#KMI_VolunteerCamp
(แวะมาทักได้นะคะ (?)) #KMI_เปิดโรล โรลเปิด | แยกรูท
หลังจากที่โควคิได้ใช้เวลาทำกิจกรรมอาสาไปพักใหญ่ เขาก็ออกมานั่งพักแก้เหนื่อยที่ริมทะเล
แต่แล้วก็มีกระแสลมพัดแรง เอาหมวกของเขาปลิวไปตามแนวคลื่น
'อย่านะ อย่าหายไปแบบนั้น'
ความคิดชั่ววูบผลักให้เขารีบร้อนก้าวขาไปข้างหน้า เพื่อที่จะนำหมวกใบนั้นคืน
แต่ก็คงช้าไปสำหรับเขาน่ะนะ
(แวะมาทักได้นะคะ (?)) #KMI_เปิดโรล โรลเปิด | แยกรูท
หลังจากที่โควคิได้ใช้เวลาทำกิจกรรมอาสาไปพักใหญ่ เขาก็ออกมานั่งพักแก้เหนื่อยที่ริมทะเล
แต่แล้วก็มีกระแสลมพัดแรง เอาหมวกของเขาปลิวไปตามแนวคลื่น
'อย่านะ อย่าหายไปแบบนั้น'
ความคิดชั่ววูบผลักให้เขารีบร้อนก้าวขาไปข้างหน้า เพื่อที่จะนำหมวกใบนั้นคืน
แต่ก็คงช้าไปสำหรับเขาน่ะนะ
Comments
เป็นหนึ่งในคนที่ทำกิจกรรมอาสาเก็บขยะตามแนวชายหาด
ลมแรงพัดจนแผ่นกระดาษเปียกลอย ทำให้เห็นหมวกของใครสักคนที่ปลิวไปทางทะเล
โชคร้ายจัง เขาคิดกับหมวกที่ปลิว ก่อนห้วงความคิดถูกหยุดยั้ง เพราะใครสักคนที่วิ่งไล่ตามมัน
และต้องเป็นฝ่ายวิ่งไปอีกทอด เข้าไปใกล้เพื่อคว้าแขนรั้งเอาไว้ซะก่อนที่จะไปไกลกว่านี้
"หยุดก่อนสิ!" ขมวดคิ้วมอง ทั้งที่จริงแค่เหนื่อยเฉยๆ
ในจังหวะนั้นเอง โควคิก็ไม่ทันรู้ตัวว่าตนเองกำลังทำอะไร รู้แค่ว่าต้องไปข้างหน้าเท่านั้น
ต้องไปให้ทัน
เสียก่อนที่ความตั้งใจจะถูกขัดด้วยแรงที่รั้งแขนของเขาเอาไว้
"เอ้ะ" เขาหลุดเสียงเบา ๆ เหมือนถูกเรียกสติเอาไว้
ก่อนจะหันกลับไปกระพริบตาปริบ ๆ
"ค ครับ"
เขาดูงุนงง เหมือนจะไม่รู้ตัวว่ากำลังพาตัวเองไปหาอันตรายนะ
"อันตรายนะ วิ่งออกไปอย่างนั้น" ปล่อยมือออกช้าๆ มองปฏิกิริยาอีกฝ่ายอีกครั้ง ไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกตกใจเท่าคนพบเห็นเช่นเขาเท่าไหร่
"ไม่ต้องห่วงหมวกนั่นหรอก"
"เดี๋ยวมันก็กลับมา" หมวกสานที่ถูกพัดร่วงลงบนผืนทะเล ไม่นานมันก็ถูกคลื่นซัดกลับมาทางฝั่ง
เว้นแค่ไกลออกไปนิดหน่อย เขาจึงอาสาไปเก็บมันขึ้นมา
"ของนายใช่ไหม?"
ใครอะ..
