#THK_EVENT03 #THK_ทานาบาตะ
#THK_โรลเปิด
แสงเย็นของพระอาทิตย์คล้อยต่ำ
ลอดผ่านกิ่งไผ่ที่แกว่งไกวอยู่เบื้องบน
ร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เส้นผมสีอ่อนปลิวตามกระแสลม
กระดาษทังซากุหลากสีไหวเอนเบา ๆ
ต้นไผ่ที่ถูกประดับประดาแบกคำอธิษฐานนับไม่ถ้วนเอาไว้
แต่ไม่มีวี่แววว่า ' เขา ' คนนั้นจะทำอะไรท่ามบรรยากาศที่ทั้งอบอุ่นและว่างเปล่า
เงานั้นยืนนิ่งมาสักระยะแล้ว
#THK_โรลเปิด
แสงเย็นของพระอาทิตย์คล้อยต่ำ
ลอดผ่านกิ่งไผ่ที่แกว่งไกวอยู่เบื้องบน
ร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เส้นผมสีอ่อนปลิวตามกระแสลม
กระดาษทังซากุหลากสีไหวเอนเบา ๆ
ต้นไผ่ที่ถูกประดับประดาแบกคำอธิษฐานนับไม่ถ้วนเอาไว้
แต่ไม่มีวี่แววว่า ' เขา ' คนนั้นจะทำอะไรท่ามบรรยากาศที่ทั้งอบอุ่นและว่างเปล่า
เงานั้นยืนนิ่งมาสักระยะแล้ว
Comments
แม้แต่ในวันเทศกาลอันแสนคึกคัก ที่จุดๆหนึ่งของงานเองก็ยังคงปรากฏให้เห็นร่างของคนที่ดูเหม่อลอยไร้สีสันท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความสุขของผู้คน ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นผ่านหน้ากากไร้รสนิยมของเธอบอกเช่นนั้น
สองเท้าก้าวเข้าไปหาอย่างเชื่องช้าก่อนจะเอ่ยทักขึ้นมาด้วยความหวังดีที่มี
❝ขืนยังปล่อยไว้ เดี๋ยวกระดาษจะเปลี่ยนสีเอานะคะ❞
❝นี่น่ะ...❞
เหมือนว่ากลิ่นเลือดจางๆจะดึงดูดความสนใจของอิเคยะมาพักหนึ่ง มันคงจะดีกว่าหากเธอช่วยทำให้เขารู้ตัวก่อนที่ทังซากุจะกลายเป็นสีแดงจนหมด
❝ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ หรือว่ากำลังแอบร้องไห้อยู่?❞
ทั้งสองไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็กลับไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความกังวล มิหนำซ้ำยังพูดหยอกล้อเล่นขึ้นมาเหมือนจะชวนเปิดบทสนทนาเพื่อฆ่าเวลา
แสงสีทองที่ทอดตัวผ่านผืนฟ้าค่อย ๆ เจือจางลง
เสียงฝีเท้าที่เบาเกินกว่าจะเป็นการรุกล้ำ ค่อย ๆ เข้ามาอยู่ในขอบเขตการรับรู้ของเขา
…ก่อนคำพูดแรกจะเอ่ยขึ้น
เสียงนั้นไม่ใช่ของสายลม แต่ก็ไม่ถึงกับรบกวน
ชิโรกาเนะยังไม่หันไปมองในคราแรก
หากแต่เขายังคงยืนนิ่ง ทอดสายตามองไกลออกไปอีกสักครู่ ราวกับกำลังเรียงลำดับบางสิ่งในใจ ก่อนจะละสายตาลงช้า ๆ
เงียบพอ ๆ กับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปบนทังซากุแผ่นอื่น
เมื่อสายตาเขาเคลื่อนมาหยุดที่เธอ
เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดเป็นพิเศษ
…เพียงแค่สังเกต
หน้ากากไร้ลวดลาย
คำพูดที่มีเพียงเจตนาดีแฝงไว้ในน้ำเสียง
แม้จะเปิดมาด้วยคำหยอกล้อ แต่กลับไม่ทำให้รู้สึกถูกรุกล้ำ
ไขว้มือไว้ด้านหลังราวกับคนที่เพิ่งเรียบเก็บบางสิ่งให้เข้าที่
และเอ่ยขึ้นในที่สุด ด้วยเสียงนิ่งนุ่มที่สะท้อนถึงระยะห่างที่วางใจได้
"...ถ้าใช่"
เว้นจังหวะนิดหนึ่ง
แววตานั้นยังจับจ้องหน้ากากของเธออยู่
"คุณจะหยุดอยู่แค่นั้น หรือจะนั่งลงข้าง ๆ กันดีล่ะครับ?"
