#KMI_Nyugakushiki
ตอนเช้า | แยกรูท | ระหว่างทางไปเรียน
เช้าวันแรกของการเป็นเด็กปี 3 รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยนะเนี่ย เราจะได้กลายเป็นพี่โตสุดแล้วหรอเนี่ย!
ระหว่างเดินไปโรงเรียนรินเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างสีดำๆผ่านไป แมวหรอ?
“โอ้ย!”
เพราะไม่ได้ดูทางเลยชนเสาเฉยเลย เจ็บจัง..
(แวะมา+ มาทำความรู้จักกันได้นะคะ)
ตอนเช้า | แยกรูท | ระหว่างทางไปเรียน
เช้าวันแรกของการเป็นเด็กปี 3 รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยนะเนี่ย เราจะได้กลายเป็นพี่โตสุดแล้วหรอเนี่ย!
ระหว่างเดินไปโรงเรียนรินเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างสีดำๆผ่านไป แมวหรอ?
“โอ้ย!”
เพราะไม่ได้ดูทางเลยชนเสาเฉยเลย เจ็บจัง..
(แวะมา+ มาทำความรู้จักกันได้นะคะ)
Comments
เห็นอีกคนเดินเหม่อมา กำลังคิดเล่นๆอยู่ว่าจะชนเสาไหมนะ แล้วก็ชนเข้าให้จริงๆ…
มานาบุที่เข้าไปเตือนไม่ทันมองตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะนิดๆอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
“ฮะๆ.. อะ ขอโทษที่เสียมารยาทครับ” เขายิ้มให้ก่อนเดินไปหาหญิงสาว พลางชี้ไปที่แก้มตัวเอง
”เป็นอะไรไหมครับ แล้วตรงนี้…เจ็บรึเปล่า?“
ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
น่าอายชะมัด ปกติชนโต๊ะ ชนเตียงเองแท้ๆทำไมวันนี้ดันชนเสาละเนี่ย
“ไม่เป็นไรๆ มันไม่ได้แรงขนาดนั้นหรอกนะ แหะแหะ”
กำลังตีเนียนว่าสบายดี แต่จริงๆคืออาย
ถึงอีกฝ่ายบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็สังเกตเห็นรอยแดงตรงแก้ม จะเจ็บไหมนะ… ว่าแล้วก็หยิบกระป๋องน้ำอัดลมห่อผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นให้ เพราะเพิ่งกดมาเลยยังเย็นๆอยู่
”เอาอะไรเย็นๆประคบไว้ก่อนนะครับ หน้าเป็นรอยช้ำตั้งแต่วันแรกคงไม่ดีน้า..“
รินสลัดความอายออกโดยไวและรับกระป๋องน้ำอัดลมมาประคบแต่โดยดี
“ขอบใจนะ”
“เห้อ~ ซวยตั้งแต่วันแรกเลย”
ในขณะเดินไปหอประชุม(หลงทาง) ก็ไปโผล่ตัวขึ้นมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงข้างหลังเด็กสาวผมสีอ่อนที่เดินเซ่อซ่าชนเสา
“ซุ่มซ่าม” ทันทีที่เห็นก็พูดออกมา
รินสะดุ้งที่จู่ๆก็มีเสียงโผล่มาด้านหลัง นึกว่าผีซะอีก มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลย
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ แปลว่าเขาเห็นตอนที่ฉันเดินชนน่ะสิ หึยย อายชะมัด
“ม-มันใช่คำที่ควรพูดกับคนที่พึ่งเดินชนเสามั้ย”
“มันก็ถูกแหละซุ่มซ่าม แต่ว่าปกติแล้วมันควรจะ ‘เป็นอะไรรึป่าว’ ทำนองนี้ไม่ใช่หรอ”
น้ำเสียงที่ดูไม่สบอารมณ์ จริงๆคือพยายามกลบเกลื่อนความอายอยู่
“อาฮะ...งั้น—เป็นไรมั้ย” น้ำเสียเรียบพูดไร้อารมณ์ร่วมตามที่อีกคนแนะนำ
มองดูแก้มที่ฝาดแดง คงจะเจ็บน่าดู...
