thkreiji.bsky.social
終焉 黎司 • ชูเอ็น เรย์จิ | Y1-A | ชมรมวิจัยสิ่งลี้ลับ | #THK_Commu
Doc : https://bit.ly/4kVpf4i
209 posts
1,074 followers
1,194 following
Regular Contributor
Active Commenter
comment in response to
post
#THK_กีฬาสี #THK_GREEN
[OOOO | สีเขียว]
"แค่ชนะให้ได้ก็พอใช่มั้ยล่ะ"
มือคู่นั้นเอื้อมไปคว้าเชือกตรงหน้าเอาไว้
กระชับตำแหน่งของตัวเองให้เข้าที่
สายตาจับจ้องไปยังเบื้องหน้า
"มาเล่นให้เต็มที่กันเถอะ"
(มาลงเก็บไว้ครับ ◠ ◠)
comment in response to
post
(😉)
comment in response to
post
with @??? , @thk-sajuna.bsky.social , @thk-kagei-yuu.bsky.social , @thk-seita.bsky.social , @thk-miya.bsky.social
comment in response to
post
เรย์จิเบือนหน้าหนีเล็กน้อยเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงระเรื่อ ก่อนจะกลั้นใจพูดเสียงเบาออกไป
“…เขียนมาแล้วทั้งที ก็ต้องผูกสิครับ…ซาจูนะ…จัง”
comment in response to
post
กระดาษคำอธิษฐานที่เขียนด้วยลายมือน่าอ่าน
…วันนี้อีกฝ่ายทำเขา ‘หน้าแดง’ ไปกี่ครั้งแล้วนะ?
เขายืนอยู่ตรงนั้น พลางพยายามคงสีหน้าปกติ หัวใจยังคงเต้นแรง ไม่รู้ว่าที่เต้นไม่เป็นระส่ำนั่น…เป็นเพราะอีกฝ่ายแนบชิดมากกว่าปกติหรือเพราะคำอธิฐานบนกระดาษใบนั้นกันแน่
…หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่างเลยก็ได้
comment in response to
post
เรย์จิรีบหันกลับไป เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เตรียมจะรับอีกฝ่ายไว้หากเสียหลักล้มลง
แต่ซาจูนะกลับตั้งตัวได้ก่อนโดยใช้แขนโอบเขาไว้ จังหวะนั้นเองที่หัวใจของเรย์จิเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?!”
ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมากลับไม่ใช่คำตอบของคำถาม แต่เป็นประโยคที่ทำให้เขานิ่งไปทันที พร้อมกับสายตาที่เผลอเหลือบไปเห็นทังซาคุในมือที่อีกฝ่ายโชว์ให้ดู
+
comment in response to
post
“ผมจะโกหกทำไมล่ะครับ”
เรย์จิตอบกลับแทบจะทันที เมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีไม่ยอมเชื่อคำชมที่เขาตั้งใจพูดออกไป สีหน้าแม้จะดูปกติ แต่ปลายหูก็ยังคงขึ้นสีแดงจางๆ
ระหว่างที่เดินต่อไปในฝูงชน เสียงผู้คนรอบข้างคล้ายจะเบาลง กลายเป็นเพียงแค่เสียงพื้นหลัง รู้สึกเหมือนรอบข้างมีแค่เราสอง ทว่าไม่นานนัก เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสะดุดจากมืออีกคนที่กุมกันอยู่
+
comment in response to
post
อะแฮ่ม— แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้กลัวหรอกนะ! ก็แค่ตกใจเฉยๆ…
“แกล้งคนมันสนุกมากรึไง…แล้วนายไม่ไปอ่านหนังสือเตรียมสอบบ้างหรอ?”
น้ำเสียงของเขาแม้จะดูติดบ่น แต่กลับฟังดูไม่ได้จริงจังมากนัก
comment in response to
post
ถ้าให้พูดตามตรง เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายก็สมควรโดนอยู่เหมือนกันนั่นแหละ…
เรย์จิกำลังจะเอ่ยถามออกไปว่า เจ็บมากมั้ย แต่ประโยคถัดมาของยูกลับทำให้เรย์จิเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาเบ้หน้าขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
…หมอนี่ชอบขนาดนั้นเลยรึไงเวลาเห็นคนอื่นตกใจกลัวน่ะ?
