" ยัยบ๊อง "
ว่าแล้วชายหนุ่มก็บีบแก้มพอง ๆ ของเจ้าหล่อนเข้าให้
" ฉันไม่ต้องพึ่งรางวัลนั่นก็ขึ้นไปบนเรือได้.. ในเมื่อตั๋วนั่นเป็นรางวัลจากฉัน "
เขาไขข้อข้องใจให้เธอพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมาทำนองว่า ' เชื่อเขาเลย ' แต่จะโทษริเอะก็ไม่ได้ในเมื่อเป็นที่ตัวเขาเองที่ไม่ได้เล่าเรื่องภูมิหลังครอบครัวให้เธอฟัง
ว่าแล้วชายหนุ่มก็บีบแก้มพอง ๆ ของเจ้าหล่อนเข้าให้
" ฉันไม่ต้องพึ่งรางวัลนั่นก็ขึ้นไปบนเรือได้.. ในเมื่อตั๋วนั่นเป็นรางวัลจากฉัน "
เขาไขข้อข้องใจให้เธอพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมาทำนองว่า ' เชื่อเขาเลย ' แต่จะโทษริเอะก็ไม่ได้ในเมื่อเป็นที่ตัวเขาเองที่ไม่ได้เล่าเรื่องภูมิหลังครอบครัวให้เธอฟัง
Comments
‘ไม่ต้องพึ่งรางวัลนั่นก็ขึ้นไปบนเรือได้ ในเมื่อตั๋วนั่นเป็นรางวัลจากฉัน’
นี่มันคนอวดรวยชัดๆ !
ถึงเธอจะมีฐานะปานกลางค่อนไปทางดี แต่ใช่ว่าจะเป็นมหาเศรษฐีสักหน่อย!
+
ตอนนี้ริเอะไม่ได้รับรู้เรื่องราวภูมิหลังของจางเหว่ยมากนัก และเธอเองก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะต้องรู้อะไรถ้าเขาไม่คิดจะเล่าเอง เลยไม่ได้ถามออกไปเลยสักครั้ง จะเข้าใจผิดก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
ก่อนฝ่ามือเล็กๆจะยกขึ้น เธอชูนิ้วก้อยใส่เขาแล้วพูดด้วยหน้าตานิ่งๆที่แววตาจริงๆจัง
+
“ถ้าสอบรอบนี้คะแนนพวกเราออกมาดี ขอตั๋วขึ้นเรือใบนึง…”
เธอก็อยากไปลองรับลมชมวิวทะเลบนเรือที่มีอาหารไม่อั้นดูสักครั้ง แถมยังเป็นฝ่ายเสนอข้อตกลงเองทันทีด้วย
“ในเมื่อไหนๆก็กำลังจะติวหนังสือกัน เราก็ต้องหาอะไรมาดึงดูดใจให้ทำคะแนนออกมาดีๆ”
ดวงตาสีเขียวจรดจดจ้องดวงตาสีเทาราวกับรอคอยอีกฝ่ายเกี่ยวก้อยสัญญากับเธอ