#KMI_Nyugakushiki | บริเวณหน้าโรงเรียน
ขณะที่นักเรียนคนอื่นๆกำลังพากันเดินข้ามประตูโรงเรียน
ดูเหมือนจะมีนักเลงหนุ่มคนหนึ่งก้าวเท้าฉับๆไม่ได้ระแวดระวังคนแถวนั้นสักเท่าไหร่นัก ด้วยความที่แขนขายาวเก้งก้างคนอื่นเลยเลือกที่จะหลบมากกว่า
แต่ก็ดูเหมือนจะเดินชน [...] เข้าจนได้
ขณะที่นักเรียนคนอื่นๆกำลังพากันเดินข้ามประตูโรงเรียน
ดูเหมือนจะมีนักเลงหนุ่มคนหนึ่งก้าวเท้าฉับๆไม่ได้ระแวดระวังคนแถวนั้นสักเท่าไหร่นัก ด้วยความที่แขนขายาวเก้งก้างคนอื่นเลยเลือกที่จะหลบมากกว่า
แต่ก็ดูเหมือนจะเดินชน [...] เข้าจนได้
Comments
มิคาสึกิเซเล็กน้อย เขาหันมองนักเลงหนุ่ม
"ไม่เป็นไรครับ"
เขายิ้มน้อยๆ
"สภาพไม่จืดเลยแฮะ ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเหรอ?"
มิกะถามทีเล่นทีจริงไป
"โฮ่ยๆ นี่เอ็งจะบอกว่าวิถีของลูกผู้ชายมันเหมือนหมากัดกันหรือไงฟะ?" ยูตะยืดตัวเต็มความสูง ยืนจังก้าพร้อมหาเรื่องเต็มที่
"ดูถูกกันเกินไปแล้วนะเฟ้ย!"
ไม่รู้เพราะไม่กลัวจริงหรือแค่ซื่อบื้อเลยดูไม่สะทกสะท้าน
"เปล่าซะหน่อยครับ แค่พูดตามที่เห็นเอง"
"สรุปไปต่อยกับคนมางั้นเหรอเนี่ย? ถ้างั้นก็ถือว่าสภาพยังดูดีเลยนะ"
เขายิ้ม
"เดาว่าคุณเป็นฝ่ายชนะใช่มั้ย?"
เดินอยู่ดีๆก็โดนชนดังปั่กー กำลังจะโวยแล้ว อ้าปากค้าง หันควับไปมองอีกฝ่ายแล้วก็ต้องกลืนเสียงเก็บไป
ยังกับหนูเจอราชสีห์ เป็นคำขอโทษที่ทำเอาหน้าซีด มือควักลูกอมติดกระเป๋ายื่นส่งให้
"ผ-ผมไม่มองทางเองครับ ค่าอาหารกลางวันก็น้อย ให้ไม่ได้จริงๆครับ ได้โปรดรับสินน้ำใจไว้ด้วย!"
มโนไปว่าโดนไถ่เงินได้ไงเนี่ย
"เห้ยยย เห้ย! ให้มันน้อยๆหน่อยสิวะ อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนผิดเซ่!" เขาโน้มลงไปพูดใกล้ๆ แน่นอนว่าเขาหมายถึงอย่าทำเหมือนกำลังโดนเขาไถตัง ไม่ใช่เรื่องเดินชน แต่ท่าทีที่แสดงออกไปกลับดูข่มขู่แบบสุดๆ
"ผม.. ผมเปล่านะครับ คุณไม่เคยผิดครับ คุณแข็งแกร่งที่สุดแล้วครับ!" อนุมานไปว่าอีกฝ่ายชอบให้ชมแบบนี้(?)
"ส่วนตัดนิ้วหรือฮาราคีรีผมทำให้ไม่ได้จริงๆครับ.." พูดพึมพำเสียงเบา ถ้าใครได้ยินคงเข้าใจผิดได้ไม่ยาก
หมอนี่พิลึกว่ะ...
"โฮ่ยๆ ให้มันน้อยๆหน่อย เห็นฉันเป็นคนแบบไหนกันฟะ" เขาชี้หน้า แต่ก็ยังแยกเขี้ยวไม่เลิก
"อย่าเอาฉันไปรวมกับไอกร๊วกที่ชอบรังแกพวกกากสิเห้ย!" ไม่ได้ตั้งใจว่านายหรอกนะ...แต่มันลั่นไปแล้ว...