+
comment in response to
post
สายตาของเขาเลื่อนไปหยุดอยู่ที่ดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่าย ดวงตาที่เมื่อมองดีๆ แล้วทำให้เขานึกย้อนไปถึงดวงตาดำมืดน่าขนลุกที่เคยจ้องเขาผ่านช่องว่างของชั้นหนังสือเมื่อตะกี้
อ๋อ… อย่างนี้นี่เอง เป็นเจ้าหมอนี่สินะที่ยืนอยู่หลังชั้นหนังสือนั่น
แต่เขาก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะขำกร๊ากใส่หน้าเพื่อนที่บังเอิญเจ็บตัวเพราะโดนหนังสือกระแทกสันจมูกแถมยังโดนสาดเกลือใส่อีก…
เอาเข้าจริงมันก็แอบน่าขำอยู่นิดๆ แฮะ
+
comment in response to
post
สัญชาตญาณรีบบอกให้เขาถอยห่างโดยด่วน ก่อนจะโดนอีกฝ่ายแกล้งหรือทำอะไรพิเรนทร์ๆใส่ เรย์จิขยับถอยหลังหนึ่งก้าวทันทีเพื่อรักษาระยะ
แต่ประโยคถัดมาของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาชะงัก
“หา?”
เขาขมวดคิ้วแล้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เขาไปทำอะไรหมอนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน???
+
comment in response to
post
“ก็เพราะนายนั่นแหละ ที่จู่ๆ โผล่มาข้างหลังแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเอง”
เรย์จิบ่นพึมพำในขณะที่ก้มหน้าก้มตาปัดเกลือบนไหล่ของอีกฝ่าย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าออกจะเอือมระอาเศษเกลือที่ยังติดตามเสื้ออยู่ไม่หมดซักที นี่เขาสาดไปเยอะขนาดไหนกัน…
แต่เมื่อเขาปัดจนสะอาดหมดจด เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าคนตรงหน้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม แถมมีรอยยิ้มกริ่มประดับอยู่บนใบหน้า
+
comment in response to
post
“…ไม่เห็นจะแปลกซักนิด…”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
แต่ไม่อาจหลบซ่อนน้ำเสียงที่สั่นไหวของเขาได้
“ซาจูนะจัง…ใส่อะไรก็ดูดีหมดนั่นแหละ รวมถึง…ตอนนี้ก็ด้วย…”
โดยเฉพาะเมื่อเสื้อคลุมของเขาเมื่ออยู่บนตัวอีกฝ่าย ยิ่งทำให้เธอดูดีขึ้นไปอีก…ในสายตาของเขา
พูดจบ เรย์จิก็รีบก้าวเท้าเร็วขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อไปยังจุดหมายได้ไวขึ้น
comment in response to
post
เมื่อเข้าใกล้บริเวณที่ใช้ผูกทังซาคุ กลิ่นกระดาษใหม่และกลิ่นไม้หอมจากเชือกที่แขวนอยู่ทำให้บรรยากาศรอบข้างดูสงบขึ้นเล็กน้อย
แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปถึง เสียงของซาจูนะก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
เรย์จิหยุดเดิน ก่อนหันกลับไปมองอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ดวงตาสีชมพูของเขาวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะเบือนหน้าหนี กลับไปเดินต่อ
+
comment in response to
post
เรย์จิที่เริ่มหมดความอดทนจึงเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายแทนเสียเลย ฝ่ามืออุ่นออกแรงกดเล็กน้อยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหลงไปไหนระหว่างเดินไปด้วยกัน
