#ESRA_Starlit
[ 3 Feb | ภายในงาน ]
“ขอทางหน่อยได้หรือเปล่า?”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ถามกับ[คุณ]
[ 3 Feb | ภายในงาน ]
“ขอทางหน่อยได้หรือเปล่า?”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ถามกับ[คุณ]
Comments
"อ้าว สหายสนิทในชุดที่แปลกตาสำหรับผมมากครับ"
เขาใช้สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ดูตื่นเต้นกว่าปกติ นี่มันภาพหายากอยู่นี่นะ
"แล้วไม่ทราบว่าองค์ชายมีคู่เต้นรำหรือยังเอ่ย"
“ส่วนเรื่องคู่เต้นรำ.. ” ชายหนุ่มจงใจเว้นระยะ “เรามีแล้ว”
“เจ้าละเซป?”
เขายักไหล่พร้อมทำสีหน้าค่อนไปทางมีเลศนัยอะไรบางอย่าง
“ไหนล่ะคู่เต้นรำของท่าน ผมล่ะอยากเจอเสียหน่อย อยากจะรู้จักเหลือเกิน ผู้ที่มาทำให้องค์ชายยอมเต้นรำด้วยน่ะ”
ว่าจบเซฟิรอสก็ยิ้มกว้าง
“ถ้าเจ้าลองไปขอเต้นรำกับนางดู บางทีนั่นอาจเป็นรักแรกพบของเจ้าก็ได้” เขากล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ มือก็หยิบเครื่องดื่มที่เสิร์ฟในงานมาถือไว้
“แล้วก็อย่างที่รู้ ๆกัน ไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่เป็นคู่หมั้นเราเอง”
ว่าพลางหยิบอีกแก้วมาส่งให้ “สักหน่อยไหม”
กระทั่งมีบุคคลอยู่เบื้องหน้า พูดอะไรไม่รู้ไม่ทันฟังแล้วยื่นมือออกมา รามิริสงุนงันอยู่ชั่วขณะ ก่อนยื่นพระหัตถ์เรียวงามออกมาวางแปะบนมืออีกฝ่ายพร้อมทอดพระเนตรคนคุ้นหน้าคุ้นตาด้วยสีหน้าตั้งคำถาม ทั้งที่เป็นตนนั่นแหละที่เข้าใจผิดเอง
"???"
ชายหนุ่มชะงักนิ่งไปเสี้ยววินาที ก่อนเลื่อนสายตาลงมองมือที่วางบนฝ่ามือตนอีกที
?
เขาเกิดคำถามมากมายขึ้นมาในใจ จึงเอ่ยชื่ออีกฝ่ายด้วยความสับสน “รามิริส?”
“เจ้าอยากเต้นรำกับเราหรือ.. ?”
"คู่เต้นรำสำหรับเพลงแรกควรเป็นคู่หมั้นของพวกเรามากกว่า" รามิริสเอ่ยเสียงเรียบ พร้อมพระกรที่ถูกรวบเก็บไว้ด้านหน้าพระเพลาอย่างเบามือแทนคำปฏิเสธ ทรงดำริว่าจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกันและทรงหวังว่าเดเซคาลจะเข้าพระทัยตนต่อเรื่องหน้าอายเมื่อไม่กี่อึดใจ
+
“นับว่าไม่ดีและไม่แย่” เสียงทุ้มตํ่ากล่าวออกมาเป็นคำตอบ ก่อนลดฝ่ามือลงเชื่องช้าขณะสนทนา “แต่เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้พบเจ้า”
“ที่ผ่านมาคงราบรื่นดีใช่หรือเปล่า”
เธอเอ่ยอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันไปพบกับร่างสูง เงยหน้าไปก็พบกับ
‘ ท่านคาร์ล ! ’