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยืนขวางทางเองค่ะ" เธอรีบจับหมวกกันหล่นแล้วโค้งให้แบบไม่มอง
"เออ... โทดทีๆ ฉันก็ไม่ทันดูเหมือนกัน" ยูตะเบ้หน้า ก่อนจะเสมองไปทางอื่นครู่หนึ่ง แล้วจึงหันกลับมามองอีกรอบ
"เธอ... ปีสามหรอ?"
มองอีกคนก็รู้สึกคุ้นๆ คงอยู่ปีเดียวกัน แต่ก่อนจะถามชื่ออีกฝ่ายก็ต้องตกใจเมื่อพิจารณาดูดีๆ
"หน้าคุณ- มีแผลเต็มเลย ไปห้องพยาบาลก่อนเถอะค่ะ"
"บาดแผลของลูกผ้ชายน่ะ แค่นี้ไกลหัวใจจะตายไป..." เขาใช้นิ้วโป้งถูใต้จมูกตัวเอง
"เจ็บแค่นี้น่ะไม่ตายหรอก" จู่ๆก็แอคขึ้นมาซะงั้น ไอหมอนี่ดูท่าจะเพี้ยนพอตัวเลย
"แค่ก ー" อาเคมิกัดปากเกือบจะหลุดหัวเราะออกไปแล้ว
อย่างไรก็เถอะ หล่อนกระตุกชายเสื้อ "ย่อตัวลงมาหน่อยค่ะ ฉันจะดูให้"
"ของพวกนี้ ยิ่งดูแลไม่ดีจะยิ่งหายช้านะคะ"
"หาาา? อะไรเล่า! ไม่ต้องดูหรอกน่า!" จู่ๆเจ้าตัวก็ร้องโวยวายขึ้นมา แต่ไม่ใช่เพราะความไม่พอใจ หากพอจะสังเกตบ้าง ก็จะเห็นว่าใบหูของแยงกี้หนุ่มเริ่มจะแดงน้อยๆ
"ฉันไม่ใช่พวกปวกเปียกนะเฟ้ย! ไอแผลแบบนี้ เอาน้ำถูสองวันก็หายแล้ว!"
“ โอ๊ะ! ”
ตอนที่กำลังชะเง้อและพินิจพิจารณามองหาคนที่พอจะรู้จักหน้าอยู่ เจ้าหล่อนก็โดนชนเข้าจากข้างหลัง โชคดีที่ตั้งหลักทัน แม้ตัวแทบปลิวก็ตาม
“ ขอโทษค่ะ! ฉันมัวแต่เหม่อมองคนอยู่…”
หล่อนเงยหน้ามองอีกฝ่าย อึ้งกับระดับอากาศที่อีกคนใช้หายใจ กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะแอบกลัวนิดหน่อย
“ เอ่อ…เป็นอะไรไหมคะ…” พลั้งพูดออกไปตามมารยาท สายตาเลิ่กลั่ก
"เออ... โทดๆ ฉันก็ไม่ทันดูเหมือนกัน" ยูตะรีบเบี่ยงหน้าหลบไปทางอื่นอย่างวางท่าไม่ถูก โอ้ย..เซ็งโว้ย เจอพวกยัยตัวจิ๋วตัวจ้อยแต่เช้าเลย...
"หา? ไอนี่น่ะหรอ?" เขาหันกลับมาหาอีกฝ่าย คิ้วขมวดเล็กน้อย
"บาดแผลของลูกผ้ชายน่ะ แค่นี้ไกลหัวใจจะตาย..." เขาใช้นิ้วโป้งถูใต้จมูกตัวเอง
กิโกะเบิกตาโต ทำหน้าราวกับผูกเชื่อมความคิดในหัวสำเร็จ
“ แบบนี้นี่เองค่ะ! เป็นผู้ชายแล้วก็ต้องมีบาดแผลสินะะ อ่าา แบบนี้เธอต้องมีบาดแผลทุกวันเลยไหมคะเนี่ย! “
“ คงจะเจ็บตัวมาเยอะเลยยนะ แฮะๆ ”
หล่อนพูดโป้ยๆไม่หยุด นำเสนอความคิดตนเองออกมาไม่ขาดปาก จากท่าทีระมัดระวังกลายเป็นปล่อยจอยกับอีกฝ่ายราวกับรู้จักมักจี่ทันที
"เจ็บมาเยอะ? ฮึ้-- อย่างฉันน่ะหรอเจ็บมาเยอะ? มีแต่ไล่เตะไอกร๊วกโรงเรียนอื่นวิ่งหางจุกก้นล่ะสิไม่ว่า" ส่วนไอหมอนี่ก็จู่ๆขี้แอคขึ้นมาซะงั้น
"ถ้ามีใครมารังแก ก็อย่าลืมมาฟ้องฉันคนนี้ซะล่ะ" ยูตะเท้าเอว มืออีกข้างก็ใช้นิ้วโป้งชี้เข้าหาตัวเอง
กิโกะอึ้งไปชั่วขณะกับคำพูดอีกฝ่าย เพราะปกติไม่ค่อยมีใครเสนอตัวช่วยหล่อนก่อนซักเท่าไหร่ แล้วท่าทางเหมือนใจถึงพึ่งได้นั่นมันอะไรน้า…
“ อุ้บ—ฮ่าๆๆ เป็นคนแข็งแกร่งดีนะคะ! ”
ก่อนจะหลุดขำด้วยท่าทางของอีกคน และเอ่ยปากชมอย่างมั่นใจ
” ได้ค่ะ! จากนี้ใครมารังแกฉัน! ฉันจะพามาให้ลูกพี่อัดหน้าทุกคนเลย!! “
เธอว่าพลางชูกำปั้นขึ้นเหนือศรีษะ โอ้ส!