ทั้งคู่เดินฝ่าฝูงชนที่เริ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยและแสงสีของโคมไฟกระดาษที่ส่องสว่างไปทั่วทางเดิน
เรย์จิจับมืออีกฝ่ายไว้แน่นขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายหลงท่ามกลางผู้คน
+
comment in response to
post
แต่ในขณะที่เรย์จิกำลังคิดเรื่อยเปื่อย ปลายนิ้วเรียวของอีกฝ่ายก็ขยับมาแตะนิ้วมือของเขาเบาๆ สัมผัสนั้นนุ่มนวล แต่ก็พลันทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นมาอีกระลอก
เขาพยายามเก็บสีหน้าให้ดูเป็นปกติที่สุด ทว่าคนตรงหน้ากลับยังไม่ยอมกุมมือเขาเสียที มีแต่แหย่ปลายนิ้วไปมาเหมือนแกล้งกันเล่น
+
comment in response to
post
เมื่อได้ยินคำพูดของซาจูนะที่ดังขึ้นท่ามกลางความคึกคักของงานเทศกาล
แม้สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกใจอยู่ลึกๆ
ไม่เป็นไรหรอก ยังไงบ้านของซาจูนะก็อยู่ใกล้ๆ ไว้ตอนกลับไปเยี่ยมคุณยาย คราวหน้าค่อยแวะไปเอาคืนก็ยังทัน…
+
comment in response to
post
เรย์จิใช้เสียงเบากว่าปกติ แม้จะขมวดคิ้วอยู่ แต่ใบหน้ากลับขึ้นสีแดงจางๆ
เขาค่อยๆ ยื่นมือไปปัดเศษเกลือบนไหล่เสื้อของยูออก พลันสายตาเหลือบไปเห็นจมูกของอีกฝ่ายที่แดงกว่าปกติ
ไปโดนอะไรมาล่ะนั่น… เขาคิดในใจ
comment in response to
post
…แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองดีๆ คนตรงหน้ากลับไม่ใช่สิ่งลี้ลับอย่างที่คิด แต่เป็นเด็กหนุ่มขี้แกล้งที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า ‘ยู’
เรย์จิยืนค้างอยู่ตรงนั้นพักนึง ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมเอามือก่ายหน้าผากตัวเอง เขาขมวดคิ้วมุ่นใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงซ่านจากความอับอายในสิ่งที่ตัวเองเผลอทำลงไปเมื่อครู่…ทั้งเสียงดังในห้องสมุดและเผลอตัวสาดเกลือใส่คนตรงหน้า…อีกแล้ว…
“ทำอะไรของนายเนี่ย ยู!”
+
comment in response to
post
มือข้างหนึ่งค่อยๆ ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะกระชับสิ่งที่เขาพกติดตัวไว้ตลอด ‘ถุงเกลือ’
ยังไม่ทันที่เรย์จิจะตั้งตัว แรงสะกิดเบาๆ จากด้านหลังพร้อมกับเสียงกระซิบข้างใบหูทำให้เขาร้องออกมาเสียงดัง
“เว้ย!!—”
เรย์จิร้องลั่นออกมาอย่างลืมตัว รีบกระชากถุงเกลือออกจากกระเป๋าก่อนจะสาดมันออกไปตามสัญชาตญาณ
+
comment in response to
post
จู่ๆ เรย์จิก็รู้สึกเสียววาบไปทั้งสันหลัง ไอเย็นแผ่กระจายมาจากด้านหลัง ราวกับมีใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา เรย์จิได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่หน้าชั้นหนังสือ
เสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลังพร้อมเงาดำบางอย่างเคลื่อนใกล้เข้ามาทีละนิด
หัวใจเรย์จิเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมานอกอก เขากลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
+
comment in response to
post
ก่อนเรย์จิจะเคลื่อนมือกระแทกหนังสือเล่มเดิมกลับเข้าที่โดยอัตโนมัติด้วยแรงทั้งหมด จนได้ยินเสียงออกมาดัง ‘ปั๊ก!’