เธอหลุบตามองต่ำลงไปหามือที่ถูกไขว้เก็บไว้อย่างเป็นระเบียบ นั่นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าเขาดูจะไม่ได้ใส่ใจกับบาดแผลของตนเลยแม้แต่น้อย
❝แล้ว...อยากจะให้มันเป็นแบบไหนกันล่ะ?❞
❝ถ้าการที่ฉันเลือกนั่งลงด้านข้างแล้วมันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นก็อาจจะทำแบบนั้น แต่ฉันปลอบใจไม่เก่งหรอกนะ❞
...พร้อมกับคำทักที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในสถานที่แบบนี้
เสียงของอีกฝ่ายแล่นเข้ามาในจิตสำนึกได้ราวกับกรีด
คำพูดที่ควรเป็นแค่ถ้อยคำเอ่ยแซวกัน
กลับฟังเหมือนการเปิดประตูบางบานที่ไม่ควรถูกแตะต้อง
ชิโรกาเนะเงียบอยู่เช่นนั้น
ไร้คำตอบอยู่ครู่หนึ่ง
เพียงเลื่อนสายตาไปยังร่างของคนที่ยืนอยู่ใกล้เขาแค่ช่วงแขน
คนที่เขา...จดจำวิธีการยืนเฉียงเล็กน้อยตอนรอฟ้าครึ้ม
คนที่เขา...เคยพ█ว่ามี█ะ███าก█าย█อน██ว้██ลั████
เขายกมือข้างที่มีทังซากุขึ้นเล็กน้อย
ราวกับเพิ่งรู้สึกถึงน้ำหนักของมัน
แล้วจึงเบนสายตาลงช้า ๆ
กระดาษในมือ สีขาว ไม่มีข้อความ ไม่มีแม้แต่รอยปากกา
แต่กลับมีของเหลวสีเข้มไหลเปรอะลงจนดูเหมือนบางสิ่งกำลังเขียนแทนเขา
ครั้นแทรกตัวออกมาจากเหล่าชีวาได้ก็พลันรับรู้ได้ถึงการมีตัวตนของชายหนุ่ม เขามีเรือนผมสีสว่างพริ้วปลิวไปกับเจ้าวาโย แผ่นหลังที่คุ้นเคย .. นั่นคือเพื่อนร่วมห้องผู้กอบกุมข้อมูล ‘ชิโระกาเนะ เซย์อิจิโระ‘
(+)
“ .. ”
วันทานาบาตะที่ใครก็ต่างรอคอย แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนอันยาวนานเพื่อนร่วมชั้นตรงหน้าก็ไม่แม้แต่จะหยิบชุดประจำชาติมาสวมใส่
เรย์กิพินิจมองเครื่องแต่งกายตามระเบียบ ในใจทำเพียงตัดสิน ‘ชิโระกาเนะ‘ ไปพลาง
และในเสี้ยววินาทีนั้น เขาสัมผัสได้ถึงบางอย่าง
หาใช่สัมผัสจากสายลมหรือแม้กระทั่งเสียงของเทศกาล
หากแต่เป็นความเงียบ.. ในแบบเฉพาะตัวของใครบางคน
ความเงียบที่แนบชิดเกินจะเรียกว่าบังเอิญ
ชิโรกาเนะลดสายตาลง
ไม่หันกลับในทันที หากแต่เอ่ยถ้อยคำหนึ่งราวกับรู้ดีว่าใครกำลังยืนอยู่ด้านหลัง
น้ำเสียงเรียบนิ่งของเขาเจือความสุภาพ
แต่ในวินาทีที่เอ่ยจบ สายตาก็ละจากยอดไม้ แล้วหมุนตัวหันมาหาอีกฝ่ายช้า ๆ ..พร้อมกับกระดาษทังซากุเปล่าในมือซ้ายแกว่งไปตามลม
หยดแดงก็เปรอะเลอะกระดาษ เพิ่มอีกหยดหนึ่งอย่างเงียบเชียบ
" ฮิเมะคาวะซัง”
“...คุณเองก็เป็นหนึ่งในผู้ขอพรจากฟ้าในค่ำคืนนี้หรือเปล่าครับ "
” ทุกอย่างเป็นเพียงประเพณี “
” เราล้วนทำเพื่อความสบายใจมากกว่านะ ? “
