”..เข้าใจแล้วรับ ถ้างั้นผมคงต้องขอรบกวนด้วย“
เลื่อนกล่องผักที่ดูน่าจะเบาที่สุดให้หนึ่งกล่อง
”ยูยาเกะซังถือแค่นี้ก็พอนะครับ..“
ส่วนที่เหลืออาราตะจับซ้อนกันสามชั้นแล้วยกเองทั้งหมด
เลื่อนกล่องผักที่ดูน่าจะเบาที่สุดให้หนึ่งกล่อง
”ยูยาเกะซังถือแค่นี้ก็พอนะครับ..“
ส่วนที่เหลืออาราตะจับซ้อนกันสามชั้นแล้วยกเองทั้งหมด
Comments
รับกล่องผักมาซึ่งดูเหมือนจะเป้นกล่องที่น่าจะเบามากที่สุดถึงแบบนั้นก็ยังทุลักทุเลอยู่ดี
“ว่าแต่บ้านอาราตะคุงอยุ่ตรงไหนล่ะ”
พอเริ่มคุ้นชินกับน้ำหนักสิ่งของภายในมือแล้ว ก็เลยถามถึงจุดหมายปลายทาง
กระชับของที่ถือมั่นคงดีแล้วก็เริ่มออกเดินไปตามทาง ถนนในหน้าร้อนสะท้อนกับแสงแดดจนเห็นไอร้อนระอุลอยออกมา เสียงจั๊กจั่นเรไรพากันร้องเซ็งแซ่ นานๆทีถึงจะมีลมเย็นๆพัดพาไอร้อนให้จางลงไปได้บ้าง
"ถ้าเกิดว่าเหนื่อยแล้วอยากจะพัก..บอกได้เลยนะครับ"
เหลือบมองเพื่อนสาวข้างกาย กังวลนิดหน่อยว่าจะไหวมั้ย
“อาราตะคุงเองก็ถ้าไม่ไหวก็บอกได้เหมือนกันนะ”
เดินตามไปติดๆในขณะที่ถือกล่องในมือแน่นเพราะว่าพอเริ่มคุ้นชินกับน้ำหนักเลยเคลื่อนที่ได้สะดวกมากขึ้น ถึงอากาศจะร้อนแต่ก็พอมีลมเย็นๆพัดมาบ้างทำให้ไม่ได้รุ้สึกเหมือนจะละลายไปกับพื้น
“อากาศหน้าร้อนเนี้ยสุดยอดไปเลยเนอะ”
ปกติอาราตะไม่ชอบหน้าร้อน ถ้าเป็นเวลานี้ปกติเขาคงจะไปนั่งอ่านหนังสือในร้านคาเฟ่สักร้านแล้ว
“ยูยาเกะซังแวะมาซื้ออะไรเหรอครับ?”
เอ่ยชวนคุยระหว่างเดิน นอกจากกล่องที่ถืออยู่ เขาก็ยังมีหิ้วถุงวัตถุดิบที่เพิ่งจ่ายตลาดมาด้วยที่ข้อมืออีก ดูพะรุงพะรังเอาเรื่อง
“เลยลองจับฉลากชิงโชคดูแต่ก็ดันแห้วได้ทิชชูมาแทนน่ะนะ”
เพราะว่าตัวเองไม่ได้ซื้อของอะไรเลยทำให้เดินได้สบายกว่าอีกฝ่าย
“ให้ช่วยถือถุงหิ้วมั้ย?”
ว่าแล้วก็หยุดเดินก่อนจะมองไปที่ถุงหิ้วของที่อีกฝ่ายหิ้วอย่างพะรุงพะรัง มันจะไม่ขาดหรือตกมาใช่มั้ยล่ะล่ะนั้น
พอต้องแบกของกลับกลางแดดบ่ายแบบนี้ก็ไม่รู้แล้วว่านับเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกัน
"ของที่คุณถือจะหนักขึ้นนะครับ..จะดีเหรอ"
เกรงใจมากๆ ต้องมาเดินกลางอากาศร้อนๆแบบนี้เขาก็กลัวว่าอิเนะอาจจะเหนื่อยจนเป็นลมขึ้นมาก็ได้
มัวแต่กังวลคนอื่นจนไม่ทันสังเกตตัวเองเลยว่าเหงื่อเริ่มชุ่มจนเสื้อเปียกแผ่นหลังแล้ว