เสียงนั้นไม่รีบร้อน
จังหวะก้าว เท่ากัน สม่ำเสมอ
ไม่ได้มีเจตจำนงค์เพื่อหลบซ่อน
จากนั้นกลิ่นหอมจาง ๆ ที่เธออาจจำได้
กลิ่นของชาเขียวอุ่นปนผ้าฝ้ายสะอาด แทรกตัวอยู่ในอากาศ
เหมือนกับครั้งก่อนที่เขายืนอยู่ข้างเธอโดยไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
เขาไม่ได้เข้าใกล้จนถึงตัว
ไม่ได้จะมาช่วย ไม่มาทำให้ตกใจ
แค่ยืนอยู่ตรงนั้น เฝ้าดูปฏิกิริยาของเธอ
จังหวะก้าว เท่ากัน สม่ำเสมอ
ไม่ได้มีเจตจำนงค์เพื่อหลบซ่อน
จากนั้นกลิ่นหอมจาง ๆ ที่เธออาจจำได้
กลิ่นของชาเขียวอุ่นปนผ้าฝ้ายสะอาด แทรกตัวอยู่ในอากาศ
เหมือนกับครั้งก่อนที่เขายืนอยู่ข้างเธอโดยไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
เขาไม่ได้เข้าใกล้จนถึงตัว
ไม่ได้จะมาช่วย ไม่มาทำให้ตกใจ
แค่ยืนอยู่ตรงนั้น เฝ้าดูปฏิกิริยาของเธอ
Comments
สายตานั้นมองไปยังเขาที่เดินเข้ามา แต่ไม่ได้โฟกัสอะไรเลยเธอแค่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้น แต่ไม่อาจะระบุได้ว่าใกล้แค่ไหน
"มาทำอะไรที่นี่คะ?"
เธอเอ่ยถามเสียงเรียบ แม้ปลายนิ้วยังสั่นอยู่แต่เสียงกลับนิ่งเป็นปกติ ทั้งยังเมินพวกวิญญาณรอบข้างได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ได้บอกว่าจำได้หรือไม่แต่เธอดูสงบนิ่งกว่าเดิมเมื่อสัมผัสได้ถึงตัวตนที่มาใหม่ คงเพราะไม่อาจแสดงด้านที่ตื่นกลัวออกมาได้
ใบหน้านั้นไม่ยิ้มเหมือนเมื่อก่อน เธอไม่จำเป็นต้องยิ้มหากมองไม่เห็นคู่สนทนาตรงหน้า
แม้เสียงพลุยังแทรกเข้ามาเป็นระยะ แต่เงาของเขายังคงนิ่งสงบเหมือนไม่รับรู้ถึงความวุ่นวายนั้นเลย
เขาหยุดยืนตรงตำแหน่งที่ทำให้เธอ 'รู้สึกถึงการมาของเขา'
ไม่ใกล้พอจะเป็นภัย ไม่ไกลพอจนกลายเป็นความแปลกหน้า
“ดูเหมือน...ค่ำคืนนี้จะมีคนไม่กี่คนที่เลือกเดินออกจากแสงไฟนะครับ”
" ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หรือ .. "
" คุณเองก็เป็นเหมือนกับผม หรือเปล่าครับ "
"ฉันเห็นแสงนั้นมาแล้วค่ะ มันไม่เหมาะกัยฉันเท่าไหร่"
และเพราะแสงสีเหล่านั้นที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ไปเสียได้
"ครั้งนี้เราคงจะไม่เหมือนกันหรอกค่ะ"
"คุณเลือกที่จะเดินออกมา แต่ฉันออกมาเพราะอยู่ไม่ได้"
แต่อย่างน้อยพื้นที่ใต้เงาของแสงสว่างเธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียว
"สุดท้ายก็มาเจอกันอยู่ดี"