ประโยคไร้ซึ่งวาทศิลป์ถูกกล่าวออกไป ตอบกลับผู้มีเรือนผมสุกประกาย ครั้งนี้หล่อนทำตัวนิ่งเฉยต่างจากปกติ พร้อมทอดมองอีกฝ่ายเสหมือนมีป้าย ’ชิโระกาเนะ‘ แขวนอยู่บนคอ
+
” พวกเราโตกันแล้วเถอะ .. “
เรย์กิทิ้งประโยคไว้เท่านั้น นัยน์เนตรคู่งามเผยเปลือกตาลดลงมองของเหลวสีชาดที่รินไหลลงจากฝ่ามืออีกคน ขาเรียวใต้ยูกาตะสาวเท้าเข้าใกล้
” .. ? “
หล่อนส่งเพียงสายตาแทนคำถาม
เธอเดินเข้าไปใกล้เขาด้วยความรู้สึกที่หาลากหลายปะปนกันไปเมื่อพบว่าเป็นคนที่เธอเหมือนจะรู้จัก
"อ..เป็นคุณนั่นเอง"
"มีเรื่องกวนใจอยู่หรอคะ"
"ฉันคิดว่าคุณควรใช้สิ่งนี้นะคะ"
"อยากให้ฉันช่วยเรื่องปฐมพยาบาลไหมคะ"
มือของเธอเอื้อมลงไปหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายได้ใช้ห้ามเลือดชั่วคราวไว้ก่อน
เขายังคงมองตรงไปสู่ท้องฟ้าด้านบนจนกระทั่งเลื่อนสายตากลับลงมายังผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
" คุณนี่เอง "
น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่งเสมอแต่ไร้ความเย็นชา เขาก้มลงมองคราบโลหิตที่เปื้อนกระดาษบาง ราวกับเพิ่งสังเกตเห็นมันจากคำพูดของเธอ
แต่ในแววตากลับไม่ปรากฏความตื่นตระหนกใด ๆ
ใช้มันแนบเบา ๆ บนแผลที่มองไม่ออกว่าเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
“ขอบคุณครับ"
เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้งในตอนที่มีสายลมพัดมาอีกครา แผ่นกระดาษหลายใบรอบกิ่งไม้ไหวแรงขึ้นชั่ววูบ
" ส่วนเรื่องกวนใจ ไม่มีหรอกครับ "
" ผมแค่ .. " ในทีแรกก็กำลังจะยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนเธอ แต่เขาก็นิ่งไป
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตอบเรื่องนั้น
" มาคนเดียวเหรอครับ "
หนึ่งชั่วโมงก่อนเข้ากะทำงาน ย่างช่วงอวสานของแสงสุดท้าย
สองเท้าเปล่าก้าวสลับโดยไร้จุดหมาย กระทั่งเสียงกรุ๊งกริ๊งจากเสี้ยวฝันที่จางหายหลอมละลายกับความเงียบ ณ ปลายทางที่หยุดนิ่ง
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่โดนพฤติกรรมอันคาดเดาไม่ได้ของนักเรียนที่นี่รั้งเอาไว้ และรอบนี้คนตรงหน้าก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก...
+
เสียงที่ไม่รู้จัก รูปลักษณ์ที่ไม่เคยเห็น อีกฝ่ายเป็นใครเขาไม่อาจทราบ
ทว่าตราบใดที่มีศักดิ์เป็นนักเรียนของที่นี่ จะร้ายหรือดีก็ต้องยึดความปลอดภัยไว้ก่อน
"...เลือด"
เขาไม่ได้สังเกตเห็น แต่ได้กลิ่น
"ห้ามเลือดก่อนไหมครับ?"
