#ESRA_Starlit
เบสเตียห์ก้าวเข้าสู่งานเลี้ยงปฐมนิเทศด้วยท่าทีสงบนิ่ง ดวงตาสีอำพันมองบรรยากาศรื่นเริงรอบตัว
แม้จะไม่ใช่คนที่ชอบงานสังคมหรือความพลุกพล่าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการปรากฏตัวในงานนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวเข้าไปในฝูงชนอย่างไม่เร่งรีบ พยายามทอดสายตามองหาคนรู้จัก จนอาจเผลอไปสบตากับใครเข้าโดยบังเอิญ
(+ได้ ชวนเต้น ได้ค่ะ🫶🏻)
เบสเตียห์ก้าวเข้าสู่งานเลี้ยงปฐมนิเทศด้วยท่าทีสงบนิ่ง ดวงตาสีอำพันมองบรรยากาศรื่นเริงรอบตัว
แม้จะไม่ใช่คนที่ชอบงานสังคมหรือความพลุกพล่าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการปรากฏตัวในงานนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวเข้าไปในฝูงชนอย่างไม่เร่งรีบ พยายามทอดสายตามองหาคนรู้จัก จนอาจเผลอไปสบตากับใครเข้าโดยบังเอิญ
(+ได้ ชวนเต้น ได้ค่ะ🫶🏻)
Comments
เมื่อครั้นมิราเบลล์มาถึงงานไม่นานนักก็เลื่อนสายตามองทั่วงานอย่างเป็นกังวลเล็กน้อยกลัวว่าตนเองจะมาช้าจนเกินไป
ถึงแม้ผู้คนหลากหลายสายตาพลันประจบเข้ากับดวงตาสีอำพันคู่สวยหยุดชะงักเล็กน้อยก่อนเป็นฝ่ายก้าวเดินเข้าไปหา
“แสงคงนำพามาให้เจอท่าน“
เธอค้อมตัวและกล่าวคำทักทายที่คาดว่าอีกฝ่ายคงรู้ความหมาย
เงยหน้าสบตามองอีกครั้ง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรอตนเองอยู่หรือไม่
"หากเป็นเช่นนั้น ก็คงเป็นแสงที่เมตตา"
แม้จะไม่ได้เอ่ยคำมากนักแต่แววตาของเธอบ่งบอกว่าเธอเข้าใจความหมายของคำทักทายดี
"เรามิได้รอผู้ใดเป็นพิเศษแต่เราดีใจที่ท่านหญิงมิราเบลล์มาร่วมงานเลี้ยง"
ไม่ว่าจะมาหาเธอโดยตั้งใจหรือเพียงบังเอิญตามที่อีกคนได้ทิ้งข้อความไว้ในจดหมาย
"แต่ในเมื่อแสงนำพา เช่นนั้นย่อมมีเหตุผลของมัน“
น้ำเสียงนุ่มพูดตอบกลับหลังจากนิ่งกลั่นกลองคำพูดแล้วเรียบร้อย
“เหตุผลคงเป็นเรื่องราวที่ค้างคาเมื่อคราวก่อน ถ้าหากได้เจอท่านจะนำมากล่าวให้ฟัง”
หลบเลี่ยงสายตาอย่างไม่มั่นใจนัก
”…ถ้าได้พูดคุยเรื่องราวเหล่านั้นระหว่างเต้นรำด้วยกันคงจะเพลิดเพลิน“
ไม่อยากจะเป็นคนเอ่ยเชิญชวนก่อนจึงโยนหินถามทาง
ดวงตาสีอำพันสะท้อนแสงเรืองรองจากงานเลี้ยง นั่นเป็นสิ่งที่เบสเตียห์รอฟังตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงของขวัญที่ส่งไปให้ด้วย ไม่รู้ว่ามิราเบลล์จะชอบมันหรือเปล่า ส่งให้แล้วก็เงียบไปเลย
แต่พอได้ยินอีกฝ่ายชวนเธอเต้นรำ เจ้าหญิงก็เกิดอาการเคอะเขินขึ้นมา มิราเบลล์ดูเป็นคนเขินอาย ขนาดอยู่ต่อหน้าก็พูดแทบจะนับคำได้ +
“หากท่านต้องการเช่นนั้น เราคงมิอาจปฎิเสธ แต่หากเราเผลอก้าวผิดจังหวะ คงต้องขออภัยท่านหญิงไว้ล่วงหน้า“
สังเกตจากส่วนสูงของมิราเบลล์แล้ว คงต้องเป็นเธอที่เต้นเป็นฝ่ายชาย เบสเตียห์ไม่ได้เต้นเป็นฝ่ายนี้บ่อยนัก แต่ก็ใช่ว่าจะเต้นไม่เป็นเลย
ยื่นมือไปด้านหน้ามิราเบลล์ เอ่ยคำเชิญอย่างสุภาพพร้อมกับรอยยิ้มบาง
”ให้เกียรติเต้นรำกับเราสักเพลงได้หรือไม่?“
มือวางแนบส่วนเดียวกันของเบสเตียห์ตอบรับคำเชิญเต้นรำ
ความประหม่าจนเผลอมือสั่นไหวชั่วครู่ก่อนกระชับมือกับอีกฝ่าย
”ในเวลานี้เราคงทำผิดพลาดได้เช่นกัน“
ก้าวเดินไปฟลอร์เต้นรำด้วยกันพลางเหลือบสายตามองคู่เต้นรำของตน
จังหวะเพลงเริ่ม เราทั้งคู่หันตัวเข้าหากันสบตา เป็นมิราเบลล์นั้นที่เลี่ยงสายตาไปทางอื่นก่อน
+
“สายันห์สวัสดิ์ ท่านเบสเตียร์”
“วันนี้ท่าน..”