เขาหันไปมองด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางนักเลงอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายเขาก็ยิ้มออกมา
"ทาคาโอกะใช่มั้ยเนี่ย?" ชุนสึเกะเอ่ยทักเสียงสดใส ขณะที่มองไปยังบาดแผลบนใบหน้าของอีกฝ่าย
"ช่วงปิดเทอมเธอไปทำอะไรมาเนี่ย!? บาดแผลนักรบเยอะเชียว!"
"หา?" เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับสองเท้าที่หยุดลงเมื่อถูกเอ่ยทักทาย คิ้วข้างหนึ่งเลิกขึ้น
"อ่อ... นายนี่เอง..." เขาดีดนิ้วดังเป๊าะก่อนจะชี้หน้าอีกฝ่าย
"....โมโมจิ?" ประเดิมด้วยการเรียกชื่ออีกฝ่ายผิดก่อนเลย
"ปิดเทอมอะไรเล่า เมื่อวานหมาดๆเลยต่างหาก" ยูตะเชิ้ดหน้า ภาคภูมิใจในบาดแผลน่าดู
"โมโมจินี่ก็ไม่เลวแฮะ โมโมจิ ชุนสึเกะ!" เขาพึมพำแล้วขำออกมาอีกครั้ง
"เท่จริงๆ นั่นแหละ!" เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "ผู้ชายอย่างเราก็ต้องมีรอยเท่ๆบ้างสิเนอะ ฉันเองก็อยากมีสักรอยบ้างจัง แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครมาขอต่อยตีด้วยเลย!"
เขาหัวเราะพร้อมกับทำท่าทางเหมือนกำลังคิดถึงรอยแผลที่อยากมีบ้าง
"เธอต่อยฉันสักหมัดหน่อยสิ!"
"เหอะ! ใช่มั้ยล่ะ?! วิถีของลูกผู้ชายมันต้องมีบาดแผลกันบ้าง" ยูตะกอดอก เชิ้ดหน้าอย่างภูมิใจ ก่อนจะต้องทำตาโตเมื่อได้ยินประโยคคำขอถัดมา
"หาาาา?! ต่อยนาย? นี่สมองกลับไปแล้วหรอเห้ย?" เขาทำหน้าเบ้
"ฉันไม่รังแกพวกอ่อนด๋อยนะเฟ้ย"
"ฉันน่ะ ทั้งกินนมทุกวัน แถมยังออกกำลังกายตลอดเลยนะ! ไม่ได้อ่อนด๋อยสักหน่อย!" ชุนสึเกะยืดตัวขึ้น ทำท่าทางมั่นใจสุดๆ
"แต่ว่าแล้วเชียว ทาคาโอกะเป็นคนดีจริงๆด้วย!" เขาพูดต่ออย่างมีความสุข ก่อนจะเอื้อมไปคว้าคออีกฝ่ายโดยไม่รอคำตอบ
"ไหนๆแล้วไปดูบอร์ดรายชื่อด้วยกันหน่อยมั้ย!"
"โฮ่ยๆ เรียกแค่ยูตะก็พอแล้วเฟ้ย! เรียกแบบนั้นมันชวนให้หงุดหงิดว่ะ" เขาใช้หลังนิ้วถูจมูกเบาๆ แอบนึกถึงเวลาโดนพวกกร๊วกโรงเรียนอื่นเรียกชื่อแบบเต็มยศแล้ว มันชวนระคายหูแปลกๆ
"เออ เอาดิ ไปด้วยกันเนี่ยแหละ" ว่าจบก็คว้ากอดคอคืนหมับ!