จากสีหน้าบูดบึ้งก็เปลี่ยนเป็นระริกระรี้ในทันใด
“ ท ท่านคาร์ล สวัสดีค่ะ ”
จู่เธอๆก็ทำตัวน่ารัก ส่งสายตาหวาน
“ จะไปไหนเหรอคะ ? ”
“ มีคู่เต้นรำด้วยหรือยังเพคะ ”
เธอยังคงไม่หลบทางให้
ซิลเวสเทียหันหลังกลับมาตามเสียเรียก ความสูงที่ต่างกันของอีกฝ่ายทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
องค์ชายคนเมื่อวันนั้น... อย่าทำให้เขาหงุดหงิดใจอีกดีกว่า
“ สวัสดีค่ะรุ่นพี่ “ เธอถอยหลังก้าวหนึ่งมือจับชายผ้าคลุมไหล่ยกขึ้นพร้อมโค้งศรีษะเพื่อทักทายตามมารยาท ก่อนที่จะหลีกทางให้อีกฝ่าย ” ขออภัยด้วยนะคะ ”
บุญคุณความแค้นเขาคร้านจะนับ ดังนั้นจึงทำทีไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อเธอเช่นในครั้งแรกที่เห็นหน้ากันอีกต่อไป
“ขอให้สนุกกับงานเลี้ยง” ว่าจบก็เดินผ่านไปทั้งอย่างนั้น
รองเท้าส้นสูงถอยหลังไปหนึ่งก้าวยาวให้ทางแก่ชายรูปงาม ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“ท่านเดเซคาล..ขออภัยอีกครั้ง”
“แต่ท่านได้พบท่านพี่ลูลู่บ้างหรือไม่”
เพราะเรามากันเสียก่อนจึงคราดกับพวกเขาไป
“เราก็กำลังหาคู่หมั้นของเราเช่นกัน”
เราย้ำคำถามอีกคราระหว่างมองชายร่างสูงที่หันมองหาคู่หมั่นก่อนได้รับคำตอบผ่านท่าทางนั้น
"เป็นเช่นนั้นเอง งั้นหากเราพบท่านพี่เราจะบอกว่าท่านเองก็ตามหาเช่นกัน"
มือวางแนบทองน้อยพลางโน้มตัวขอบคุณก่อนขอตัวจากไป
ร่างเล็กในชุดเดรสสีแดงหันมาตามเสียงก่อนจะหลบตัวเองไปด้านข้างให้ชายร่างสูงเดินผ่านไป
เขาคลี่ยิ้มและผงกศีรษะน้อย ๆให้เธอ ก่อนสาวท้าวเดินสวนไปอีกทาง
เบี่ยงตัวหลบทางให้รุ่นพี่ เปิดทางให้อีกฝ่ายเดินนำไป แล้วตัวเขาก็เดินตามเสียดื้อๆ
“กำลังจะไปไหนหรอครับ?”
เดเซคาลเหลือบมองไปข้างหลัง นิ่งเงียบเพียงไม่นานก่อนเปิดปากตอบ “เรากำลังไปหยิบเครื่องดื่ม”
“เจ้าละ”
ที่จริงเขาแค่คิดว่ารุ่นพี่เดเซคาลจะไปดูอะไรเจ๋งๆสักอย่างในงานต่อ เลยว่าจะขอตามไปดูด้วย เพราะตอนนี้งานเริ่มกร่อยแล้ว แต่เขาคงจะเทอะทะไปเอง
“รุ่นพี่ได้ลองน้ำพั้นซ์รึยังครับ อร่อยมากเลยนะ”
ชูน้ำพั้นซ์สีแดงอมส้มที่เหลือติดแก้วนิดหน่อยขึ้นมากลบเกลื่อน แล้วก็เดินนำไปที่บาร์เครื่องดื่มต่อ
ภัทรเงยหน้ามองตามเสียงพูด ก่อนสบกับสายตาของอีกฝ่าย
“ขอโทษ... เราขวางทางเหรอ“ ขยับถอยให้
“ขอบคุณ”
“ขอให้สนุกกับงาน”
วันนี้เขาอยากลองเข้าสังคมเพื่อหาเพื่อนใหม่ และนี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ลองพูดคุยกับคนอื่น
แต่ควรจะพูดอะไรดีล่ะ?