ชุดที่ขับผู้ใส่ทำเอาเราอดชมไม่ได้
“เป็นเยี่ยงไรบ้างสาวงามเยี่ยงท่าน คงได้เต้นรำกับหนุ่มและสาวรูปงามมากมาย?”
บางที่การจะเอ่ยชมก็เป็นสิ่งที่ยาก..การเลี่ยงคำจึงอาจเหมาะกับเรามากกว่า
"สายันห์สวัสดิ์ค่ะ ท่านอเล็กซานดร้า" เธอทักทายพร้อมกับโค้งเล็กน้อยตามมารยาท
"เรื่องเต้นรำ..เราคงไม่ได้เต้นกับผู้คนมากมายเท่าไรนัก และเราเพิ่งจะมาถึงงานไม่นานนี้เอง"
"..แต่ท่านดูสง่างามในชุดนี้จริงๆ มันดูเหมาะกับท่านมาก" อเล็กซ์ซานดร้าแต่งองค์ทรงเครื่องเยี่ยงบุรุษ ช่างดูองอาจและสวยงามในคราวเดียวกันจริงๆ
เราเพียงคิดว่าผู้คนมากมายคงอยากจะเต้นกับสาวงามเท่านั้น
“ขอบพระคุณ…”
เราเงียบคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง “วันนี้ชุดของท่านเองก็ เหมาะสมกับท่านมากเลยทีเดียว” มือยกขึ้นบังปากกระแอมไอเบาพลางเอ่ยชม ก่อนนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงสิ”
“หากว่า ท่านเบสเตียห์มิรังเกียจอะไร..”
“เราหาอะไรทานด้วยกันดีหรือไม่”
ท่านเบสเตียห์พึ่งก้าวเข้าสู่งานเลี้ยงก็คงยังมิได้ทานอะไร
ตอบรับคำชมเรื่องชุดก่อนเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะอาหารของงานเลี้ยง พลางคิดว่าตั้งแต่มาถึง เธอยังไม่ได้แตะอะไรเลยจริงๆ
พอดีกับที่เจ้าหญิงชวนด้วย จะรองท้องไว้สักหน่อยก็ไม่เสียหาย
“ยินดีค่ะท่าน”
เธอตอบตกลงก่อนจะพากันเดินไปที่โต๊ะอาหาร
หญิงสาวที่ยืนอยู่มุมนึงของงานเลียงได้สบมองดวงตาสีอำพันงามขิงสตรีแสนคุ้นเคย
ร่างสง่าของหญิงสาวก้าวออกมาจากมุมมืดเพื่อตรงเข้าไปหาคนคุ้นเคย
"รุ่นพี่เบสเตียห์" เสียงใสเอ่ยทักทายสวนทางกับใบหน้าที่ช่างนิ่งเรียบดั่งรูปปั้น
นางกวาดมองดูสตรีที่สวมชุดสีดำเงาง่ม มันช่างดูสวยหรูเปร่งประกายในสายตาเธอเสียจริง
"รุ่นพี่ช่างงดงาม"นางเผลอหลุดปากพูด
ดวงตาสีอำพันจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความสงบนิ่ง แต่หากสังเกตดูดีๆ แล้วจะเห็นว่าเบสเตียห์กำลังเขินอยู่เพราะไม่ชินกับการรับคำชมกันแบบตรงๆ
"ขอบใจนะ ท่านเองก็ดูงดงามเช่นกัน"
เอ่ยชมไม่เกินจริง วันนี้ลาจูริน่างดงามมากในชุดเดรสสีขาว และทรงผมที่รับกับใบหน้าสวยของเธอเป็นอย่างดี
นางโน้มตัวกล่าวขอบคุณ วันนี้ช่างเป็นวันที่ดียิ่งที่เธอยอมมางานเต้นรำเพราะได้เจอคนรู่จักและเด็กใหม่มากหน้าหลายตา
"ช่วงนี้รุ่นพี่เป็นอย่างไรบ้างคะ" นางถามไถ่หลังจากปิดเทอมก็ไม่ได้พบเจอกันเนิ่นนาน
"ก็ยังคงเหมือนเดิม มีงานที่ต้องทำมากมาย นั่งอ่านตำราแล้วก็ฝึกซ้อม“
ปิดเทอมแล้วเธอไม่ได้พักผ่อนเท่าไหร่เพราะยิ่งขึ้นชั้นปีสูง เสด็จพ่อก็ยิ่งคาดหวังในตัวและผลงานมากขึ้น
"แล้วท่านล่ะ สบายดีหรือเปล่า? เราไม่ได้แลกหนังสือกับท่านมาสักพักแล้ว มีเรื่องใหม่น่าสนใจบ้างไหม"