“..!”
ตัวเอียงตามแรงชนเล็กน้อยพลางยกมือลูบบริเวณที่โดนชนแล้วเผลอขมวดคิ้วไปด้วยก่อนจะหันไปมองคนที่ชน
“…อา ไม่เป็นไร ”
มองได้ครู่เดียวก็หลบตาจากอีกคนทันทีหวังว่าสีหน้าเขาเมื่อกี้มันจะไม่ได้ดูหาเรื่องอีกฝ่ายเข้านะ
ยิ่งหน้าตาเหมือนดูไม่สบอารมณ์ตลอดอยู่แล้วด้วย แต่ในใจตอนนี้กำลังกลัวอีกคนอยู่สุดๆ
"โฮ่ยๆ อะไรฟะ ก็ขอโทษแล้วไง" จู่ๆก็ดันหาเรื่องเขากลับซะงั้น ยูตะยืดตัวยืนเต็มความสูง แม้ว่าจะไม่ได้มีท่าทางจู่โจมแต่ก็ดูไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่
"หา....ไม่คุ้นหน้าเลยนี่หว่า นายไม่ใช่เด็กปีสามนี่?"
“..ก็พูดอยู่ว่าไม่เป็นไร”
เห็นอีกคนยืนยืดตัวเต็มความสูงก็ยกมือขึ้นสองข้างด้วยความเคยชิน เชิงอย่าเข้ามาใกล้เลยพร้อมมองไปทางอื่น
ประโยคหลังก็พูดเบาลงไปอีก ส่วนในใจกำลังกรีดร้องว่ากลัวอีกฝ่ายสุดๆอยู่
“..อยู่ปีสองหน่ะ..ครับ”
ตอบอีกคนไปเพิ่มความสุภาพด้วยเล็กน้อย ไม่รู้จะช่วยอะไรไหมไม่รู้ท่าทางสีหน้าเขาตอนนี้จะยั่วโมโหอะไรอีกคนเพิ่มรึเปล่า
"โฮ่ย? เด็กปีสอง? แบบนั้นค่อยฟังรื่นหูขึ้นหน่อย" ยูตะใช้นิ้วก้อยแคะหูตัวเองเบาๆ มองท่าทีระวังตัวเต็มที่ของอีกฝ่ายก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
"ไม่ต้องตั้งการ์ดแล้วเฟ้ย ฉันไม่ต่อยนายหรอกน่า ปวกเปียกขนาดนี้ เดี๋ยวคนอื่นจะมองว่าฉันรังแกเด็ก" ยื่นมือไปหยุมหัวอีกฝ่ายทีนึงอย่างทีเล่นทีจริง
”..!“
อีกคนหยุมหัวมาเขาก็ตกใจนิดหน่อยก่อนปล่อยหัวโยกตามแรงอีกคนที่ขยับไปมา
‘มันก็ดูเหมือนจะเป็นงั้นนะครับ🗿‘ เขาคิดในใจกับสภาพตอนนี้ที่โดนหยุมๆหัวอยู่
“..จะไม่ต่อยกันจริงๆใช่ไหมครับ?”
เขาช้อนตาถามอีกคนไปเพื่อความแน่ใจ คนมันกลัวนี่นะ แต่คิดว่าอีกคนน่าจะเป็นคนดี(?)อยู่ล่ะมั้ง
ก่อนจะโน้มลงไปพูดใกล้ๆด้วยสีหน้าเอาเรื่องที่ชวนให้น่าระแวงกว่าเดิม
"....อยากโดนจริงๆไง๊?" เขาถามด้วยริมฝีปากที่คว่ำลง
น น่ากลัวแฮะ..
"ไม่เป็นไรครับ ผมก็ด้วย"
หลุบตาหนี กลัวจะโดนหาเรื่องที่เผลอไปมองหน้า
"คราวหน้าก็เดินระวังๆด้วยนะครับ.."