ระยะห่างถูกสร้างไว้ แต่ก็ไม่ไกลเกินที่สองมือนี้จะหยิบยื่นความช่วยเหลือหากคุณต้องการมัน
ก่อนจะค่อย ๆ หมุนตัวมาทางต้นเสียงเต็มตัว
ร่างโปร่งก้มลง ปลายนิ้วสอดใต้ชายแขนเสื้อ สำรวจรอยเลือดที่ซึมเปื้อนอยู่หลังข้อมือ
และเมื่อพบต้นเหตุ เขาก็แค่สัมผัสมันเบา ๆ ไม่แสดงความร้อนรนใด ๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ขณะที่มือขวาวางทาบเหนืออกแล้วจึงโน้มศีรษะลงเล็กน้อย
แสดงความเคารพต่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
“ขอบคุณที่กรุณาเตือนครับ”
เสียงที่เอื้อนเอ่ยแผ่วเบา เรียบง่ายแต่มีน้ำหนัก
“ผมไม่ทันได้สังเกตเอง”
เขาเงยหน้าขึ้น
ดวงตาไร้แววสบตากับคุณ
“ แต่ก็ต้องขอบคุณอีกเช่นกัน ที่คุณยังดูแลทุกอย่างตามหน้าที่ แม้ในวันเช่นนี้ “
“ ..เนโกะยะชิกิซัง “
ทั้งที่เขาจะเดินผ่านไปก็ได้แต่กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรดึงดูด โดยไม่ทันรู้ตัวสองเท้าก็พาร่างกายนี้มาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ อีกฝ่ายจนได้
"ชิโรกาเนะคุง.."
เอ่ยทักเสียงเบาเพราะคำถามที่เขาสงสัยในเมื่อครู่ได้ฉายความจริงเป็นหยาดน้ำสีสดที่มีกลิ่นสนิมลอยขึ้นมา
+
แม้จะไม่อยากก้าวก่ายแต่การเห็นเด็กนักเรียนบาดเจ็บต่อหน้าแบบนี้ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะปล่อยผ่าน
..ยิ่งกับตัวเขาก็ยิ่งแล้วใหญ่
"อยากให้ช่วยทำแผลหรือเปล่า?"
ฝ่ามือใต้ผ้าฮาโอริเริ่มอยู่ไม่นิ่ง นึกอยากจับดึงอีกฝ่ายไปทำแผลให้รู้แล้วรู้รอดเสียจริง
(ยิ้ปปี้! ทาดัยมะค่ะะ😭🤍✨️)
แต่สะท้อนอยู่ในบริเวณรอบข้างราวกับหยดเหลวแตะผิวน้ำเรียบสนิท
สายตาของเด็กหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนลง
จากยอดไผ่ที่ลู่เอนรับลมเย็นของฤดูร้อน
สู่มือข้างหนึ่งที่ยังคงถือทังซากุเปล่าเอาไว้
สีแดงเริ่มจางลงจากแรงลม
ไหลเย็นบนกระดาษราวกับหมึกที่ไม่มีใครตั้งใจเขียน
น้ำเสียงฟังดูราบเรียบไม่ได้สื่ออารมณ์ใด หรืออาจจะ..
