#KMI_เปิดโรล
[ย้อนเวลา|ช่วงเช้าบริเวณข้างโรงยิม]
หลังจากที่เอาจักรยานไปจอดได้ไม่ทันไรก็ถูกอันธพาลแถวนั้นมาพบเข้าหาเรื่องเอา ดูเหมือนจะโชคไม่ดีเอาเสียเลยในวันนี้....
เด็กหนุ่มที่แม้จะตัวใหญ่กว่าอันธพาลกลุ่มนั้นอยู่มากแต่กลับไร้ท่าทีขัดขืน ดวงตาสีอเมทิสต์ลอดผ่านกลุ่มคนพวกนั้นสบเข้ากับดวงตาของ[คุณ]พอดิบพอดีราวกับจะขอความช่วยเหลือ จะช่วยเขามั้ย?
[ย้อนเวลา|ช่วงเช้าบริเวณข้างโรงยิม]
หลังจากที่เอาจักรยานไปจอดได้ไม่ทันไรก็ถูกอันธพาลแถวนั้นมาพบเข้าหาเรื่องเอา ดูเหมือนจะโชคไม่ดีเอาเสียเลยในวันนี้....
เด็กหนุ่มที่แม้จะตัวใหญ่กว่าอันธพาลกลุ่มนั้นอยู่มากแต่กลับไร้ท่าทีขัดขืน ดวงตาสีอเมทิสต์ลอดผ่านกลุ่มคนพวกนั้นสบเข้ากับดวงตาของ[คุณ]พอดิบพอดีราวกับจะขอความช่วยเหลือ จะช่วยเขามั้ย?
Comments
เขาก็ไม่อยากจะยื่นมือเข้าไปยุ่งนักหรอก
ก็แบบว่า ปัญหาของใครมาจากกรรมของผู้นั้น มันเกี่ยวกับเขาที่ไหน
แต่เมื่ออีกคนสบตา ก็พอจะรู้ว่าปล่อยไว้ไม่ได้จริงๆ
แหงล่ะ เขาไม่ได้อยากเป็นผู้ร้ายในสายตาใครเสียหน่อย
เซนโซพับหน้าหนังสือปกแข็งด้วยมือเดียว สองเท้าหยุดตรงหน้า ใบหน้าคล้ายแย้มยิ้มตลอดนั้นช่างดูแสนน่าหงุดหงิดในสถานการณ์เช่นนี้
“โอยะ“
”นี่ไม่ไปเตรียมตัวโฮมรูมกันหรือครับ”
จะโดนอะไรมั้ยนะ ขอให้คนมาช่วยแบบนี้....
"แล้วแกยุ่งอะไรล่ะ?"
"ไอ้ตูบ แกเรียกมันมาหรอ?"
หัวหน้าอันธพาลเอ่ยกับยูอิโตะด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้าง หนุ่มผมดำส่ายหัวพั่บๆเพราะไม่อยากให้อีกคนต้องมารับกรรมแทนเขา
พอมองดีๆ อีกฝ่ายเป็นรุ่นน้องในชมรมเขานี่นา ?
ยิ่งต้องรักษาภาพลักษณ์ไม่ใช่หรือไง
“เผอิญว่าเห็นคนเดือดร้อนอยู่ เลยไม่อยากจะปล่อยไปน่ะครับ“
สีหน้าของเซนโซคล้ายยิ้มตลอดเวลา ทั้งส่วนสูงที่แม้จะดูไม่ต่างจากอีกคนมาก แต่กลับให้ความรู้สึกไม่น่าไว้วางใจอย่างน่าประหลาด
เหมือนกับ ผี?
”หากไม่รักเพื่อนมนุษย์ตามหลักคำสอนในพระคำภีร์“
+
”พระเจ้าจะลงโทษเอานะ“
ก่อนฟาดมันลงไปที่ท้ายทอยของอันธพาลที่เดินมาสลบในทีเดียว
หนังสือคำสอนปกแข็งฉบับALL IN ONEแบบนั้น เพียงเคาะเบาๆไม่ใช้แรงมากก็สามารถทำให้คนหลับได้ง่ายๆ!?