ยิ่งพูดประโยคหลังๆยิ่งเสียงเบา
"ได้ยินนะเฟ้ย! ฉันก็ขอโทษแล้วไง ไอแว่นนี่?!" ยูตะโน้มตัวลงไปพูดใกล้ๆ วางมาดแยงกี้ใส่แบบสุดๆ
ริโอะสะดุ้ง หลุบตามองพื้นเอนตัวถอยหนีเพิ่มระยะห่างให้มากกว่าเดิมสักนิด พร้อมยกมือขึ้นมาเหมือนทำท่ายอมแพ้แบบตัวลีบๆ เหงื่อแตกพลั่กๆ
"ข ขอโทษครับ!— ผม ผมไม่ได้ตั้งใจ"
ไม่อยากมีเรื่อง แล้วก็ไม่อยากโดนต่อยด้วย เขารีบพูดจนลิ้นแทบพัน
"ฉันไม่ต่อยนายหรอกน่า ไอเปี๊ยก" ว่าจบก็ยื่นมือไปดีดหน้าฝากคนตรงหน้าเบาๆ
"ไม่คุ้นหน้าเลยนี่ ปีไหนล่ะ?"
หลับตาปี๋ ก่อนจะค่อยๆปรือตาขึ้นมา เอาสองมือลูบหน้าผากป้อยๆ ไม่ได้ดีดแรงนี่นา ตกใจหมดเลย...
แต่ท่าทางนักเลงแบบนั้นก็น่ากลัวอยู่ดี
"ปี 2 ครับ" ก้มหน้าก้มตา จะปล่อยเขาไปได้รึยังนะ
สายตามองสอดส่องเด็กนักเรียนเดินไปตามทางแจ่มใส ทว่าไหล่ก็พลันกระทบเข้าจนต้องหันมองมา ก็ไม่ได้คิดจะติดใจอะไรแต่...ว่า...
การตอบกลับเช่นนั้น ยังไม่เอะใจมากไปกว่าสภาพใบหน้าที่มีแผลนั้นน่ะสิ
"เอ่อ..นี่ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า เธอไปทำอะไรมาน่ะคะ?"
ถามด้วยความเป็นห่วงล่ะนะ
"หาาาา? เปล่าซักหน่อย---ครับ!" ยูตะก้าวถอยไปหนึ่งก้าว ยืดตัวตรงทำตัวเรียบร้อยขึ้นมา...แค่นิดหน่อย
"ก็แค่เจอพวกกร๊วกโรงเรียนอื่นมาหาเรื่องเฉยๆ แผลแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกจารย์" ว่าพลางเชิ้ดจมูกฮึ!
เพราะตกใจมากกับเด็กคนนี้!... หาาามาก็เลยหาาากลับ จะว่ายังไงดีล่ะ ซีรี่ย์ทีวีที่ฉันเห็นเด็กห้าวแบบนี้ก็เท่ค่ะ แต่นี่ชีวิตจริงจะเป็นแบบนี้ไม่ได้สิ! ฉัน!เป็นอาจารย์เธอค่ะ!! ต้องสั่งสอน!!!
"การชกต่อยเป็นเรื่องที่ถึงวันนี้เธอจะไม่เป็นอะไร แต่มันก็ไม่ดีนะคะ! แล้วการตอบกลับอาจารย์แบบนั้นคึออะไรกันคะ!"
/สองแขนกันใม่ให้ไปไหน
"ผมก็พูดมีหางเสียงแล้วไง! โถ่!" ยูตะแยกเขี้ยวเหมือนลูกหมาขู่
"แล้วผมก็ไม่ใช่คนเริ่มด้วย!" ไอเรามันก็สู้คนซะด้วย อาจารย์ก็ไม่เว้น
สีหน้าเซนเซย์ขมวดคิ้วเม้มปาก(อาย)สุดๆ อะไรน่ะ ท่าทีฉันมันไม่ได้น่ากลัวจนต้องเลียนแบบเลยเหรอ เด็กคนนี้นี่!!🔥🔥
แต่มองคนแยกเขี้ยว ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวสำหรับฉันเหมือนกัน น่าจะยังพอสั่งสอนได้สิ! เชื่อมั่น!!
"ถึงเธอจะไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่ว่าชีวิตวัยเรียนน่ะไม่ควรจะใช้ไปกับการชกต่อยนะคะ! อย่าบอกนะว่าเธอเจอแบบนี้ทุกวันน่ะ!"
"แล้วจะให้ผมทำยังไงเล่า! ก็ไอกร๊วกนั่นมันมาหาเรื่องผมก่อนนี่ ผมไม่ยอมโดนมันเตะก้นอยู่ฝ่ายเดียวหรอก!" เริ่มโยกซ้ายโยกขวา เล็งหาทางหนีทีไล่ ขนาดนักเลงโรงเรียนอื่นยังไม่ยอมให้ตื้บ แล้วทำไมต้องยอมโดนอาจารย์ตีก้นกันล่ะ!