"อะ เอ่อ ครับ" เอ้อ..อันตรายจริงด้วย เขาลืมนึกไปเลย
จากนั้นเขาก็แค่มองตามผู้หวังดีอาสาไปเก็บหมวกให้ในบริเวณน้ำตื้นแค่ข้อเข่า
"ใช่ครับ ! ใบนั้นเลย"
โควคิโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณ
น้ำที่ตื้นเป็นข้อดีที่ไม่ต้องย่อตัวเพื่อเก็บ เขย่ามือไล่หยาดน้ำทะเลออกไปได้บ้าง ค่อยเดินถือมันมาส่งคืนให้กับเจ้าของ
"เอ้านี่" ระหว่างยื่นส่งก็มองสำรวจเจ้าของหมวกสาน
"ไม่ได้บาดเจ็บอะไรตรงไหนนะ?" ไถ่ถามตามมารยาท ส่วนหนึ่งเพราะมองว่าพฤติกรรมเมื่อครู่ก็อาจสุ่มเสี่ยงเกิดบาดแผลโดยไม่รู้ตัวด้วย
"ขอบคุณนะครับ"
โควคิยื่นมือไปรับหมวกมาถือ และนำไปแนบข้างตัวไว้ดิบดี ไม่ให้ปลิวไปไหนแล้ว
โควคิก้มเช็คดูตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน
"ไม่มีหอยเม่นตำที่เท้านะครับ.."
ยิ้มแหะ-
“ โควคิคุง!? ” เสียงร้องเรียกตะโกนดังขึ้นกว่ายามปกติเรียกชื่อเพื่อนที่กำลังเดินวิ่ง(?)ลงทะเลไปตัวเปล่าจนน่าห่วง
มือที่ถือถุงกะออกมาเดินเก็บขยะอีกรอบปล่อยโยนทิ้งวางไว้บนชายหายแล้วย้ำเท้าวิ่งลงไปดึงชายเสื้อเอาไว้จนหงายหลังคู่ล้มก้นจุ่มน้ำ
“ มันอันตรายนะ! อย่าลงไปตัวเปล่าสิ ” หันมาแว้ดใส่อีกคนมือกำชายเสื้อไม่ยอมปล่อย
จนกระทั่งอีกฝ่ายออกแรงดึงชายเสื้อของตนจนหงายเงิบ
"เหวอ !?"
ยังดีที่ลงมาไม่ลึกมาก แต่ก็เปียกมะล่อกเรียบร้อยแล้ว
เขาหันขวับไปหา กระพริบตาปริบ ๆ เหมือนยังไม่รู้ตัวว่าทำอะไร
"ค ครับ..?"
“นาย… จะเดินลงทะเลไปตัวเปล่ารึไง”
มือยกแว่นตาขึ้นเอามือลูบหน้าเช็ดน้ำที่กระเด็นเข้าตาออกเบาๆ
“เหม่อหรอ? หรือว่ามีอะไรหรือเปล่า…หมวก?”
ตัวเขาพยายามสังเกตรอบๆ พร้อมกับเช็คสภาพคนที่ล้มลงมาด้วยตัวเปียกปอนไปหมด จนเหลือบไปเห็นหมวกที่ปลิวลอยตามลมออกไปไกล
เขาไม่ได้ตั้งใจจะเดินลงทะเลไปตัวเปล่าแบบนั้น แต่พอไตร่ตรองดูดี ๆ เขาก็กำลังทำแบบนั้นอยู่จริง ๆ ด้วยแฮะ
"คือ.."
"ขอโทษ" โควคิหลุบตา ดูหมองลงทันที เขาทำให้อีกฝ่ายลำบากซะแล้ว
"เราตั้งใจจะไปเก็บหมวกเฉย ๆ น่ะ แต่คงไม่ทันแล้วมั้ง" เขาพูดติดตลก ขณะที่หมวกก็ลอยไปไกลเกินจะเก็บได้แล้ว
"ขอบคุณที่ห้ามเรานะ"
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอโทษที่ตะโกนใส่ด้วยนะ...”
กลับมาคุมอารมณ์ให้เป็นปกติแล้วก็ล่าวขอโทษเพราะรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ควรทำเช่นนี้
“ส่วนหมวก...” เจ้าตัวลุกขึ้นยืนจากน้ำยืนคิด
“เอาของผมไปก่อนก็แล้วกัน”
มิกิถอดหมวกที่ห้อยอยู่ตรงคอให้จับสวมใส่หัวคนที่นั่งจุมปุกอยู่
มือยื้นไปข้างหน้าให้คนจับพยุงเพราะตัวเปียกชุ่มน้ำทะเลไปหมดถ้าเดินไปมาทั้งที่ชุดเปียกๆ คงตัวหนักใช่ย่อยเลยชวนขึ้นไปยังบนบกไปตากตัว(?)ให้แห้งก็ยังดี
กำลังเดินชิลๆอยู่ก็สะดุดตาไปเห็นอีกฝ่ายเข้า ก็ถึงกับต้องหยุดดู
‘อะไรกันน่ะ..’