เธอพ่นลมหายใจเมื่อหวนนึกถึงงานสังคมชนชั้นสูงหรืองานเลี้ยงน้ำชาที่รวมเหล่าเลดี้ให้มาพูดคุยพบปะกันแต่ตัวเธอก็เป็นเพียงผู้รับฟังอย่างเงียบงัน
"ช่วงนี้น้องกำลังอ่านเรื่อง Tristan and Isolde เป็นเรื่องราวของชายหญิงที่ดื่มยาวิเศษที่ทำพวกเขาตกหลุมรักกันทั้งที่ฝ่ายหญิงจะต้องแต่งงานในอีกไม่ช้า มันเลยเป็นความรักต้องห้าม"
“Tristan and Isolde งั้นหรือ...” เธอทวนชื่อเรื่องอย่างแผ่วเบา
"เราเคยได้ยินหนังสือเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เคยอ่านมันมาก่อน" รู้สึกสนอกสนใจขึ้นมา
"เรื่องราวมันเป็นยังไง พอจะเล่าให้เราฟังคร่าวๆได้ไหม..อ้อ" แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
"แต่ไม่ต้องละเอียดจนถึงกับเฉลยตอบจบนะ" แกล้งกำชับลาจูริน่าขำๆ
เมื่อดวงตาเงินขุ่นสบตากับหญิงสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตา ริมฝีปากซีดก็ยกยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะพยายามทำได้
"สวัสดียามเย็นท่านหญิง งานวันนี้ดูครึกครื้นดีจริงเชียว"
สองเท้าก้าวเข้าไปหาผู้เป็นรุ่นน้องพร้อมโค้งให้เล็กน้อย
"อะไรดื่มหน่อยไหม?"
ก่อนที่จะเอ่ยชวนเธอไปที่หาอะไรดื่ม
เบสเตียห์สบตากับอแบร็กซ่าก่อนจะโค้งตอบอย่างนอบน้อมในฐานะองค์หญิงรุ่นน้อง
"สายัณห์สวัสดิ์ค่ะองค์ชายอแบร็กซ่า งานวันนี้ครึกครื้นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ จนเราก็แอบประหม่าอยู่เหมือนกัน“
เธอตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ เมื่อได้ยินคำชวนดื่มจากอแบร็กซ่า เบสเตียห์ก็ไม่ได้ปฎิเสธคำชวน
"นับเป็นเกียรติอย่างสูงหากได้ดื่มกับท่านสักแก้ว..ไม่ได้พบเจอกันนาน เราหวังว่าท่านคงสบายดี“
ผู้เป็นรุ่นพี่หยิบม็อกเทลจากบาร์เครื่องดื่มมามอบให้รุ่นน้องก่อนจะหยิบของตัวเองต่อ เขาค่อยๆ จิบน้ำในแก้วของตน
"คืนนี้คนเยอะเหลือเกิน ความจริงแล้วฉันไม่ถนัดงานเลี้ยงที่คนเยอะแบบนี้เอาซะเลยล่ะ"
"แต่ท่านหญิงเก็บเป็นความลับเอาไว้นะ"
ชายหนุ่มยกนิ้วชี้ขึ้นมาจุ๊ปากตนเองให้อีกฝ่ายเก็บความลับของเขา
“เราสบายดี ขอบคุณท่านมาก”
เมื่อได้ยินคำสารภาพ กับท่าทีจุ๊ปากแบบกึ่งเล่นกึ่งจริงของเขา หญิงสาวก็ยกแก้วขึ้นจิบเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ
"เราจะรักษาความลับของท่านอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่เราไม่คิดว่าท่านจะไม่ถนัดงานแบบนี้ ท่านก็ดูปรับตัวได้ดีทีเดียว คงน่าจะเป็นเราที่ไม่ถนัดมากกว่า“
เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจิบเครื่องดื่มของตนอีกสองสามจิบ
"ตรงสวนด้านนอกคนจะไม่เยอะเท่าในนี้ ฉันแอบอยากพักหายใจซักหน่อยแล้วล่ะ ท่านหญิงอยากออกไปกับฉันมั้ย?"