“ใครจะต่อครับ ?”
มือขาวดูผอมแห้ง ทว่าสามารถยกหนังสือหนักๆเช่นนั้นได้ ไม่แปลกใจเลยยหากจะบอกว่าเขาเติบโตพร้อมกับมัน
บอกไปแล้ว ว่าพระเจ้าจะลงโทษเอา
"น่าขนลุกชะมัดเลยไอ้หมอนี่..."
เหล่าอันธพาลเริ่มล่าถอยไปเพราะคนที่อยู่ตรงหน้านั้นเกินจะรับมือ ยูอิโตะก็ได้แต่มองตามตาปริบๆด้วยความสับสน คนๆนี้เพิ่งจะช่วยเขาเอาไว้
"ขอบคุณนะครับ..."
ไม่ได้ตอบรับคำขอโทษ เพียงหยุดตรงหน้าอีกคน เอื้อนเอ่ยออกไปถึงบุคคลที่เดินจากออกไปแล้ว
เขายื่นมือออกไปพยุงร่างของยูอิโตะให้ลุกขึ้นยืนดีๆ สบตาคู่สนทนา ดวงตาคู่นั้นไร้แวว หม่นมืดไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา
“ลุกไหวหรือเปล่าครับ”
“ท่าทางแบบนั้น.. เพิ่งเปิดเทอมแท้ๆ ท่าทางว่าจะโดนรังแกจนชินไปแล้วสินะครับ”
พูดแทงใจดำทั้งใบหน้าแย้มยิ้มได้ยังไง!?
" อรุณสวัสดิ์นะครับ สุภาพบุรุษทั้งหลาย "
โดยไม่ให้สุ่มให้เสียง ก็มีเด็กหนุ่มหน้ายิ้มตาหยีคนหนึ่งเดินเข้ามากลางวงสนทนา โดยที่เขาก็จับไหล่คนๆนึงในกลุ่มอันธพาลอยู่
" แบบว่านะ มาสุ่มหัวทำอะไรกันอยู่หรอ? ผมร่วมด้วยได้ไหม? "
เขาเอียงคอถามด้วยความสงสัยแต่กลับใช้น้ำเสียงขี้เล่นซะนี่
หัวหน้าอันธพาลเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเพราะท่าทางของอีกคนแลดูจะไม่ใช่พวกเสเพลแบบที่พวกเขาเป็นเลย
ยูอิโตะเหลือบสายตามองอีกคนช้าๆ มีคนมาช่วยจริงๆหรอ?...
ก่อนจะหันไปหาเด็กหนุ่มผู้มีตาสีม่วงตรงนั้น เขาเอานิ้วจรดริมฝีปากเพื่อบอกเป็นเชิงว่าให้อีกคนเงียบไว้ และหันไปเอียงคอใส่พวกอันธพาล
" ก็แค่ผ่านทางมาเห็นพวกหมาที่ดีแต่เห่าหอนกับชอบรุมคนอื่นก็เท่านั้นเอง "
" ในชีวิตนี้ คงมีแต่พวกเธอนี่แหละที่ฉันไม่อยากบอกชื่อน่ะ "
เขาพูดไปโดยที่ใบหน้าก็ยังเปื้อนยิ้มอยู่
" อย่างว่าแหละ พวกที่มีดีแต่กล้ามเนื้อก็ไร้สมองทั้งนั้น "
สองมือล้วงกระเป๋าเดินเข้าไปหาอีกคนด้วยท่าทียียวน น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงความโมโหอยู่ลึกๆแต่ต้องเก็บไว้
ยูอิโตะมองไปที่คนตรงหน้าอย่างไม่ละสายตาพลางรู้สึกผิดเล็กๆที่ขอร้องให้อีกคนมาช่วยเพราะกลัวจะทำให้เขาโดนลูกหลง
" คุณชายหรอ? ฉันก็แค่คนธรรมดาคนนึงที่คิดว่าภาพนี้มัน ' ดูน่าสนุก ' เท่านั้นเอง "
" อย่าไปทำเขาเลยครับ ถ้าอยากล่ะก็ ลองมาต่อยฉันสิ ยังไงตรงนี้ก็ไม่มีใครใช่ไหมล่ะ? ขอเลยได้ไหม แบบ ตรง นี้ เน้น เน้น เลย น่ะ "
พูดเน้นทีละคำ พร้อมกับชี้มาที่แก้มของตัวเอง
" แสดงให้เห็นสิครับ หรือว่าพวกแกมันมีดีแต่ปาก แต่ไม่กล้าทำจริงน่ะ "
เสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบแกร๊บทำเอาใจอยู่ไม่สุข แต่คนที่ใจอยู่ไม่สุขที่สุดน่าจะเป็นยูอิโตะ ซวยแล้ว...จะต่อยกันจริงหรอ...