’..ซ้อมmvหรอ? ดราม่าเชียว’
ไม่ได้สังเกตหมวกที่ปลิวไปเลยแม้แต่นิดเดียว..
พ่อหนุ่มที่กำลังซ้อม MV คนนั้น (?) รีบร้อนวิ่งลงทะเลและยื่นมือไปข้างหน้า เจ้าหมวกก็ได้ปลิวไปไกลเกินความลึกที่เขาสามารถจะไปถึงแล้ว
ส่วนเขาที่รีบเกิน แพ้แรงคลื่นก็เลยคะมำหน้าจุ่มทะเล ดีที่เขายังไปไม่ลึก แต่ก็เป็นภาพที่ตลกน่าดู
โควคิเงยหน้าขึ้นมา ก็ไม่เจอหมวกแล้ว แถมเปียกฟรีทั้งตัว
"..."
เฮ้อ
เห็นอีกฝ่ายหน้าคะมำไปแล้ว ก็ถึงกับอุทานออกเสียงรู้สึกเจ็บแทนขึ้นมาเลย
ว่าจะยืนอยู่เฉยๆแต่สุดท้ายก็ติดสินใจเดินเข้าไปหาใกล้ๆเพื่อเช็ค
“เป็นอะไรอะป่าวน่ะ”
พอได้ดื่มน้ำทะเลไปอึกนึง ก็ได้สติเรียบร้อยแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมาจากน้ำและหันไปหาเสียงที่เอ่ยถาม
"ครับ ?"
"อ๋อ"
ชูสองนิ้วยิ้มแป้น
"สบายดีสุด ๆ เลยครับ"
“แต่ว่า มาซ้อมแสดงตรงนี้เค้าว่าไม่เข้าท่านะ“
คิดเป็นจริงเป็นจัวเลยว่าอีกคนมาซ้อมจริงๆ..
หน้าเขาเหวอไปนิดหน่อย ไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด
"ซ้อมอะไรเหรอครับ เราจะไปเอาหมวกนู่น"
เขาชี้ไปยังหมวกที่ตกไปตรงคลื่น แล้วก็กำลังลอยไกลออกไปเรื่อย ๆ
"ไม่ทันแล้วล่ะ.."
ลาก่อนหมวกของผม
ระหว่างที่กลับมาทำงานคอยเดินไล่เช็กความเรียบร้อยของนักเรียนทุกคนกลับเจอนักเรียนประจำฉันตัวเองกำลังทำอะไรไม่รู้เลยรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวเอาไว้
”นาคากาวะ!“
”ทำอะไรของนายน่ะ!?“
ในจังหวะที่กำลังก้าวลงทะเลยังไม่ถึงครึ่งขา ก็ถูกคนคว้าเอาไว้อย่างทันท่วงที
เขายังไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำอะไร จากนั้นก็หันไปหาอีกคนช้า ๆ
"..ค ครับ ?"
