เพราะคิดไว้แล้ว หลังรับมีดมาวางในกล่องเขาก็หยิบพลาสเตอร์ยาออกมาวางบนโต๊ะตาม เลื่อนให้อีกฝ่ายเอาไปใช้
“โชคดีจริงๆนั่นแหละครับ“
ตามองไปที่มีด เพราะดูจะชอบก็เลยยังไม่ปิดฝากล่อง แล้วก็หยิบตะเกียบขึ้นมาทานข้าว
”แต่ถึงมีเก็บไว้อยู่ ถ้าเกิดไม่พยายามทำร้านให้ดีก็จะล่มสลายเอาได้ มีดน่ะ ไม่ช่วยคนขี้เกียจหรอกครับ”
“จะว่ายุ่งยากก็ได้ แต่ดีที่ผมไม่มีปัญหาเรื่องนั้น“ พูดพร่ำเล่าไปเรื่อยเลย
“โชคดีจริงๆนั่นแหละครับ“
ตามองไปที่มีด เพราะดูจะชอบก็เลยยังไม่ปิดฝากล่อง แล้วก็หยิบตะเกียบขึ้นมาทานข้าว
”แต่ถึงมีเก็บไว้อยู่ ถ้าเกิดไม่พยายามทำร้านให้ดีก็จะล่มสลายเอาได้ มีดน่ะ ไม่ช่วยคนขี้เกียจหรอกครับ”
“จะว่ายุ่งยากก็ได้ แต่ดีที่ผมไม่มีปัญหาเรื่องนั้น“ พูดพร่ำเล่าไปเรื่อยเลย
Comments
“ก็จริง...โทฟุซังดูทุ่มเทมากเลยนี่นากับร้านนี้” ตอนเขาเข้ามาเห็นอีกฝ่ายยุ่งๆแล้วยังเจียดเวลามาให้เขาได้ก็ช่างน่าชื่นชม
ต่างกับเขาที่มาเพื่อความต้องการของตัวเองเท่านั้น
“แล้วคิดจะต่อมหาลัยมั้ยครับ?“ จู่ๆก็ถามขึ้นมา มันอยากรู้นี่ว่าโทฟุจะสืบทอดร้านนี้ต่อหรือไปใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง(..)
“เพราะว่าผมต้องสืบทอดร้าน แล้วก็ไม่อยากไปอยู่ห่างบ้านด้วยน่ะ” ระหว่างพูดก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อชุ่มฉ่ำขึ้นมาใส่ปาก ที่โรงเรียนเขาดูเอื่อยเฉื่อยไม่ค่อยยิ้ม แต่ช่วงหลัง—จนที่ร้านตอนนี้ ก็ยังยิ้มไม่หุบเลย
“สึบาสะคุงละครับ จะเรียนต่อมั้ย ?”
"โทฟุซังคงไม่คิดจะออกจากเมืองนี้สินะครับ..." มองจานเนื้อสลับกับมองหน้าอีกฝ่าย
"ขอชิมคำนึงได้รึเปล่า?"
“จะว่าไม่คิดออกจากเมืองก็ไม่หรอกครับ แต่อยู่บ้านมันสบายใจสุดนี่หน่า“ ถึงเมืองนี้จะมีแต่เรื่องลี้ลับน่ากลัว เขาที่เกิดและอาศัยอยู่แต่แรกก็เคยชินเสียแล้ว
”สึบาสะคุงจะไปเรียนอะไรต่อเหรอ ผมถามได้มั้ย ?“