แต่ก่อนที่หมัดข้างนั้นจะถึงอีกคนยูอิโตะก็รีบเข้าไปขวางตรงหน้าทำให้คนที่โดนคือเขาแทน หนุ่มตัวสูงล้มลงอีกครั้ง
"อย่าทำอะไรเขาเลยนะครับ! ถ้าจะทำให้มาลงที่ผมดีกว่า!"
เป็นดวงจันทร์ดับแสงที่จดจ้องตอบ, เผอิญ? จะว่าอย่างนั้นก็คงใช่
จิ้งจอกข้างหน้าคุณผิวปากหนึ่งจังหวะ, และเพียงพริบตาเดียว หล่อนก็หยุดฝีเท้าคนข้างหลังผู้คนที่ตัวสูงกว่าเสียแล้ว
“เอ…?”
“สวัสดีค่ะ?”
เป็นคำพูดที่ดูอย่างไรก็รู้ว่าผิดสถานการณ์สิ้นดี
กระนั้นหล่อนก็ยังคงยิ้มร่า, ทายทักกลุ่มประชาในบริเวณนี้; รวมถึงคุณที่อยู่ร่วมห้อง
ราวกับว่าไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไร?
"ทามาโมะซัง?..."
อันธพาลกลุ่มนั้นดูไม่ค่อยสบอารมณ์เสียเท่าไหร่กับการถูกขัดจังหวะในครั้งนี้พร้อมกับหันไปเผชิญหน้ากับเธอ
แม้ไม่มีคำพูดออกจากปากคนพวกนั้นแต่ก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังไม่พอใจอยู่
"มันอันตรายนะครับ..."
ยูอิโตะเอ่ยก่อนจะโดนหัวหน้าอันธพาลตวาดใส่ให้เงียบ
ด้วยเรียวนิ้วแปะริมฝีปาก คลี่รอยยิ้มบางอย่างที่มักประดับ—ทว่าหนนี้คล้ายกับจะไปไม่ถึงดวงตา
ความไม่พึงใจ หล่อนเองก็รับรู้ได้ผ่านบรรยากาศทั้งปวง
กระนั้นแล้ว,
จากที่อยู่บนรอยลิปสติก ผิวมือก็เคลื่อนไปวางบนท่อนแขนของผู้ที่ดูจะเป็นหัวโจกของกลุ่มอันธพาล ด้วยส่วนสูงที่ต่างกัน อย่างไรก็คงต้องก้มลงมา
เพื่อสบกับดวงตาของหล่อน
ที่หรี่ลงอย่างพิจพิจาร
+
หลีกเลี่ยงการเอ่ยชื่อขานโดยตรง
”หากพวกเราจะขอตัว? คุณชายทั้งหลายจะว่าอะไรไหมเอ่ย?“
สิ่งที่รู้สึกได้คงมีเพียงน้ำเสียง, สายตา, กิริยาผ่านผิวผ้า
เจ้าอันธพาลยิ้มพลางยักไหญ่ด้วยท่าทียียวน
"เกรงว่าจะไม่ได้นะคุณผู้หญิง"
"พวกเรายังเคลียร์ธุระกับไอ้ตูบนี่ไม่เสร็จ เราไม่อยากทำร้ายผู้หญิงนะเพราะงั้นถอยออกไปเงียบๆจะดีกว่า"
‘ตุ้บ!’ เสียงวัตถุบางอย่างตกเข้ามากลางดง หยุดอยู่ตรงขาผู้โชคร้ายพอดิบพอดี
—พวงกุญแจดินน้ำมันรูปแมวหน้าตาประหลาด มีปุ่มอยู่ด้านหลังด้วย!