อแบร็กซาส่งสายตาไปทางสวนนอกห้องจัดเลี้ยงที่ยังมีรุ่นน้องและเหล่าพัฟบอลเล่นกันอยู่
“ถ้าองค์ชายต้องการสหายเดินเล่น เราก็ยินดี” เธอพยักหน้ารับ แม้จะไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับงานเลี้ยงแต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบความพลุกพล่านเป็นพิเศษ ได้ออกไปสูดอากาศด้านนอกคงไม่ใช่เรื่องเสียหาย
พากันเดินไปทางประตูที่เปิดออกสู่สวนก่อนจะชวนคุย
"อาณาจักรของท่านตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง"
เมื่อเห็นเบสเตียห์ก้าวเข้ามา เฮทตี้ก็ขยับเข้าหา ก็ที่จริงเธอรอเพื่อนสาวตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก
“เบสตี้” เธอเอ่ยเรียก ด้วยน้ำเสียงร่าเริงกว่าปกติ ขณะสายตาจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความอบอุ่น
“วันนี้งดงามเช่นเคย เครื่องประดับเข้ากับเบสตี้ที่สุด”
เธอคลี่ยิ้มบาง ก่อนยกชายกระโปรงถอนสายบัวให้ด้วยท่วงท่าสง่างาม
“คืนนี้ ให้เกียรติเดินไปด้วยกันได้หรือไม่”
"ขอบใจนะ แต่ยังไงคืนนี้เราก็สวยเท่าโซย่าไม่ได้หรอก"
ก็ดูสิ เพื่อนสาวของเธอคืนนี้สวยมาก ชุดเดรสที่ใส่ก็สีสดใสดูขับผิว ไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมอีก
"ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง" เบสเตียห์ยิ้มกว้าง ถอนสายบัว ก่อนจะขยับไปข้างๆ พร้อมทั้งยื่นมือให้เฮทตี้อย่างอ่อนโยน
“นี่ทานอะไรบ้างหรือยัง เราคงไม่ได้มาสายไปหรอกนะ?”
เมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาให้ เธอใช้จังหวะนั้นตั้งสติ ก่อนจะยกกระโปรงขึ้นเล็กน้อย วางมือลงบนมือของเบสเตียห์อย่างนุ่มนวล
“เราทานไปแล้ว…” เธอเหลือบมองโต๊ะอาหาร ก่อนจะแก้คำพูดของตัวเอง “แต่ก็ทานได้อีก”
ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้มบาง ขณะที่เงยหน้าสบตาเพื่อนสาว
“ไปหาอะไรทานเพิ่มกันไหม?”
"อันที่จริงถ้าโซย่าอิ่มแล้ว ก็ไม่ต้องทานเพิ่มก็ได้นะ”
เธอไม่อยากให้เฮทตี้ฝืนตัวเองเพียงเพราะเกรงใจ
"ก่อนหน้านี้เราก็ทานของว่างช่วงบ่ายมา ถึงตอนนี้ก็ยังอิ่มอยู่เลย"
"เรามาเต้นรำกันแทนดีมั้ย?"
“อิ่ม? นั่นไม่ใช่คำที่อยู่ในพจนานุกรมของเรา”
เธอยกยิ้มน้อย ๆ ดวงตาทอแววขบขันก่อนจะกระชับมือของเบสเตียห์ไว้แน่นขึ้น
“เอาสิ ปีนี้เบสตี้อยากเต้นกี่เพลงล่ะ?”
เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะเอียงศีรษะถามต่อ
“ว่าแต่… ปิดเทอมที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?”
"รู้หรอกน่าว่าท่านไม่มีวันอิ่ม" เธอเอ่ยเสียงเรียบแต่ในสายตามีแววหยอกเย้า
"แต่ถ้ากินมากไป ระวังจุกท้องจนเต้นกับเราไม่ได้หลายเพลงนะ"
ส่วนจะเต้นกี่เพลงงั้นเหรอ? เบสเตียห์ทอดมองฟลอร์เต้นรำที่มีผู้คนกำลังหมุนวนไปตามจังหวะดนตรี
ทำท่าคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยกยิ้มบาง+