+
“ แล้วนายล่ะ มีอะไรที่อยากทำมั้ย? ”
พอคิดว่าเป็นหัวข้อที่สนุกดี จึงส่งคำถามกลับไปให้อีกฝ่าย
เธอยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนคลี่ยิ้มให้แล้วสาวเท้าเดินเข้าไปทักทาย
"สวัสดีตอนเย็นค่ะท่านซานเทรี" เธอโน้มตัวลงพร้อมจับชายกระโปรงขึ้นทักทายรุ่นพี่ที่เธอไม่ค่อยมีโอกาสได้คุย ก่อนเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวทักทาย "วันนี้ท่านดูสง่าและหล่อเหลามากเลยค่ะ"
“ สายันห์สวัสดิ์ครับเลดี้ฟลัวร์ริเซีย ”
ชายหนุ่มยิ้มก่อนโค้งคำนับให้อีกฝ่ายด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
เดิมทีเขาเคยได้ยินชื่อเสียงด้านธุรกิจของตระกูลฟลัวร์ริเซียมาบ้างจึงเป็นเหตุทำให้รู้จักเธอ แม้จะยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันเลยก็ตาม
“ หากเป็นเช่นนั้น ก็ถือเป็นเกียรติที่ได้รับคำชมจากเลดี้ครับ ”
ซานกล่าวขอบคุณอย่างถ่อมตน ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับชุดเดรสอีกฝ่าย
+
คนหัวธุรกิจด้านการค้า พอเจออะไรที่สวยงามเข้า ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมอย่างตรงไปตรงมา
สาเหตุที่เธอมาเรียนที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้นี่นะ... การนำร่องทำการตลาดกับเหล่าชนชั้นสูง
ผู้เป็นลูกค้ารายหลักของธุรกิจ
"หากท่านสนใจก็บอกได้นะคะ ทางเราจะเตรียมส่งไปให้ค่ะ"
“พี่ซานนี่~!”
สาวผมชมพูตัวจิ๋วในชุดมินิเดรสสีขาวชมพูก้าวเท้าฉับๆยิ้มกว้างสดใสเข้าไปหาชายหนุ่มตัวโตทันทีเมื่อเผลอสบตากัน
“วันนี้พี่หล่อมากเลย เท่มากด้วย”
เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเธอก็พูดเสียงใส มองสำรวจอีกฝ่ายไปมาอย่างสนอกสนใจ เครื่องแบบสีดำเข้ากับอีกฝ่ายสุดๆ!
" ขอบใจนะ วันนี้เพกกี้ก็แต่งตัวน่ารักมากเสียจนฉันเกือบจำไม่ได้แหนะ "
เดรสสีขาวชมพูที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีต ช่างเข้ากันได้ดีกับหญิงสาวที่มีบุคลิกสดใสแบบเธอ นั่นคือสิ่งที่เขาคิด
" เป็นไงบ้าง งานเลี้ยงสนุกรึป่าว ? "
รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนถือวิสาสะยื่นมือเข้าไปลูบหัว เพื่อแสดงออกถึงความเอ็นดูที่มีต่ออีกฝ่าย
“ สนุกสิ! ดนตรีก็เพราะ ของกินก็อร่อย เสียดายที่ฉันกินเยอะไม่ได้เพราะใส่ชุดกระโปรง “
เธอเงยหน้าขึ้นมามองสบกับคนตัวสูงกว่าด้วยรอยยิ้มที่กว้างจนแก้มแดง
