ตัวลอร์ดซินแคลร์อาจไม่ได้ลงในท่าทีงดงามดุจหงส์ขาว กลับกัน เหมือนเป็นดั่งนักรบคนหนึ่งเสียมากกว่า บ่งบอกว่าเขาเองก็คงคลุกคลีกับการต่อสู้มาพอสมควร
เถาวัลย์ลอยเคลื่อนตัวออกไป แต่เขากลับรวบรวมสติแล้วเดินเข้าไปหานางผู้ที่ดูเหมือนจะไม่รู้ถึงอันตรายในสิ่งที่ทำ
“มันอันตรายนะ องค์หญิง“
น้ำเสียงของเขากลายเป็นแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย
ไม่ทันได้สนใจวิวทิวทัศน์เสียด้วยซ้ำ
เถาวัลย์ลอยเคลื่อนตัวออกไป แต่เขากลับรวบรวมสติแล้วเดินเข้าไปหานางผู้ที่ดูเหมือนจะไม่รู้ถึงอันตรายในสิ่งที่ทำ
“มันอันตรายนะ องค์หญิง“
น้ำเสียงของเขากลายเป็นแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย
ไม่ทันได้สนใจวิวทิวทัศน์เสียด้วยซ้ำ
Comments
วิลเฮลมิน่าได้ยินเขาเช่นนั้นก็ได้แต่เพียงหัวเราะเบาๆ
“วิวสวยอย่างที่คิดจริงด้วย” เธอเปลี่ยนบทสนทนา เพิกเฉยเสียงที่แข็งกร้าวของเขา ถึงแม้มันจะน่าสนใจที่ได้ยินน้ำเสียงนี้จากคนตรงหน้า
น่าสนใจจริงๆ เธอยกยิ้มมองไปทางทิวทัศน์ด้านหลังเจเรเมีย
+
หากไม่จับเธอไว้ดีๆ เธอก็อาจจะหายไป ไม่หันหลังกลับมา ไม่มีการรอใดๆ ทั้งสิ้น
นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครสามารถยืนเคียงข้างเธอได้อย่างมั่นคงเลยสักคนเดียว
แสงจันทร์ที่เคยทอดผ่านถูกแทนที่ด้วยเงาของเขาไปทันใด
พลันริมฝีปากบางที่เธอเพิ่งแตะไปเมื่อครู่ก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง
“มันอันตราย”
+
”…แต่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
เขาไม่ได้เอ่ยออกมาเพื่อดุเธออยู่แล้ว ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเพียงคำตำหนิที่แฝงไปด้วยความห่วงใย
ไม่ได้ต้องการให้เธอกลัว หรือรู้สึกไม่ดีอะไร
เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอรับรู้ถึงความกังวลที่เขาส่งผ่านไป เจเรเมียก็เลยคลายความตึงเครียดลง
ปล่อยให้การตัดสินใจกลับไปอยู่ในมือของเธอ
+
“มาที่นี่บ่อยๆ หรือ องค์หญิง?”
ริมฝีปากที่เคยขยับไปเพื่อปราม กลับเริ่มปรากฏรอยยิ้มบางที่มุมปากแทน
หญิงสาวยกยิ้มพลางเดินสวนผ่านเขาไปช้าๆ ปลายมือสัมผัสลูบไหล่เจเรเมียคล้ายว่าให้เขาอย่าได้ห่วงเธอนัก สัมผัสที่เย็นวาบผิดแปลก หากสังเกตุคงจะได้เห็นว่าถุงมือสีขาวนวลได้ถูกถอดไปตอนไหนแล้วก้ไม่ทราบ
"อย่าเป็นห่วงฉันไปเลยค่ะ" เสียงกระซิบแผ่วล่องลอยไปตามสายลม
ก่อนที่เธอจะละมือออกมาจากกายคนตรงหน้า
+