ซ่อนไว้หมดแล้ว ตั้งแต่ก่อนประโยคจะจบ
เขายกมือข้างที่มีแผลไขว้ไปด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ถ้าอาจารย์ใจดีอยากช่วย ..ผมคงไม่กล้าปฏิเสธครับ"
ช่างขัดกับท่าทีหรือจิตใจที่อยากช่วยเหลือของคุณ ชิโรกาเนะนั้นนิ่งมาก ไม่เหมือนกับคนที่มีแผลจนโลหิตไหลซิบจนเปื้อนทังซากุแบบนั้น
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น สายตาไม่ได้หยุดอยู่แค่ยอดไผ่หรือท้องฟ้า
แต่ทอดไกลออกไปราวกับกำลังมองสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
และในยามเย็นที่เริ่มเย็นชืดลงทีละน้อย เส้นบาง ๆ ระหว่างความเป็นจริงและความทรงจำก็ค่อย ๆ ปนเปไปกับแสงสุดท้ายของวัน
ช่าง .. เป็นภาพที่น่าคุ้นตา
ว่าความเงียบของเขา ความนิ่งของเขา ไม่เคยบอกเจตนารมณ์
ท่ามกลางสีทองที่อ่อนแรงลง
สีแดง...เข้ม...ค่อย ๆ ไหลเปรอะลงบนทังซากุว่างเปล่า
เจ้าของของมันดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด
ว่าบาดแผลเล็ก ๆ ได้เปิดทางให้บางอย่างไหลซึมออกมาพร้อมกับยามเย็นที่เริ่มลาลับ
แต่เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกันนะ ?
กับเขาน่ะ
[ สตอรี่เกี่ยวข้อง : https://bit.ly/431QEdI ]
CMS : แมว มันแกวสามแก้ว
ไม่มีใครรู้ว่าเขาเขียนอะไร มันเป็นเพียงแค่ความหวังเล็กๆที่อยากจะให้มันเกิดเร็วขึ้นกระมัง
ที่ว่างที่ไม่ได้ไกลกันนั้นเอง.. สายตาของเอรินะจ้องไปยังเด็กหนุ่มที่คุ้นเคย อาจจะเพราะที่ว่างมันเหลือแค่ตรงนี้ล่ะมั้ง ที่เรื่องบังเอิญ ไม่มีอยู่จริง
ท่ามกลางเสียงกระดาษไหวเบา ๆ และแสงเย็นที่กำลังค่อย ๆ ถอยร่นจากโลก
เขาไม่ได้หันไปมองโดยตรง
แต่เหมือน รู้ ..ว่าอีกฝ่ายกำลังมองมา
สัมผัสบางอย่างในอากาศเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะเสียง ไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหว
แต่เป็น แรงสั่นสะเทือน ที่เบาบางยิ่งกว่าลมเย็นที่พัดผ่านกิ่งไผ่
เหมือนกำลังวัดว่า เส้นแบ่งบาง ๆ ระหว่าง ความตั้งใจ กับ ความบังเอิญ …มันจะเอียงไปทางไหนกันแน่
แล้วในที่สุด
เขาก็เอียงสายตากลับลงมาเล็กน้อย
หันหน้าในองศาที่ไม่ได้ตรงนัก
พอให้เห็นเงาของใครบางคนในระยะสายตา
น้ำเสียงเรียบเย็นแต่ไม่ห่างเหิน
ประโยคที่เอื้อนเอ่ยก็ไม่เหมือนกับการทักทาย
หากแต่เหมือน การเปิดประตูบานหนึ่งไว้เงียบ ๆ
เพื่อให้อีกฝ่ายตัดสินใจ .. ว่าจะเดินเข้ามา หรือจะปล่อยให้ประตูนั้นปิดลงเอง
- สามารถแจมได้ตลอดจนถึงวันที่ 4 พค.
- สถานที่คือโรงเรียน เวลาคือช่วงห้าโมงเย็นของวันนั้น
- มีโอกาสได้เจอกับสิ่งลี้ลับ 'คำขอที่บิดเบี้ยว' ( ขอจากทางสตาฟแล้ว )
- สำหรับคนที่เคยเล่นด้วยกัน โรลเก่าใกล้จบสามารถเวิ่นแทนเพื่อปิดแล้วมาอันนี้ได้ค่ะะ หรือเวิ่นช่วงรอยต่อนิดนึงเพื่อพัฒนาคสพก่อนโรลก็ได้เช่นกันค่าา
- สำหรับใครที่ยังไม่เคยเล่นด้วยกัน โคกันก่อนโรลได้นะคะ!
ถ้าถามว่าอยากขอพรว่าอะไร? ชินในตอนนี้อาจจะยิ้มๆแล้วตอบไปว่ายังคิดไม่ออก หรือไม่ก็ไม่มีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษ
แต่ถ้าย้อนไปสักปีก่อน....