เขาไม่รู้ตัวว่ามันอันตรายน่ะนะ
“นายจะลงทะเลไปทำไม? มันอันตรายนะ”
ถึงจะไม่ได้ลงลึกระดับที่อันตรายมาก แต่ก็วางใจไม่ได้อยู่ดี
”ถึงมันจะไม่ได้ลึกแต่ก็ระวังตัวหน่อย“
”ถ้าเกิดไรขึ้นจะทำยังไง“
สองมือวางทิ้งถุงขยะกับที่คีบไว้ตรงทรายแล้ววิ่งมาช่วยทันทีที่เห็น
“ เห้ย เดี๋ยวได้ล้มหน้าทิ่มลงทะเลเอาหรอก ”
วางมือบนไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงว่า'นายอยู่นี่แหละ เดี๋ยวไปเก็บให้'
ก่อนอากิจะออกวิ่งเพื่อไปเก็บหมวก โชคดีที่เขาเร็วพอจะจับมันทันก่อนเปียกน้ำทะเลพอดี
“ เอ้า เอาไปสิ คงเป็นของสำคัญซักอย่าง เห็นนายวิ่งขนาดนั้น ”
เดินกลับมาหาพร้อมยื่นหมวกในมือให้
"เอ้ะ ??!" โควคิถึงกับเหวอ
"ซ..ซุปเปอร์ฮีโร่สุด ๆ เลยครับ"
มือยื่นมือมารับหมวกที่สภาพดีเต็มร้อย เขาเหวอจนลืมขอบคุณเลยทีเดียว
เถิงหยุนรีบว่ายไปหาหมวกที่ปลิวไปอย่างทะเยอทยานก่อนมือจะคว้ามาได้
“ผมเก็บมันมาได้แล้วล่ะ กำลังจะกลับไปหานะครับ!!” เถิงหยุนตะโกนลั่นด้วยสภาพเปียกโชนไปหาอีกคนนึงให้สบายใจ
ยังดีที่ลมไม่ได้พัดแรงจึงพอมีเวลาให้อีกฝ่ายลงไปเก็บทัน
ทางโควคิเองก็ลงมาจนถึงครึ่งตัวแล้ว ได้แต่ยืนดูอีกฝ่ายยอมลำบากไปเก็บหมวกเจ้ากรรมนั่นให้
"ขอบคุณครับ ! กลับมาเร็วเข้า ระวังคลื่นนะครับ"
กลายเป็นว่าอีกฝ่ายน่าเป็นห่วงสำหรับเขาซะอย่างนั้น (...)
อย่างน้อยเขาก็เห็นเพื่อนคนสำคัญอย่างโควคิดีใจและรู้สึกขอบคุณกับตัวเองก็มากพอที่เขาจะไม่รู้สึกแย่ที่ตัวเองเปียกโชก
“ยังไงก็ระวังอย่าให้หมวกปลิวล่ะ แถวทะเลมันลมแรงน่ะ” เขาใช้มือตบบ่าเพื่อนของตนและยิ้มร่าเริงสดใสเป็นกำลังใจให้
คงต้องไปจัดการกับเสื้อผ้าที่เปียกแล้วล่ะ..
"ขอบคุณนะ" เขานำมันมาถือไว้ จะไม่ให้ปลิวไปไหนอีกแล้วล่ะ
"ไปขึ้นฝั่งกันก่อนดีกว่า นายเปียกหมดเลย.." เขารู้สึกขอบคุณจากใจจริง แต่สีหน้าเหมือนว่ารู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยล่ะนะ
หลักจากที่เขาร่วมกิจกรรมจิตอาสาเสร็จ เขาก็ผละตัวจากความวุ่นวายและมาปรากฏตัวที่ริมชายหาดที่เงียบสงบ
แต่เขาไม่คิดเลยว่า... จะพบเจอกับความวุ่นวายในรูปแบบอื่นแทน
"ใจเย็นก่อนครับ"
เสียงของอายาโตะเปล่งออกมาเมื่อเขาเข้าประชิดตัวชายผมสีอ่อนและใช้มือรั้งบ่าของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้พุ่งลงทะเลไป สายตาของเขามองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าอย่างใจเย็น
+
ชายผมดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบและนิ่งสงบราวกับกำลังประเมินบางอย่าง
โชคดีที่นอกจากลมจะพัดพาหมวกของอีกฝ่ายไปแล้ว สายลมนั้นยังพัดหมวกสานกลับมาจนห่างออกไปไม่ไกล
ตัวเขาที่กำลังหุนหันไปข้างหน้านั้นไม่ทันได้สังเกตการมาของอีกฝ่ายเลย
" ! "
ทันใดที่ฝ่ามือลงมาวางอยู่บนไหล่ ขาที่กำลังก้าวก็ชะงักไป เขาแทบไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่
โควคิไม่ได้หันกลับไปมอง แต่กลับรู้สึกว่าคนข้างหลังทำให้เขากังวลใจอย่างน่าประหลาด
แต่อีกฝ่ายแนะนำให้รอ เขาก็ยืนท้าคลื่นลมรอดูแบบนั้นไปก่อน
+
"..."