“ เอ่อ..ขอโทษนะครับ ” เสียงนุ่มแหบ ฟังดูสุขุมเข้ามาขัดจังหวะ
เจ้าของเสียงนั้นคือ เด็กหนุ่มผมบ๊อบหน้าตาน่ารักราวกับเด็กผู้หญิง
—น่าดึงดูดจนพวกอันตพาลไปมองเขาเป็นตาเดียว!
"เห้ ใครโยนมาวะ"
"หาเรื่องกันหรอไอ้เปี๊ยก"
หัวหน้าอันธพาลหันไปมองตามเสียงของคนที่เดินเข้ามาช้าๆด้วยใบหน้าและท่าทางไม่สบอารมณ์
ยูอิโตะเหลือบสายตามองอีกฝ่ายด้วยท่าทีสั่ยกลัว คนๆนี้ดูน่ากลัวจัง...
แม้ว่าจะยิ้มแย้ม แต่ในใจชักไม่สบอารมณ์ซะแล้ว
คุณแม่บอกว่า ถ้าเจอคนเลวตรงหน้า ต้องไล่ออกไป..
“ จะส่งมาดีๆ หรือ… ”
เสียงทุ้มขึงขังขึ้น พร้อมยื่นมือข้างถนัด ถึงจะตัวเล็ก แต่เขานี่แหละ..
ผู้ใช้ศาสตร์ไอคิโดและยูโด!
—ถ้าแตะเนื้อต้องตัวละก็..โดนทุ่มแน่!
หัวหน้าอันธพาลคนนั้นเดินไปหาคนที่ตัวเล็กกว่าก่อนจะกระชากคอเสื้อชุดนักเรียนของอีกฝ่าย
แย่แล้ว...
ตัวของผู้เคราะห์ร้ายแม้ว่าจะยังมีอันธพาลอีกสองสามคนยืนล้อมอยู่แต่ก็ทำท่าจะลุกขึ้นมาปกป้อง
ทันใดนั้น เขาคว้าแขนศัตรูแล้วหมุนตัวยกทุ่มลงตามแรงโน้มถ่วง ด้วยน้ำหนักและขนาดตัว ทำเอาพื้นลั่นดัง ‘ตึง!’
—ไม่ถึงตายหรอก..แค่ได้งีบต่อเอง
“ จะส่ง‘นิบังคุง‘ดีๆหรือ… ”
สองแขนยกตั้งการ์ดเตรียมรับ ดวงตาเขียวมะนาวเริ่มเรืองแสง..เหมือนสัตว์ป่ายามค่ำคืน
—อย่ามาดูถูกไอคิโดสายดำนะ!
ต่างคนต่างเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนรับมือกับเด็กหนุ่มตรงกน้าแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครกล้าหืออือเลย
"หนอย...ฝากไว้ก่อนเถอะ"
หนึ่งในนั้นเอ่ยก่อนจะแบกเพื่อนที่สลบอยู่ออกจากบริเวณนั้นไปอย่างตื่นกลัว
ยูอิโตะมองตามคนพวกนั้นที่เดินห่างออกไปก่อนจะหัรไปมองเด็กหนุ่มตรงหน้า
"ขอบคุณนะครับ..."
