คำตอบของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่ เพราะแต่ก่อนเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้เท่าที่ควร ทั้งยังต้องหลบซ่อนมันจากสังคม
“ฉันมีแฟนอยู่คนนึง.. ไม่สิ เคยมี”
ชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะ มือยกขวดน้ำจากรุ่นน้องขึ้นมามองเหม่อ
“เพิ่งรู้ว่าอกหักมันเจ็บขนาดนี้แฮะ..”
เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นให้อีดฝ่ายฟังด้วยความรู้สึกจุกอยู่ในอก
“ตอนมีอยู่ไม่เคยคิดรักษา ตอนสูญเสียถึงได้รู้คุณค่า”
“น่าตลกดีนะว่าไหม?”
“ฉันมีแฟนอยู่คนนึง.. ไม่สิ เคยมี”
ชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะ มือยกขวดน้ำจากรุ่นน้องขึ้นมามองเหม่อ
“เพิ่งรู้ว่าอกหักมันเจ็บขนาดนี้แฮะ..”
เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นให้อีดฝ่ายฟังด้วยความรู้สึกจุกอยู่ในอก
“ตอนมีอยู่ไม่เคยคิดรักษา ตอนสูญเสียถึงได้รู้คุณค่า”
“น่าตลกดีนะว่าไหม?”
Comments
ว่าจบแล้วเจ้าตัวก็ทิ้งร่างนอนแผ่ไปกับหาดทราย สายตาเหลือบไปมองคุณรุ่นน้องที่ไม่ได้ญาติดีกันสักเท่าไหร่จากด้านหลัง
“จะไม่ปลอบกันหน่อยเหรอ..โอชิมะคุง”
ถึงอาคุไรจะเศร้ายังไงก็ไม่ลืมพูดกวนคนให้ขุ่นเล่น
ไม่เคยอกหัก แต่ก็แอบร้องว้าวอยู่ในใจ โอ้ ความรักทำให้คนเราดูเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียว
ดูอย่างกับเป็นคนละคนกับที่ชอบแกล้งเขาแรงๆ นัก
ใจหนึ่งก็อยากตอบว่าตลก แต่ถ้าโดนเล่นขึ้นมาจะแย่เอา เจ้าตัวเลยหุบปากสนิท(…)
พอโดนเรียกชื่อก็เอียงหน้าเหลือบมองคุณหน่อยๆ นิ้วขยับชี้ไปทางขวดน้ำที่คุณถืออยู่--
“มีให้เท่านั้นแหละครับ” สำหรับคนที่ไม่ชอบหน้ากัน เท่านี้ก็คงดีเกินพอ+
“นั่นสินะ.. โอชิมะคุงคงไม่อยากเสียเวลาปลอบรุ่นพี่อย่างฉัน“ (◞ . ◟)
...ว่าไปนั่น สำหรับคนที่ไม่ชอบหน้ากันแล้วน้ำขวดนึงก็ดีถมไป เวลานี้คนโตกว่าแค่อยาดหาเรื่องเซ้าซี้ฆ่าเวลาที่ผ่านไป จะได้ไม่อยู่ว่างๆฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
..ลืมไปว่าเป็นเขาที่ชอบเดินหนีอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนไอ้หมอนี่ชอบเดินเข้ามาแกล้งต่างหาก(…)
“..เสียใจก็ส่วนเสียใจ อย่าเดินลงทะเลไปก็พอแล้วครับ” บอกเสร็จก็เดินจากไปอีกทาง-- แล้วถ้าได้เจอเพื่อนรุ่นพี่ก็จะบอกพิกัดให้มารับจริงๆ ซะด้วย(…)