"เอ่อ.."
เหลือบมองมือที่บ่า เอายังไงต่อดีนะเรา
พอเห็นว่าอีกฝ่ายเหลือบมองมาที่มือของเขา อายาโตะก็ปล่อยมือจากบ่านั้นพร้อมกับส่งยิ้มเอกลักษณ์ของตนให้อีกฝ่าย ทว่าสายตากลับกำลังมองคนตรงหน้าอย่างพินิจ
ด้วยระยะสายตาที่ใช้ในการก้มมองอีกฝ่ายและรูปลักษณ์ของเขา... ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่อายาโตะเคยเห็น
+
ก่อนที่อายาโตะจะกลับมาพร้อมกับหมวกสานใบนั้นของอีกฝ่ายที่แลกมากับการที่ร่างกายเกือบทั้งครึ่งล่างของเขาเปียกโชกไปด้วยน้ำทะเลในหน้าร้อน
"โชคดีนะครับที่ไม่ถูกพัดไปไกล"
อายาโตะเอ่ยด้วยรอยยิ้มราวกับไม่ถือสา แต่เนื้อหากลับแฝงคำเตือนให้ระวังมากกว่านี้เอาไว้อย่างเบาบาง
โชคไม่ดีสินะ
รันนะรีบสาวเท้าเข้าไปหาอย่างเร่งรีบเพราะคิดว่าเขากำลังจะลงทะเลไปเก็บหมวกของเขา
”เดี๋ยว!!“ เธอพยายามตะโกนสุดเสียง
เขาชะงักฝีเท้า
"..อะ เอ่อ ครับ ?"
เขาหันกลับไปแบบตัวแข็งทื่อ คิดว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
ร..รึว่าห้ามลงน้ำหว่า
โควคิคิดไปเรื่อย (...)
เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถ้าลงไปแบบนั้นอาจจะโดนคลื่นซัดเอาได้
ถึงตัวอีกฝ่ายยังไม่ลงน้ำไปทั้งนั้น สาวน้อยก็นึกไปเองว่าเขาจะคิดสั้นเพราะหมวกใบเดียวทำไม
”หมวก..“ เธองึมงำ
”ไว้ไปซื้อใหม่ก็ได้.. ใช่มั้ยล่ะ?“
เป็นคำพูดที่เหมือนจะพยายามปลอบใจอีกคน
”หรือว่าเป็นของสำคัญ?“
..ทำให้ใครห่วงเข้าอีกแล้วเหรอ
"นั่นสินะ" เขาระบายยิ้มให้หญิงสาว พอได้มายืนใกล้ ๆ แล้ว เธอตัวสูงกว่าเขาอีกนะ
"ไม่หรอก เป็นของธรรมดา ๆ น่ะ ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ"
เขาหัวเราะแหะ ระอาตัวเอง ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนั้น
"เธอ..ชื่ออะไรเหรอ ?"
วันนี้กินเลือกมาทำกิจกรรมจิตอาสาที่ชายหาด ระหว่างที่กำลังเดินเก็บขยะไปเรื่อยๆ เขาก็สังเกตเห็นใครสักคนก้าวลงทะเลด้วยความรีบร้อน
"เดี๋ยว! อันตราย!"
รีบวิ่งไปคว้าแขนอีกฝ่ายให้หยุดเดินต่อ
เวลานี้อาจเป็นช่วงน้ำขึ้น ก้าวพ้นมาจากชายหาดได้ไม่เท่าไหร่ น้ำทะเลก็สูงถึงหัวเข่าแล้ว
"รีบวิ่งลงไปแบบนั้น นายจะบาดเจ็บได้นะ"
เขาหอบน้อยๆ ยังไม่ได้สังเกตว่าอีกฝ่ายรีบวิ่งตามอะไร
เขาที่กำลังรีบร้อนไปข้างหน้าไม่ทันได้รู้ตัวว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่คลื่นกำลังพัดออกจากฝั่ง
อันตรายจริง ๆ
เมื่อแขนถูกคว้าเอาไว้ เขาก็ชะงักไป ตัวแข็งทื่อ ก่อนจะหันกลับมามองด้วยสีหน้างุนงง
"..หือ ?"