ทันทีที่ได้สบตา เขาก็กุมหัวและส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนเด็กหนุ่มจะมาพร้อมกับกระเป๋านักเรียน เดินแหวกฝ่ากลุ่มอันธพาลมา
" เฮ้ย ขอทาง.. "
เขานั่งลงยองๆตรงหน้าคุณและกล่าวถามชายขี้กลัวตัวโตตรงหน้า
" นายไม่รู้วิธีจัดการกับไอเจ้าพวกนี้เรอะ? "
มือกำสายกระเป๋าไว้แน่น อีกมือชี้ไปที่พวกอันธพาลข้างหลัง
เหมือนจะไม่ได้แยแสพวกมันเลยนะ
ยูอิโตะรู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า แต่พวกอันธพาลกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ยิ่งเหมือนเป็นการยั่วโทสะของพวกเขามากกว่าเดิม
"เห้ยเอ็งน่ะ! อย่าเมินกันนะเว้ย"
"แล้วนั่นมันก็เหยื่อของพวกฉันอย่าเข้ามายุ่งสิวะ"
หัวหน้าของเหล่าอันธพาลตวาดใส่บุคคลที่อยู่ตรงหน้าของยูอิโตะ
ด้วยท่าทีของเขาที่แลดูจะเป็นอันธพาลเช่นกันจึงไม่ได้เกรงกลัว เรย์กิลุกขึ้น มองไปที่คนที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้า
" เหยื่อ? พูดจาอะไรโง่ๆ "
" ที่นี่โรงเรียน แหกตาดูซะบ้าง สมองคิดได้แค่นี้หรอ "
มือกระชากคอเสื้อของคนที่คิดว่าเป็นหัวหน้าและกล่าวเชิงช่มขู่
" รีบพาลูกน้องแกออกไป ก่อนที่เรื่องจะถึงหูอาจารย์.. "
พวกอันธพาลปัดมือของอีกฝ่ายออกอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นอย่างว่าง่าย
ยูอิโตะที่เห็นว่าสถานการณ์สงบลบแล้วจึงเดินเข้าไปพํดกับอีดคน
"ข...ขอบคุณนะครับ..."
จนยูอิโตะเข้ามาพูดด้วยเขาก็มองตั้งแต่เท้ายันหัว ตัวสูงกว่าที่คิดแฮะ
" นายน่ะ ตัวโตซะเปล่าไม่คิดจะสู้กลับเลยรึไง? "
เขากล่าวพลางเอื้อมมือไปปัดๆฝุ่นตามตัวคุณ
" ไม่โดนทำร้ายตรงไหนใช่มั้ย เงินอยู่ครบรึเปล่า? "
ถึงจะดูขี้บ่นหัวร้อนไปหน่อย แต่ท่าทางของเขาก็ดูใจดีกว่าที่คิดนะ
น้ำเสียงของเขาขาดช่วงเป็นระยะบ่งบอกถึงนิสัยลึกๆของตัวยูอิโตะที่ดูกังวลและหงาดระแวงอยู่ตลอด
"ก็พอมีอยู่ครับแต่เหบือน้อยมากๆ...."
"ถ้าวันนี้โดนไถอีกก็คงหมดตัวแล้วครับ"
คนที่บังเอิญผ่านมาแถวนี้พอดีขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนักเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ไอ้เขาก็ไม่ใช่พวกใจไม้ไส้ระกำที่จะเดินผ่านไปเฉยๆด้วย
ยิ่งสายตาที่มองเหมือนขอให้ช่วยนั่นอีก คาราสุทานิจึงเดินเข้าไปจุ้นจ้านในวงนั้นอย่างเสียมิได้
"มาก่อเรื่องกันแต่หัววันแบบนี้ ชีวิตว่างกันมากเลยเหรอพวกนายเนี่ย ?"
"แล้วแกเกี่ยวอะไร?"
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์
"อย่าทำอะไรเขานะครับ เขาไม่เกี่ยว..."
หนุ่มน้อยเอ่ยเสียงสั่น กลัวว่าคนพวกนั้นจะทำร้ายคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้า
แม้พวกนักเลงตรงหน้าจะดูตัวใหญ่กว่าเขา แต่ทางนี้เองก็ดูไม่ได้หวั่นเกรงเลยสักนิด
ทั้งยังปากกล้ายั่วโทสะพวกนั้นอีก
"หรือถ้าอยู่คนเดียวแล้วจะไม่กล้าอัดใครเหรอ หวายยย พวกป๊อดนี่นา"
หัวเราะคิกคักล้อเลียน
หัวหน้าแก๊งดูจะทนไม่ไหวกับท่าทางที่ดูกวนประสาทของอีกคน ยูอิโตะที่เห็นแบบนั้นเห็นทีท่าไม่ดีจึงพยายามลุกขึ้นแบะเดินไปหาหัวหน้าอันธพาลคนนั้น
"ข..ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรเขาเลย..."