คำขอในปีที่แล้ว สิ่งที่ต้องการในปีนี้
.....
..
.
ทั้งที่เป็นแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไม รู้สึกตัวอีกที ก็เดินถือกระดาษขอพรสีเหลืองมาที่แนวกิ่งไผ่เสียแล้ว
+
"เจ็บไหมคะ?" เธอเอ่ยถามเสียงเรียบ ดูจากท่าทีของอีกฝ่ายคงไม่สนใจด้วยซ้ำ
"คุณอยากเช็ดมันออกไป หรืออยากปล่อยไว้แบบนี้คะ?"
เธอเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างๆ มองไปยังทังซากุที่ว่างเปล่า สลับกับต้นไผ่ตรงหน้า ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้นปล่อยเสียงลมพัดผ่านไป
เหมือนเสียงลมพัดเบา ๆ ที่ทำเอาต้นไผ่ไหวเอนเพียงเล็กน้อย
เขากะพริบตาช้า ๆ
สายตาหลุดออกจากท้องฟ้าที่ทอดไกลเหนือยอดไผ่
แล้วจึงลดมองลงมายังข้อมือของตนเอง
หยดสีแดงคล้ำกระจายตัวอยู่บนกระดาษทังซากุที่ควรขาวสะอาด
เขาเพิ่งรู้ตัว… แต่ไม่ได้มีแววตกใจแม้แต่น้อย
ไม่รู้สึกเจ็บไม่รู้สึกชา
พลิกทังซากุในมือเบา ๆ เหมือนสำรวจความเสียหาย
กระนั้น..เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอ
มืออีกข้างหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋า
เช็ดปลายนิ้วเล็กน้อย แล้วแตะซับเฉพาะขอบกระดาษ
ระวังไม่ให้ลบเลือนรอยที่ซึมลึกลงไปแล้ว
เขาไม่ได้พยายามลบรอยทั้งหมด
ไม่ได้พยายามทำให้มันสมบูรณ์แบบ
เพียงเลือกจะเหลือสิ่งที่ควรอยู่...ในสภาพที่มันเป็น
ลมหอบทังซากุขึ้นไหวอีกครั้ง และในบรรดาทังซากุหลายร้อยใบ
มีบางใบที่เหมือนกำลังไหวผิดจังหวะกับสายลมจริง ๆ
"คุณเชื่อจริง ๆ หรือครับ... ว่าคำขอบนกระดาษพวกนี้ จะไปถึงที่ที่ควรถึง?"
ชิโรกาเนะ อย่างไรก็คือชิโรกาเนะ
คำถามธรรมดาดาษเดื่อนไม่ค่อยออกมาจากปากของเขานัก
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เดี๋ยวสักพักเค้ามาแจมโรลด้วยนะคะ😸👍✨ )
ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็น
คนที่ทำแค่ยืนนิ่ง ๆ เงยหน้ามองท้องฟ้า ไม่ไหวติงตามสายลม
เป็นอิสระจากสิ่งรอบตัว เหมือนที่เจอกันตอนนั้น
ฟุคุโอะจำอีกฝ่ายได้ นอกจากจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นปีแล้ว เรายังผ่านประสบการณ์น่ารำคาญมาด้วยกันตั้งครั้งหนึ่ง
ดวงตาจับจ้องหยาดสีแดงเข้มที่ไหลเปรอะทันซาคุเล็กน้อย คิ้วขมวดหน่อย ๆ ก่อนจะปรับสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติ
สายตาเบนกลับมามองตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง
ไม่ใช่ท้องฟ้า
ไม่ใช่อาทิตย์ตก
แต่เป็นใบไผ่ที่ไหวเล็ก ๆ ตามลมที่เขาเลือกจับจ้อง แล้วจึงหยุดฝีเท้าลงเมื่อยืนอยู่ข้าง ๆ คนรู้จัก
ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ชิเรนถูกใจซะเท่าไหร่