อาจจะบาดเจ็บ ? อ้อ..
"อะ เหรอ ? งั้นเหรอ"
ความอึนบนใบหน้าแสดงชัดเจนว่าเขาไม่รู้ตัว
"เอ่อ ขอบคุณที่ห้ามเรานะ"
ใครเนี่ย
ก่อนจะเดินขึ้นฝั่งจนพ้นน้ำและปล่อยแขนอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ
ไม่แน่ใจว่าอีกคนอยู่ปีอะไร แต่ว่าอยู่กลุ่มเดียวกันกับเขาสินะ
กินหันไปมองทางที่อีกฝ่ายวิ่งตามออกไป
หมวก?
ดูเหมือนว่าจะพัดออกไปไม่ไกลมากเท่าไหร่
"อยากได้หมวกคืนไหม?"
ถามความต้องการอีกคน ดูเหมือนการมาค่ายจะทำให้เขามีจิตอาสาจนเคยชินสะแล้วสิ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี-
สังเกตจากผ้าพันคอก็ใช่ อยู่กลุ่มเดียวกันล่ะ
ในทีแรกก็ถอดใจเรื่องหมวกแล้ว
"หือ ?"
พออีกฝ่ายถามก็เงยหน้าทำตาปริบ
"ก็อยากได้คืนอยู่หรอกครับ..ไม่อยากให้เป็นขยะทะเลเลย"
"แต่แถวนั้นก็น้ำลึกแล้ว คงต้องถอดใจล่ะครับ"
โควคิเอ่ยด้วยสีหน้าละห้อย
"อืม.. ตรงนั้นน่าจะลึกอย่างที่นายว่า"
"แต่ก็ยังพอไปเก็บได้อยู่"
อย่างมากน้ำคงจะสูงเลยเอวขึ้นมาหน่อย
กินวางอุปกรณ์เก็บขยะกับถอดรองเท้าออก ก่อนจะเดินลงทะเลตรงไปเก็บทันที แล้วก็เป็นไปตามคาดเขาเก็บหมวกมาได้
แลกกับตัวเปียกไปแล้วครึ่งตัว แต่แดดแรงขนาดนี้ เดี๋ยวก็คงแห้ง
"นี่ หมวก"
เดินขึ้นฝั่งแล้วก็ส่งหมวกให้อีกฝ่าย
มันอันตรายนะ ให้ตายเถอะห้ามไม่ทันซะแล้ว
โควคิก็เลยเลือกที่จะเฝ้าของอีกฝ่าย โดยทำได้เพียงมองตามอย่างหวั่นใจ
จนอีกฝ่ายได้หมวกของเขามาคืนก็โล่งใจได้ประมาณนึง
"อันตรายนะครับ" กลายเป็นฝ่ายเตือนเองเฉยเลย
"แต่ก็.."
"ขอบคุณนะครับ" และรับมาถือไว้ ไม่ให้ปลิวรอบสองแล้วล่ะ
คานะที่เห็นอีกคนพรวดพราดจะเข้าไปในทะเลทั้งอย่างนั้นคนตัวสูงจึงวิ่งปรี่เข้าไปดึงข้อมืออีกคนไว้ก่อนจะไปลึกกว่านี้
“นี่! มันอันตรายนะครับ” เมื่อคว้าข้อมือเล็กได้ก็ไม่วายเผลอขึ้นเสียงไปด้วยเพราะตกใจมากทีเดียว
คลื่นในตอนนี้ค่อนข้างแรง เมื่อเทียบกับคนตัวเล็กตรงหน้าแล้ว
แถมเหม่อลอยแบบนี้ไม่แน่ว่าน่าจะถูกพัดไปทั้งคู่
“ของสำคัญหรอครับ?”
ก่อนที่ขาจะก้าวลงไปลึกมากกว่านี้ ก็ได้ถูกแรงดึงที่ข้อมือ พร้อมเสียงที่เรียกสติเขาจากด้านหลัง
โควคิหยุดนิ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง
"..อะ เปล่า ก็แค่หมวกใบเดียวน่ะ"
เขาตอบกลับอย่างซื่อสัตย์ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมต้องผลักตัวเองไปข้างหน้าขนาดนั้น
...