"คราวหน้าก็เดินดูทางหน่อยสิ"
แม้คำพูดจะฟังดูเย็นชาแต่จริงๆเขาพูดด้วยความห่วงใยอยู่มากไม่น้อย
นี่ประชดกันหรือแค่เป็นคนซื่อบื้อกันนะ แต่ไร้อารมณ์สุดๆเลยเดาไม่ถูก
“…”
กำลังตีความสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาว่าในประโยคนั้นมีความห่วงใยอยู่กี่เปอร์เซนต์ หรืออาจจะไม่มี
“นี่ดุหรือว่าเป็นห่วงกันแน่”
ฉันว่าเป็นอย่างแรกมากกว่า
เงียบนิ่งไม่ตอบอะไร สายตาเย็นชาสีสว่างไล่มองใบหน้าคนตรงหน้า
ในระหว่างฟังที่อีกคนพล่ามก็เลื่อนมือและจับสายตาไปค้นหาบ้างอย่างในกระเป๋านักเรียน
ถึงตอนที่เจ้าของเสียงเล็กที่พูดถึงประโยคที่ว่าเขากำลังดุอยู่รึเปล่า
“ก็...ไม่ปฏิเสธหรอก”
หยิบซองถุงเล็กๆขนาดฝ่ามือยื่นให้กับเด็กสาวรุ่นพี่
...
“เอ้า...รับไปสิ”
รินมองถุงเล็กๆที่อีกฝ่ายยื่นมาอย่างสงสัย แต่ก็รับมาอยู่ดี
หรือว่าจะเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจนะ
"โฮ่ย เป็นอะไรมากรึเปล่า?"
"ทำไมเดินไม่ดูทางล่ะเนี่ย"
เขาเห็นว่าอีกฝ่ายมองอย่างอื่นอยู่เลยเท้าเอวเอียงคอถาม แม้ว่าท่าทางของเขาอาจจะให้ความรู้สึกว่ากำลังเอ็ดใส่มากกว่าเป็นห่วงยังไงไม่รู้–?
รินหัวเราะกลบเกลื่อน โดนตั้งแต่เช้าเลยหรอเนี่ย
“ตะกี้เหมือนเห็นอะไรดำๆผ่านไปน่ะ”
พูดพลางชี้ไปที่พุ่มไม้อีกฝั่ง
"แมวดำรึเปล่า"
ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา เขาขอไม่ทักว่าเป็นอย่างอื่นดีกว่า โดยเฉพาะสิ่งลี้ลับอะไรนั่น (...) นี่แค่เปิดเทอมนะ อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย!!
เขากระแอมไอกลบเกลื่อน ก่อนจิ้มๆ ไปที่แก้มตัวเอง
"แต่ตรงนี้เธอ... แดงเลย"
"แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร?"
เธอพูดพร้อมทำเสียงหลอนๆ
“ฮิฮิ ว่าไปนั้นแหละ ฉันไม่ได้มีจิตสัมผัสสักหน่อย คงเป็นแมวแหละมั้ง”
รินเอามือจับที่แก้มเบาๆ ถึงตอนนี้จะไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมาก
“ไม่เป็นไรหรอก แต่มันแดงขนาดนั้นเลยหรอ เห็นชัดเลย?”
เอย์จิสะอึกไปนิดหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายดันเป็นคนหยิบเรื่องลี้ลับมาพูด ไม่เอาน่า นี่มันนอกโรงเรียนนะ ไม่ใช่หรอก!
เขาไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนหรี่ตาเหมือนพิจารณารอยบนหน้าขาวๆ
"ก็ชัดอยู่นะ"
"อืม แต่ดูแล้วไม่ได้ถลอกนี่ แปปเดียวก็คงหาย ถ้าไม่หายก็ต้องเอาพวกของเย็นมาประคบหน่อยจะดีขึ้น..."