"ถ...ถ้าโกรธหรือโมโหอะไรมาลงที่ผมแทนเถอะครับ..."
"คนดีเหมือนกันนี่นานายเนี่ย"
ริฮิโตะเอ่ยชมอีกฝ่าย แล้วเดินเข้าไปใกล้พวกอันธพาลมากขึ้นอีกสองสามก้าว
"แต่ไม่ต้องห่วงหรอก พวกกากๆแบบนี้ต่อยฉันไม่โดนสักหมัดหรอก เชื่อดิ"
ด้วยโทสะหัวหน้าอันธพาลพลักยูอิโตะให้ล้มลงอีกครั้งด้วยอารมณ์โมโห
"แกว่าใครกากวะ?"
เขาโกรธจนเห็นเส้นเลือดบนขมับได้อย่างชัดเจน
ในช่วงเช้าของวันหลังจากที่จางเหว่ยเข้าไปออกกำลังกายช่วงเช้าตามตารางฝึกที่ชมรมว่ายน้ำ ระหว่างทางไปอาคารเรียน โรงยิมเองก็เป็นทางผ่าน ภาพของกลุ่มคนข้างโรงยิมนั้นอยู่ในสายตาของเขาแล้วทว่าก็ไม่ใช่กิจที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่ง จนกระทั้ง..
นัยน์ตาสีหม่นสบเข้ากับดวงตาสีม่วงของเจ้าหนุ่มตัวโต คิ้วเรียวสีเข้มขมวดเข้าหากันอย่างนึกหงุดหงิดในใจ +
ขวางหูขวางตาชะมัด
ทำแบบนี้ขยะพวกนั้นก็มีแต่จะได้ใจไม่ใช่รึไง และเขายิ่งนึกรำคาญเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นขยะลำพองใจอยู่แบบนั้น
"ดูเก่งดีนะ พวกนายน่ะ.. "
ถ้อยคำค่อนแคะถูกเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะที่ตัวเขายืนอยู่หลังกลุ่มของคนพวกนั้น สายตาที่มองนั้นเต็มไปด้วยความดูแคลนของพวกที่ยกหมู่มากเข้าว่า เหมือนอะไรนะ อ้อ หมา เหมือนไม่มีผิด
ยูอิโตะเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย รุ่นพี่จาง... เขาเอ่ยในใจ ไม่คิดเลยว่าเขาจะเข้ามาช่วย
หนึ่งในอันธพาลหันไปมองตามเสียงของชายหนุ่มด้วยสีหน้า แววตา และน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก ราวกับถูกขัดจังหวะเวลาเล่นสนุก
"หมอนี่ใครกัน ใครเชิญแกมา"
สองมือล้วงกระเป๋าก่อนจะเดินเข้าไปหาคนตัวสูง
" ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว ไปซะ "
ดวงตาคมหรี่ลงอย่างเอาเรื่องแม้ว่าการมาของเขาจะดูคล้ายพระเอกขี่ม้าขาวแต่หากว่ากันตามตรงชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้ดีนักแม้จะเป็นนักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามา และเขาก็ไม่เคยเกี่ยงหากจะต้องมีเรื่อง
น่าจะเป็นคำที่อธิบายถึงผู้เคราะห์ร้ายได้ดีที่สุดแล้วเพราะสภาพไม่ต่างจากหมาจรจัดขนาดนั้น
ในส่วนของเด็กหนุ่มตัวสูง เขาทำได้แค่อยู่เงียบๆเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมาเจ็บตัวเพราะการกระทำบุ่มบ่ามของตนเองเท่าไหร่
"โรงเรียนมีไว้เรียนถ้าจะมาเพื่อรังแกคนอื่นผมแนะนำให้ลาออกนะครับ มันเปลืองโควต้า"
เสียงของเขาเรียบนิ่งก่อนจะพูดต่อ
"ผมส่งข้อความบอกอาจารย์ไปแล้ว แนะนำให้ยอมถอยดีกว่านะครับ"
ดวงตาสีอเมทิสต์เหลือบมองบุคคลที่ยื่นมือเข้ามาช่วยพลางเอ่ยเสียงเบา
"ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมไว้..."