จากนั้นเขาก็ก้มมองข้อมือที่ถูกคว้า จะปล่อยก็ได้ เขาไม่วิ่งลงทะเลแล้วล่ะ
ถึงอย่างนั้นตัวเขาเองก็ยังกำข้อมืออีกคนไว้หลวมๆอยู่ดี
”ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ“
”แล้วนี่ มาเดินเล่นหรอครับ?“
เสียงนุ่มเอ่ยถามอีกคน ในเวลานี้ปกติคนมักจะทำกิจกรรมกันอยู่ ยกเว้นจะหนีมาอู้แบบเขาล่ะนะ…
โควคิดูจะเลิ่กลั่กกับการถูกกำข้อมือเอาไว้อยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร
"อ เอ่อ ครับ พักจากกิจกรรมจิตอาสาน่ะ"
"อีกเดี๋ยวก็กลับไปรวมตัวแล้วล่ะครับ"
จะว่าเขาอู้ก็ได้ แต่ก็ทำกิจกรรมไปตามที่สมควรแล้วล่ะ
เขารีบผละออกจากข้อมือเล็กพร้อมโค้งขอโทษอย่างสุภาพ
“ข ขอโทษทีครับ เสียมารยาทแล้ว” เอ่ยจบก็เลิ่กลั่กเล็กน้อยว่าควรทำอะไรต่อดี เลยแนะนำตัวไปซะเลย
ได้รู้จักคนตรงหน้าก็คงไม่แย่นัก
“คือ.. ผมคุโรซาวะ คานะสึกิครับ อยู่ห้อง 2-B”
"ไม่เป็นไรครับ ! เรื่องเล็กน้อย" เขาเข้าใจว่าคงเป็นห่วงนั่นแหละนะ แต่เขาไม่หุนหันลงทะเลแบบนั้นแล้วล่ะ
"นาคากาวะ โควคิ ห้อง 2-i ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" เขายิ้มให้
"ขอเรียกคุโรซาวะคุงได้ไหม ?"
ชินยะกำลังพักผ่อน, หรือหากมีเพื่อนสักคนมาพบคงบอกว่ากำลังอู้อยู่ แต่ด้วยอากาศร้อนเช่นนี้มันก็เป็นเรื่องทีช่วยไม่ได้
เท้ากำลังก้าวไปตามแนวทราย แต่สายตาคงเห็นรุ่นน้องที่ร้จักกันอยู่
"-นาคากาวะคุง"
เขาเรียกและเดินตามลงไป ถ้าคุณไม่หยุดก็คงรีบก้าวตามเพื่อจะไปคว้าไว้
"ระวังเดี๋ยวจมน้ำหรอกครับ?"
หากรีบร้อนเกินไปแล้วเลยแนวน้ำตื้นจะเป็นอันตรายเอาได้
เจ้าของชื่อชะงักไป เหมือนจะพอได้สติให้หันกลับมาหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย
ระดับน้ำที่เขาอยู่ตอนนี้ก็คงจะเลยข้อเข่าขึ้นมาหน่อย ไม่ได้ลงลึกจนเกินไป
"..ค ครับ ?"
เหมือนจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังหุนหันพลันแล่น
ถ้าอีกฝ่ายมาช้ากว่านี้ ก็อาจได้ไปนอนเล่นแถวแนวประการังแล้ว
"กลับขึ้นมาก่อนเถอะครับ"
"หรือว่าทำของหาย?"
ตอนเขาหันมาเห็นเป็นตอนที่คุณวิ่งลงไปแล้วแต่ไม่ทันเห็นหมวกคุณ
ที่อีกคนบอกให้กลับขึ้นมา เขาก็หันมองไปหาหมวกที่ค่อย ๆ ลอยหายไปกับทะเล
เขามีสีหน้าที่ละห้อย แต่ก็พอจะปล่อยวางได้
ยกเว้นเรื่องเดียว
ขอโทษที่สร้างขยะให้ทะเลครับ
"มาแล้วครับ" เขาสาวเท้ากลับมาหาพี่ชินยะ
"หมวกตกทะเล น้องไปไกลแล้วครับ"