จู่ๆ ก็ลูบคางตัวเองสาธยาย
(+)
ว่าแล้วก็หยิบขวดน้ำออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้อีกฝ่าย
ถ้าเอาไปทาบหน้ามันก็คงได้ฟีลเหมือนประคบน้ำแข็งได้อยู่ เพิ่งแช่มาเย็นๆ เลย
ยูเมโตะตกใจจนน้ำเสียงที่พูดออกมาดูจะเสียงดังกว่าปกตินิดหน่อย นั่นก็เพราะเพื่อนที่เดินมาด้วยกันดันชนเสาเข้าได้
“ เป็นอะไรรึเปล่าครับ? เจ็บมากไหม? ”
จากที่เดินตามมาข้างหลังก็รีบขยับไปยืนข้าง ๆ ทันที
“ เมื่อกี้… เหมือนจะเป็นแมวรึเปล่านะครับ ”
เพราะสังเกตว่าเธอกำลังมองตามอะไรสักอย่างอยู่ถึงได้ทายขึ้นมา
วันนี้มันอะไรตั้งแต่เช้าเนี่ย เจ้าแมวบ้าแกทำให้ฉันดูแย่
“คงจะแมวแหละมั้ง หรือไม่ก็ตัวอะไรสักอย่าง”
“…หรืออาจจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตก็ได้นะ~ ยูเมะจัง~”
เธอหันมาหาอีกฝ่ายพร้อมกับทำเสียงหลอน
ทำเอาเจ้าของไรผมสีชมพูกระพริบตาปริบ ๆ
“ สิ่งไม่มีชีวิต… นั่นสินะครับ ”
“ ถ้ารินจังมองเห็นแสดงว่าเขาอยากให้รินจังมาเป็นเพื่อนด้วยรึเปล่านะ? ”
ไม่ได้จงใจพูดแกล้ง แค่ตอบไปตามที่คิดหน้าซื่อ ๆ
“ถ้าเป็นงั้นจริงก็น่าสนุกดีนะว่ามั้ย”
รินหันมาส่งสายตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น ลืมความเจ็บจากการชนเสาไปเลย
“แต่ว่าถ้าจะมาละก็ ขอให้มาแบบดีๆแล้วกันนะ”
“อ๊ะ! แต่เจ้านั้นทำให้ฉันเดินชนเสานะ”
ยูเมโตะไม่ได้กลัวเรื่องลี้ลับมากนัก ถึงจะพบเจอด้วยตัวเองก็คงไม่รู้สึกถึงพิษภัย
“ เอ— แต่เมื่อกี้สิ่งนั้นแค่เดินผ่านไปเองนะครับ ”
เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าก็คงไม่ได้มาร้ายหรอก
“ความสามารถในการเคลื่อนไหวดั่งความเร็วแสง!”
เธอหันมาพูดกับยูเมโตะด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันว่าไม่ใช่แมวแล้วล่ะ!”
แววตาเป็นประกาย แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลเป็นการแสดงที่โอเวอร์แอคติ้ง
‘ยูเมะจังจะดูออกมั้ยนะ”
“เป็นอะไรไหมครับ…?”
เดินเข้าไปดูด้วยเป็นห่วงแต่ก็ยังดูใจเย็นในเวลาเดียวกัน
หัวเราะกลบเกลื่อนไป
โชคไม่ดีตั้งแต่เช้าเลยหรอเนี่ย
เจายื่นผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลลายตารางให้
“ผมยังไม่ใช้เลย ไม่ต้องห่วงครับสะอาดแน่นอน~“
คลี่ยิ้มบางๆให้
อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆล่ะนะ
“ไว้ฉันซักคืนให้นะ”
“งั้นผมขอตัวก่อนนะพอดีว่าผมมีธุระนิดหน่อยต้องไปน่ะ ไว้เจอกันนะ~”
เขายิ้มทิ้งทายก่อนจะขอตัวไป