” พี่ซานนี่ล่ะ? งานเลี้ยงสนุกรึเปล่า? แต่งตัวเท่แบบนี้ต้องมีสาวๆรอเต้นรำด้วยจนเท้าเป็นไฟแน่เลย! “
มองพี่ชายด้วยแววตาเป็นประกาย ก็เท่จริงๆนี่นา
อีกฝ่ายบอกเล่าถึงความสนุกสนาน ก็พลอยทำให้ตัวผู้ฟังรู้สึกมีความสุขไปด้วย
“ เอ๊ะ? ฉันน่ะเหรอ ได้ยินคำชมแล้วความมั่นใจเพิ่มขึ้นเลยแฮะ ”
ซานกล่าวติดตลก ความจริงก็อยากแต่งตัวให้เรียบกว่านี้อยู่หรอก แต่พัฟบอลคู่ใจดันไม่ยอมเนี่ยสิ …
“ ถ้าเพกกี้ให้เกียรติเป็นคู่เต้นรำกับฉัน งานเลี้ยงก็น่าจะสนุกขึ้นนะ สักเพลงมั้ย? ”
ว่าก่อนผายมือเชื้อเชิญอีกฝ่ายอย่างสง่างาม
เธอชูกำปั้นขึ้นสูงเสมออกเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งกำลังใจให้ แต่เมื่อฝ่ามือของอีกฝ่ายผายมายังเบื้องหน้าก็ช้อนดวงตามอง มือเล็กวางลงบนนั้นอย่างว่าง่าย
"ถ้าพี่ชายของฉันเรียกหาถึงเกียรติจากฉันแน่นอนว่าฉันต้องให้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ" รอยยิ้มกว้างแสนสดใสวาดอยู่บนใบหน้า
"ออกไปเต้นให้สนุกกันเลยค่ะ!"
ชายหนุ่มยกยิ้มพร้อมประคองอีกฝ่ายเดินไปยังฟลอร์เต้นรำ
แสงจากโคมไฟระย้าที่ถ่ายเทมายังคนสองคน ทั้งตำแหน่งในจุดเต้นรำก็ถือว่าดี เมื่อเข้าที่ ซานวาดวงแขนก่อนนำอีกฝ่ายเต้นรำ โดยคำนึงถึงระยะก้าวของอีกฝ่ายไปด้วย
“ จะว่าไป พลูมี่ไม่ได้มาด้วยกันหรอกเหรอ? ”
มือที่กำลังยกแก้วทรงสูงจรดริมฝีปากหยุดชะงักกลางคัน ดวงตาสีอ่อนละจากเครื่องดื่มในมือ ก่อนจะสะท้อนภาพของเพื่อนร่วมชั้นปีที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
“ซานเทรี”
เขาเอ่ยชื่อเป็นการทักทาย ขณะก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเพียงเล็กน้อยให้ระยะระหว่างกันเหมาะสมต่อการสนทนา
พลันสายตาของเขากวาดมองอีกฝ่าย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พร้อมมุมปากยกขึ้นวาดรอยยิ้ม
“ดูดีเชียว”
“ นายก็ดูดีไม่หยอกเหมือนกัน เจเรเมีย ”
ชายหนุ่มยิ้มรับก่อนเอ่ยปากชมอีกฝ่าย
ทั้งใบหน้าหล่อเหลา ชุดเอย แลเครื่องประดับที่ถูกคิดค้นมาเพื่อกันอย่างประณีต ในสถานที่แห่งนี้คงยาก หากจะหาใครที่มีเสน่ห์เทียบเท่าบุคคลที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“ ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา สบายดีรึป่าว ”
ถือโอกาสถามไถ่ข่าวคราวความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายด้วยความใคร่รู้
จะจริงหรือไม่จริงเพียงใด หากอีกฝ่ายเอ่ยชมมาก็ถือเป็นเจตนาที่ดี