ถึงจะได้แต่งตัวสวยๆอย่างที่เธอคนนั้นชอบก็ตาม
แต่ก็เพราะครึกครื้นเนี่ยแหละ
สุดท้ายเจ้าตัวก็ดันต้องมาหลงที่ไหนไม่รู้ในงานเสียอย่างนั้นทั้งที่มันก็แค่งานในโรงเรียนแท้ๆแต่ก็ยังจะต้องมาหลง
+
และก็อาจจะความไม่มีสติด้วยส่วนหนึ่งที่ดวงตาดันไปเห็น
'สีแดง'
จากบริเวณข้อมือ
"-!!!"เจ้าหล่อนสะดุ้งโหยงจนไปเหยียบเข้ากับกิ่งไม้ ชิเรนอุดปากตนเองไว้ไม่ม่ให้เผลอส่งเสียงออกมา แม้สีหน้าจะซีดเผือดไปแล้วก็ตาม
ไม่อาจเบาเพียงพอในห้วงเวลาที่ไร้เสียงใด ๆ มาคั่น
...และนั่นทำให้เขารับรู้ได้ทันที
ไม่ใช่ด้วยหู หาใช่ด้วยตาเนื้อ
แต่เพราะบางอย่างผิดเพี้ยนแม้เพียงเศษวินาทีเดียวที่เธอเหยียบลงไป สายตาคู่นั้นก็เลื่อนลงมาจนกระทั่งตกลงบนร่างของเธอ
เด็กสาวที่ใส่ชุดสวยงามเข้ากับเทศกาล
ผู้ที่พยายามจะซ่อนอยู่หลังเงาไม้
สายตาเด็กหนุ่มเลื่อนกลับไปมองจุดเดิม
บนท้องฟ้า ? ยอดไพ่ ? ใบทังซากุของบนคน ?
บ่งบอกไม่ได้
จนเวลาล่วงเลยไปสักพักหนึ่ง
" จะอยู่ตรงนั้น อีกนานไหมครับ "
อันที่จริงก่อนหน้านี้...ตอนเห็นครั้งแรกยานางิก็เผยสีหน้าตื่นตระหนกไม่น้อย แต่นึกไปนึกมาแล้วคนอย่างอีกฝ่าย คงจะไม่อ่อนไหวอะไรกับแผลเท่านี้...ไม่สิ อาจเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองก็ฟังดูเข้าท่า?
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับ”
“หรือว่าอยากจะแขวนทังซากุไว้สูงๆ...”
+
“คนอย่างนายจะขอพรเรื่องอะไรกันนะー” น้ำเสียงราวกับเหมือนกำลังพูดชมนกชมไม้
( 😌 ก้ได้คับ ไม่หนีก้ไม่หนี )
(อยากเล่นด้วยจังน้าาาา)
เงาร่างสูงในชุดนักเรียนเดินมาช้า ๆ ผ่านลานไผ่ที่เงียบสงัด
ปลายเท้าหยุดลงเมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏชัดขึ้นในสายตา
“…รุ่นพี่?”
เสียงเรียกขานเบาแผ่วดังขึ้นจากริมฝีปากซากิฮิโตะ
ดวงตาเรียวยาวจับจ้องไปยังเงาร่างที่ยืนอยู่ใต้ต้นไผ่
เส้นผมสีอ่อนที่ปลิวตามลม—กระดาษทังซากุหลากสีไหวเอน และ...
+
หยดเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ ไหลเปื้อนลงบนกระดาษแผ่นหนึ่ง
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขยับเข้าไปช้า ๆ โดยไม่รีบร้อน
“…เลือด?”
น้ำเสียงยังนิ่ง ราบเรียบ
แต่หากสังเกตดี ๆ จะพบแววประหลาดบางอย่างที่ฉายวูบในดวงตาคู่นั้น
เขาไม่ได้แตะต้อง ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย แต่กลับยืนนิ่งอยู่ข้างกัน
สายตาไม่ได้มองบาดแผล แต่จับจ้องไปที่แผ่นทังซากุว่างเปล่าซึ่งถูกย้อมแดงแทน
+
ลมเย็นพัดผ่านอีกครั้ง กลิ่นกระดาษชื้นเลือดเจือในอากาศ
ซากิฮิโตะเงยหน้ามองกิ่งไผ่ไหวเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
“รุ่นพี่...เห็นอะไรในคำขอแผ่นนั้นรึเปล่าครับ?”