“ข...ขนม...” ทำปากมุ้บมิ้บ
“ขนมอร่อยดีนะ...” แล้วก็ชี้ไปที่โซนของกิน
“ดูเหมือนพวกเราจะคิดเหมือนกัน”
”บนโต๊ะนั้นมีจานโปรดของเจ้าบ้างหรือเปล่า“
ก้าวแรกของเทอมนี้ เขาทำได้ดีเลยใช่มั้ย?
“เราไม่ค่อยได้ทานขนมแบบนั้น... พวกขนมปังกับก้อนๆเป็นชั้นๆ...” เขาหมายถึงเค้ก
“แต่เราชอบนะ เจ้าขนมเป็นชั้นๆนั่นอร่อยดี”
หากชวนไปทานด้วย อีกฝ่ายจะไปมั้ยนะ...
“ไปทานด้วยกันมั้ย”
เดเซคาลขยับกระดุมข้อมือเบา ๆ ดวงตาของชายหนุ่มหลุบลงเล็กน้อย ริมฝีปากประดับรอยยิ้มบางเอาไว้ตลอดบทสนทนา ท่าทีดูทั้งสงบเสงี่ยมและใจเย็นอย่างหาได้ยาก
เขารับฟังทีละคำโดยไม่คิดเร่งเร้า ทั้งยังพยักหน้าเป็นระยะให้ดูไม่เสียมารยาท “ได้แน่นอน”
"ขออภัย..องค์ชายวาร์ซิมีร์" เสียงเรียบเอ่ย ดวงตาผีเสื้อหรี่ลงมือนึงจับจีบกระโปรง อีกหัตถ์ยกนาบเหนืออกโค้งหัวขอโทษที่ยืนขวางทางแล้วถอยให้
"ท่านหาผู้ใดอยู่หรือเปล่าคะ?" เผื่อว่าจะคลาดกันเมื่อครู่
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเปลวเพลิงหันไปมองต้นเสียง แต่เพราะตอนนี้เขากำลังคุยสนุกกับตัวแทนประเทศที่กำลังจะผูกสัมพันธ์ด้วย จึงไม่ยากจะหลบเท่าไหร่
ดวงตาหันไปหาตามด้วยรอยยิ้มสุภาพก่อนจะพูดเสียงนุ่มทุ้ม
"คุณก็ลองอ้อมไปข้างๆก็ได้นะครับ ตอนนี้เราคุยธุระอยู่ ขออภัยด้วยนะครับ"
นัยย์ตาสีโลหิตจ้องลงไปอย่างเย็นชา ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆออกมาตอบโต้กับประโยคดังกล่าวของอีกฝ่าย ทว่าชั่วอึดใจต่อมาเดเซคาลนั้นขยับเท้า ก่อนเดินอ้อมไปอีกทางโดยไม่แม้แต่จะสนใจคนเบื้องหลังอีก
กลับกันเธอเลือกที่จะเอ่ยแซวการแต่งกายในวันนี้ของคนตรงหน้าแทน
"วันนี้ทรงฉลองพระองค์เรียบร้อยดีนะเพคะ"
“แต่เจ้าชอบแบบไหนมากกว่า”
เจ้าหล่อนพักหน้าให้คำถามของอีกคนอีกทั้งยังเป็นการสำทับคำตอบเธอไปในตัว ได้ยินคำถามนั้นก็จับคางครุ่นคิด
"หม่อมฉันชอบแบบไหนนั่นสำคัญด้วยหรือเพคะ?"
"แค่ถูกใจท่านก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?"
“ถูกดังที่เจ้าว่า”
มือข้างซ้ายไม่ได้ลดลง แต่กลับยื่นไปหาอย่างเชื่องช้า “วันนี้เจ้างดงามเป็นพิเศษ ไม่อยากลองออกไปอวดโฉมกับเราหน่อยหรือ”
"ถึงอย่างงั้นหม่อมฉันก็คงเปล่งประกายได้ไม่เท่าท่านหรอกเพคะ" แน่นอนว่าเธอประชด
+
"หวังว่าออร่าของท่านจะไม่บดบังความงดงามของหม่อมฉันนะเพคะ"