แต่แล้วเมื่อนึกถึงช่วงเวลาหลังได้กลับไปอยู่ที่อาณาจักรระยะสั้นๆ ดวงตาสีอ่อนคล้ายจะหลุบลงชั่วขณะ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ความคิด
“จะว่าสบายดี…ก็คงใช่”
พลางคลี่ยิ้มบางจางๆ อย่างเคยชิน
+
นั่นคือความจริง
“แต่การปกครองผู้คน…ก็หนักหนาอยู่เหมือนกัน”
ไม่บ่อยนักที่เขาจะเผลอระบายอะไรออกไปแบบนี้ อาจเพราะอีกฝ่ายนั้นก็ดูเป็นคนที่มีความคิดก้าวไกลไม่ต่างกัน
“ เดิมทีไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทหน้าที่ไหนล้วนต้องเผชิญกับความกดดัน และความคาดหวังเป็นธรรมดา ”
เพียงแต่จะมากหรือน้อย คงขึ้นอยู่กับตัวบุคคล
“ สิ่งที่ทุ่มเทไม่อาจเห็นผลลัพธ์ได้ในทันที ทว่าหากเรายืนหยัดในอุดมการณ์และเชื่อในเหล่าคนที่เราปกป้อง สักวันมันอาจช่วยเป็นกำลังใจเพื่อให้นายก้าวข้ามบางสิ่งไปก็ได้ ”
+
หน่ำซ้ำผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้แทนกษัตริย์ในตอนนี้ก็เป็นพี่ชายที่อายุมากกว่า หาใช่ตัวเขา
อาจเป็นเพียงคำพูดสวยหรู แต่เขาก็หวังว่ามันจะช่วยคลายเมฆหมอกในใจอีกฝ่าย แม้เพียงเล็กน้อย
เมื่อเธอสบตาเข้ากับเขา เธอไม่ได้แปลกใจ หรือแม้แต่กังวล มิหนำซ้ำเธอมองว่ามันคือโอกาสที่ได้ทักทาย
วันนี้โชคอาจจะเข้าขเางเขาที่มีสาวสวยอย่างเธอทักทาย วิลเฮลมิน่ายกยิ้ม ดวงตาสีสวยส่องปรเกายใต่แสงไฟไม่ต่างจากโคมระย้าคริสตัลสวยงามบนเพดานห้องเต้นรำ
เธอเดินตรงไปทางเขา เพียงก้าว สองก้าว พร้อมแก้วเครื่องดื่มในมือของเธอ
" สายัณห์สวัสดิ์ครับเลดี้ "
" ก่อนอื่นต้องขอภัยที่ทำเรื่องเสียมาทเข้า และหวังว่าเลดี้จะไม่ถือโทษต่อกัน ... "
ชายหนุ่มโค้งคำนับกับสตรีเบื้องหน้าอย่างสุภาพ พร้อมกล่าวคำขอโทษเพื่อแก้ต่างความเข้าใจผิดในเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
แม้การสบตากันระหว่างชายหญิงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาถูกความสง่างามของเธอสะกดไว้ แม้เพียงชั่วครู่ก็ตาม
“อา…” เธอหัวเราะเล็กน้อยให้กับคำขอโทษแก้ต่างของตัวเขา เธอไม่ได้คิดว่ามันเสียมารยาทสักหน่อย
ไม่ละ เพราะมันเป็นงานเลี้ยง เธอจึงไม่ถือว่ามันเสียมารยาทแล้วกัน อย่างไรมีตาก็ต้องไว้ใช้มองอยู่แล้ว
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยนี่คะ” เธอยกยิ้มเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นจดจ้องมองอีกฝ่ายด้วยนัยยะบางอย่าง
“หวังว่าคุณจะสบายดีนะคะ?”