โฮตารุถามพลางเปิดกระเป๋าใบที่สองแล้วหยิบกระดาษเช็ดหน้ามาสองสามผ่านส่งให้เพื่อจะต้องเช็ดหน้าเช็ดตาเสียหน่อย
"ไหวครับ..."
"ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงดีที่ช่วนผมเอาไว้..."
โฮตารุบอกมันเป็นนิสัยของเขาหากทำอะไรจะต้องมีการตอบแทนไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใดก็ต้องมีและเขามักจะเรียกอย่างต่ำสุดเป็นส่วนใหญ่กรณีเขายินดีจะทำอยู่แล้วน่ะนะ
"ขอโทษนะครับคือผม...ถูกไถเงินไปจนหมดแล้วก็เลยไม่เหลืออะไรเลยครับ..."
"ฉันเกรงว่ามีธุระกับเขา ,ขอรบกวนคุยกับเขาเพียงสองคนได้ไหมคะ" น้ำเสียงอ่อนหวานแต่ไม่เยาะแยะ
เอียงคอรอคำตอบจากเหล่าอันธพาลแล้วเผยยิ้มออกมาจนตาหยี
หัวหน้าอันธพาลส่งเสียงไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเลยยังไม่คิดจะทำอะไร
"ไม่ยักจะรู้ว่าหมอนี่มีเพื่อนด้วย
มีอะไรกับเจ้าตูบนี่รึไง"
เขาเอ่ยถามหญิงสาวโดยมียูอิโตะทำหน้าหวาดระแวงอยู่ด้านหลัง
"แหม่— จะให้ฉันบอกพวกคุณได้ยังไงกันล่ะคะ?" นิ้วยกขึ้นระนาบที่ริมฝีปากสีฉาด
"เพราะแบบนั้น"
"รบกวน 'ถอย' ออกไปได้รึเปล่าคะ" น่าขนลุก, ไม่น่าพิศมัย
"ลูกพี่ ผมว่าเราไปกันเถอะ"
เหล่าอันธพาลดูจะรู้สึกได้ถึงบางอย่าง บรรยากาศน่าขนลุกปกคลุมรอบบริเวณทำเอาแก๊งนักเลงสุดเห้วยังต้องกลัวหางจุกตูด ราวกับรู้ว่าบุคคลนี้ไม่สมควรเสวนาด้วย
ยูอิโตะดูอึ้งๆเล็กน้อยกับปฏิกิริยานั้น หลังจากที่อันธพาลถอยร่นไปเขาก็เข้าไปพูดกับอีกคน
"ข...ขอบคุณครับ"
มือเรียวที่ถูกทับด้วยถุงมือสีดำยื่นไปด้านหน้าเขา
"เอ้า"
"นี่ค่ะ— เหนื่อยหน่อยนะคะ" นางคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร
เพราะบรรยากาศเมื่อครู่นั้นส่งผลต่อตัวยูอิโตะด้วย เขายื่นมือออกไปจับมืออักฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ รู้สึกหนาวขึ้นมายังไงไม่รู้
"ขอบคุณที่ช่วยไว้นะครับ...ผมไม่รู้จะตอบแทนยังไงดี"
ฮารุโตะหันมาสบเข้ากับสายตาของอีกคนพอดิบพอดี ในคราวแรกเขายังไม่เห็นช่วงที่อีกคนโดนหาเรื่อง แต่เมื่อสบตากับอีกคนรอยยิ้มแรกในตอนเช้าก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่บึ้งตึงแทน
" ไอ้พวกหัวขวด "
" หลีกทางหน่อยสิวะ เดี๋ยวก็กัดซะเลย "
ฮารุโตะพูดพร้อมกับทำท่าทางดูจะข่มอีกฝั่งไม่น้อย เขาเดินดุ่มๆเข้าไปหาอีกคนก่อนที่สีหน้าทะมึนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
" มาช่วยแล้ว :D "
เหล่าอันธพาลดูจะตกใจกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มอีกคน
ยูอิโตะเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นบุคคลที่เขาคุ้นเคยดี เพื่อนร่วมชั้นของเขาเอง
"คุณฮารุโตะ..."
เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับไม่อยากให้พวกอันธพาลรู้ว่าทั้งสองรู้จักกัน
" ว่าไงยังไงครับคุณยูอิโตะ "
" นั่งอยู่บนพื้นแบบนี้สกปรกนะ "
ฮารุโตะพูดพร้อมกับยื่นมือไปหาอีกคนเขายกยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวคมของตัวเอง เขาดึงมือของอีกคนให้ขึ้นมายืนข้างๆกัน
" เปรอะไปหมดแล้วครับ "
โชโกะมาโรงเรียนเช้าอย่างทุกวันแต่ในขณะที่กำลังเดินหาสถานที่เพื่ออ่านหนังสืออยู่นั้นก็พบเข้าเหตุการ์ณที่ไม่น่าพิสมัยลูกตานัก
เขาเผลอสบเข้ากับดวงตาของอีกฝ่ายนั่นจะทำให้หลบเลี่ยงคงไม่ดี เขาจิ้ปาก ทั้งที่วันนี้เขากะจะไม่หาเรื่องใครก่อนแล้วเชียว
“ พวกแก อย่ายุ่งกับเขา ”
ขนาดตัวของโชโกะเล็กว่าพวกนั้นอยู่มากแต่ดูท่าขนาดตัวจะไม่กระทบกับประสบการ์ณที่เคยต่อยคนมา
"แล้วแกเกี่ยวอะไรด้วย? จะมาแย่งเหยื่อกันรึไง?"
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นมาทำให้ตัวยูอิโตะเกิดความหวาดระแวงไม่น้อยกลัวว่าจะเกิดการชกต่อยกันเกอดขึ้นเพราะดูจะเอาเรื่องทั้งคู่...
ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากจะชกต่อยเพราะไม่อยากให้เรื่องใหญ่โตแล้วก็ไม่อยากให้คุณมาโดนลูกหลง
“ ถ้าเข้าห้องปกครองอยากรู้เหมือนกันว่าพวกแกหรือฉันใครจะโดนไล่ออก ”
ถ้าพูดตามตรงเขาเป็นถึงนักเรียนเรียนดีและมีเรื่องชกต่อยไม่บ่อยนักอย่างมากคงโดนตักเตือน แต่พวกตรงหน้าไม่รู้จะต้องโดนอะไรบ้าง
แม้ว่าจะมีอารมณ์โทสะอยู่แต่ว่าหากจะต้องโดนลากเข้าห้องปกครองและถูกเชิญผู้ปกครองมาที่โรงเรียนคงจะเป็นเรื่องที่หน้าขายหน้าพอสมควร
พวกเขารามือออกจากทั้งสองคนและเดินออกไปด้วยท่าทีหงุดหงิด
ยูอิโตะเห็นว่าทุกอย่างสงบลงแล้วจึงลุกขึ้นยืน
"ขอบคุณนะครับ..."
“ …ไม่เป็นไร ”
โชโกะถึงหน้าตาเหมือนนักเลงแต่จากสายตาแล้วดูท่าจะเป็นห่วงจริงๆ
เขามองสำรวจอีกฝ่ายแบบเร็วๆ เมื่อเห็นท่าดูจะไม่เจ็บมากเลยคลายกังวลไปหน่อยนึง
“ ถ้าเจ็บก็ไปห้องพยาบาลซะ ”
เขาพูดพลางเอาขนมยัดใส่ในมืออีกฝ่ายเป็นของปลอบขวัญผวาเมื่อครู่
"ไม่เป็นอะไรใช้มั้ย...เอ่อ...คุณ"
เขาเว้นวรรคไปนิดนึง
"มีอะไรที่ผมพอจะตอบแทนคุณได้บ้าง..."