วันนี้ตอนจะก้าวขึ้นรถไฟใต้ดิน มีกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานฃวิ่งแทรกมาเข้าขบวนแบบเราเซเลย ตอนแรกก็โมโห ก็อมก้อนโมโหไว้ ยืนวิจารณ์เขาในใจ ทั้งยืนเล่นมือถือขวางประตูเอยอะไรเอย
ซักพักเขารับโทรศัพท์น่าจะคุยกับคนที่บ้าน บอกว่าได้ขึ้นรถแล้วน่าจะถึงอีกซักชม.นึง เดี๋ยวลงรถไฟตรงสุดสายแล้วต่อรถไปอีก
ได้ยินแบบนั้นก้อนโมโหก็สลายเลย
ถ้าต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะถึงบ้าน ใครจะไม่อยากรีบขึ้นรถ+
ซักพักเขารับโทรศัพท์น่าจะคุยกับคนที่บ้าน บอกว่าได้ขึ้นรถแล้วน่าจะถึงอีกซักชม.นึง เดี๋ยวลงรถไฟตรงสุดสายแล้วต่อรถไปอีก
ได้ยินแบบนั้นก้อนโมโหก็สลายเลย
ถ้าต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะถึงบ้าน ใครจะไม่อยากรีบขึ้นรถ+
Comments
พอวางเรื่องนั้นได้ ก็รู้สึกอยากเล่นมือถือละ นี่ก็คิดขึ้นมาว่า เออ ไม่เล่น เราจะยืนทบทวนภาวนาของเราไปก่อน
ก็เป็นสิบกว่านาทีที่ไม่ได้สบายเลย รถแน่น ยืนโคลงเคลงไม่รู้จะเอาตาไปมองอะไรตรงไหน ต้องอยู่กับความคิดตัวเอง จิตใจตัวเอง
พอคิดแบบนั้นได้ +
ช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์ก่อนได้ตั้งใจว่าจะฝึกฝนเรื่องความเมตตา แล้วก็ได้บททดสอบเข้ามารัวๆ แต่ละเรื่องอิหยังวะจนมีคนให้บทสวดบูชาคุรุมาบทนึง เสิร์ชคร่าวๆคือคุรุแห่งความโกรธและความเมตตา
ความโกรธมันฆ่าได้ด้วยความเมตตาจริงๆ
ถึงหลังจากนี้เราก็อาจจะโกรธอะไรขึ้นมาอีก แต่ตอนนี้มีทำทางไว้ จะไม่กลับไปโกรธแล้วปล่อยให้ความโกรธมันนำพาไปไหนต่อไหนง่ายๆละ
เป็นก้าวที่ดี เป็นความสำเร็จที่ดี บันทึกไว้หน่อย ✨