ซานหลุบสายตาหัวเราะกับท่าทีที่พยายามแก้ต่างของตนเอง
“ เดาว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่เราได้พูดคุยกันสินะครับ? ”
“ ซานเทรี เฮลิเยร์ รูโซ ยินดีที่ได้รู้จักครับเลดี้ ”
ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่เคร่งครัดเรื่องพิธีการมากหรอก แต่เพราะนี่เป็นการพูดคุยกันครั้งแรกจึงต้องรักษากิริยามารยาทพื้นฐานไว้
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รู้จักนะคะ คุณรูโซ" รอยยิ้มประดับ ใบหน้าส่องประกายไม่ต่างจากชุดและเครื่องประดับของเธอ เธอเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมารยาท ถึงแม้จะดูไม่เหมือนเป็นคนที่จริงจังเท่าไหร่
“ ที่นี่ผมเองก็อยู่ในฐานะนักเรียน ถ้าช่วยเรียกว่าซานเทรี.. หรือซานเฉยๆจะเป็นเกียรติมากเลยครับ ”
พอถูกเรียกแบบนั้นก็พลอยทำให้รู้สึกเคอะเขิน
ไม่ใช่เพราะไม่ชอบนามสกุล แต่เพราะปกติเขามักบอกให้ทุกคนเรียกด้วยชื่อ เพื่อที่จะได้รู้สึกเป็นกันเองในหมู่นักเรียนก็เท่านั้น
+
“วันนี้แต่งตัวดูดีนี่”
เสียงเรียบนิ่งเอ่ยทักทายคนตรงหน้ากล่าวจบก็กดยิ้มมุมปากเล็กน้อย
แม้ปกติเขากับอีกฝ่ายอาจจะมีกวนกันบ้างตามประสาเพื่อนวัยเดียวกัน แต่ครั้งนี้เขาก็ชมอีกฝ่ายด้วยใจจริง
ซานถึงกับยิ้มแย้มเมื่อได้รับคำชมอย่างจริงใจจากอีกฝ่าย
คงเพราะเดิมทีคนที่ถูกชมบ่อยๆมักจะเป็น นาดีน เสือดาวหิมะที่ตนเลี้ยงเสียมากกว่า …
“ เห็นนายดูสนุกกับงานเลี้ยงฉันก็ดีใจ แล้วนี่ได้ออกไปเต้นรำกับใครแล้วรึยัง? ”
บทจะดีก็ดีไม่สุด เปิดฉากแซวอีกฝ่ายไปแล้วหนึ่ง—
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นเจ้าชายแท้ ๆ แต่กลับเรียกเขาว่าท่านอัศวินเนี่ยนะ แต่ก็สมกับเป็นอีกฝ่ายดี
ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร ก็โดนแซวมาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่อีกฝ่ายก็น่าจะรู้ดีว่าเขาไม่สันทัดการเข้าร่วมงานสังสรรค์นัก
มันน่านัก
“อืม สนุกมากเลยล่ะ ทำไมล่ะ นายจะชวนฉันเต้นรำด้วยรึไง”
เขากวนอีกฝ่ายกลับด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ ฮ่ะๆ ไม่ล่ะ ถึงชวนไปนายก็ไม่เต้นด้วยอยู่ดี ”
“ แอบน้อยใจแทนสาวๆตรงนั้นที่รอได้เต้นกับนายเลยแฮะ ”
ว่าพลางชี้ไปยังกลุ่มสาวงามที่จ้องมาทางอัศวินหนุ่มรูปงาม
เช่นนั้นเมื่อมีโอกาสในคืนนี้ เจ้าของเรือนผมสีขาวในชุดราตรีตัวยาวสีน้ำเงินจึงก้าวเข้าไปหา
"ผมกลาเซ่ วาลงตัง บล็องเช่ บุตรของดยุกแห่งเธรินดรัล ขออนุญาตกล่าวทักทายท่าน.." เอ่ยด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรพลางโค้งคำนับให้เบาๆ
เด็กปีหนึ่งทุกคนล้วนสวมอาภรณ์สีขาวดุจไข่มุก หากแต่ชุดที่เลดี้แห่งดยุคฟรอว๊องค์ท่านนี้สวมใส่กลับดูเรียบง่ายจนมิได้โดดเด่นเท่าไรนัก
สีผมบรอนด์เหมือนเส้นไหมสีทองระดับดอกกุหลาบมาร์ช กระโปรงชุดยาวแต่ไม่ลากพื้น แขนบนทรงตุ๊กตาและแขนยาวเรียบตามสัดส่วนแขน แม้เรียบง่ายแต่มากรายละเอียดของลูกไม้และผ้าชีฟ่อง ดูเรียบแต่หรูหรามิน้อย
+
“สวัสดีเจ้าค่ะ วันนี้ท่านดูดีมากๆเลย” เธอชื่นชมทันที สองมือประสานอย่างยินดีและดีใจ
“ลายผ้าของท่านดูปราณีตและงานดีมากๆ เลยเจ้าค่ะ“
ชายหนุ่มกล่าวทักทาย ก่อนเผยรอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้พบพานมิตรสหาย
หญิงสาวในชุดเดรสสีขาวมุกผู้นี้ เป็นสหายคู่ค้าที่สำคัญของเขา
แลในช่วงที่ไปเยี่ยมเยือนอาณาจักรเฟริเซีย ก็บังเอิญได้พบเธอกับเจ้าหญิงเข้า จึงทำให้มีโอกาสได้เข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาและพูดคุยทำความรู้จักกันบ่อยๆ
ดังนั้น พอรู้ข่าวคราวว่าเธอจะมาร่ำเรียนที่อะคาเดมี่ จึงทำให้เขารู้สึกดีใจไม่น้อย
+
“ ชุดเดรสสีขาวมุกและหมวกของเธอก็งดงามมาก สมแล้วล่ะ ”
ซานกวาดสายตามองเพียงครู่เดียวก็รู้ได้ในทันที
ภายนอกอาจดูเหมือนชุดเดรสที่มีความเรียบง่าย ทว่าเนื้อผ้าและลวดลายที่ประดับกลับมีรายละเอียดบางอย่าง ที่หากไม่ได้คลุกคลีกับวงการค้าขายเฟริเซียมาก่อน ก็คงไม่รู้ว่าเป็นชุดที่มีมูลค่าขนาดไหน
“ เป็นไงบ้าง งานเลี้ยงสนุกรึป่าว? ”
ลูนาเรียลังเลเพียงครู่ก่อนจะก้าวไปใกล้เขาอย่างเงียบ ๆ พัดเลื่อนลงจากริมฝีปาก เธอเอียงศีรษะเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"หากคุณกำลังชมดวงดาว คืนนี้จะถือว่าโชคดีนัก…ฟ้ายามนี้งดงามเป็นพิเศษ"
เธอส่งรอยยิ้มบาง ๆ ดั่งดอกไม้แรกแย้มในยามพลบค่ำ
"หรือบางที ดาวที่ท่านมองหา…อาจมิใช่บนฟ้า?"
ดวงตาของเธอจ้องมองเขาอย่างใคร่รู้
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ เพราะเพียงแค่สบตา สตรีท่านนี้ก็สามารถอ่านความคิดของเขาได้อย่างทะลุปุโปร่ง
" ดูออกได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือครับ ข่างน่าทึ่งจริงๆ "
เอ่ยชมก่อนมองออกไปยังฟลอร์เต้นรำ จากนั้นวกกลับมาถามความเห็นอีกฝ่าย
" ไม่คิดบ้างหรือครับ ว่าเหล่าดาวที่รวมตัวกันอยู่ ณ ที่ตรงนั้น งดงามมากกว่าราตรีบนฟากฟ้าด้านนอกเสียอีก "
สายตานึงที่จ้องผ่านหน้าต่างเข้ามาในงานในช่วงเวลาที่ยามค่ำคืนของท้องฟ้าเห็นหมู่ดาวชัดเจน
ด้วยตาสีม่วงจ้องอีกฝ่ายที่สบตาตน พลางยิ้มทักทาย ก่อนจะเดินหายไปกับความมืด ข้างนอกนั้น
… ช่างเป็นชายที่เข้ากันได้ดีกับยามรัตติกาลเสียจริง