เขายืนนิ่งตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่งเพื่อปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พร้อมเหงื่อเย็นที่ไหลซึมตามกรอบหน้าเล็กน้อย
“…ตะ…ตาฝาดแน่ๆ…”
เรย์จิพูดกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา
comment in response to
post
ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น จ้องตรงมาที่เขาชวนให้ขนลุก
เรย์จิชะงักไปในทันที ใบหน้าแข็งค้างพร้อมดวงตาที่เบิกขึ้นเล็กน้อย ราวกับร่างถูกตรึงไว้ด้วยสายตาประหลาดนั้น ห้องสมุดที่เงียบสนิทกลับให้ความรู้สึกอึดอัดชวนน่าขนลุก
หัวใจเขาเต้นระรัวในอก ขนทั่วร่างลุกชัน ขณะที่เขามองกลับไปยังช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือนั้น เสียงหายใจของตัวเองดังชัดขึ้นในหัว
+
comment in response to
post
สายตาเขาเหลือบไปมองฝูงชนรอบตัวที่ดูเหมือนจะหนาแน่นขึ้น เสียงหัวเราะ เสียงฝีเท้าและเสียงโคมกระทบกันเบาๆ ดังคลออยู่รอบทิศ ทางเดินแคบลงเรื่อยๆ จากผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาและคงยากที่จะไม่หลงกันในบรรยากาศเช่นนี้
เขาลังเลเพียงชั่วครู่ ก่อนจะยื่นมือออกไป แทนที่จะจับมือนั้น เขากลับเลือกที่จะจับชายแขนเสื้อยูกาตะของคนโนะเซมไปไว้เบาๆ แทน
“ครับ…ไปกันเถอะ คนโนะเซมไปนำเลยครับ”
comment in response to
post
เมื่อถูกจับได้ตรงๆ ว่ากำลังเขินอยู่ เรย์จิก็ตาโตขึ้นเล็กน้อย เขารีบสะบัดหน้าไปอีกทาง พลางยกมือขึ้นมาบังโดยอัตโนมัติ สีหน้าแดงซ่านยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่ออยู่ใต้แสงโคมกระดาษที่ไหวไปกับลม
“ข-เขินอะไรกันครับ! อากาศมันร้อนเท่านั้นแหละ!”
แต่แล้วเรย์จิก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นมือของอีกฝ่ายที่ยื่นมาตรงหน้าชวนให้ประหม่า
+
comment in response to
post
“จับแขนเสื้อผมเอาไว้นะครับ…จะได้ไม่หลง”
เขาพูดทั้งที่หน้าร้อนผ่าว หูแดงระเรื่อจนเกือบจะกลืนไปกับแสงโคมแดงรอบตัว แต่ก็ยังคงพยายามรักษาสีหน้าเรียบเฉยไว้ แม้ในใจจะว้าวุ่นยิ่งกว่างานเทศกาลตรงหน้าเสียอีก
comment in response to
post
ฝูงชนยังคงเคลื่อนตัวอย่างต่อเนื่อง แสงจากโคมไฟกระดาษสาดลงมากระทบเงาใบหน้าของคนทั้งคู่ บรรยากาศค่อยๆ กลายเป็นฉากในความทรงจำที่ดูน่าอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด
แต่ในสถานที่ที่แออัดแบบนี้ การจะเดินไปด้วยกันโดยไม่พลัดหลงคงไม่ใช่เรื่องง่าย เรย์จิเกิดความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจยื่นแขนไปด้านหลังโดยไม่หันกลับไปมองอีกฝ่าย
+
comment in response to
post
เขาเริ่มมองหาต้นไผ่ที่ยังพอมีที่ว่างและคนไม่เยอะมากท่ามกลางฝูงชน เรย์จิใช้ความสูงของตัวเองกวาดตามองข้ามฝูงชนที่เดินขวักไขว่ เขาก็พบพื้นที่ว่างจุดหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีพื้นที่ให้แขวนอยู่
“ตรงนั้นน่าจะมีที่ให้ผูกอยู่นะครับ”
เขาหันกลับไปบอกอีกฝ่าย พร้อมชี้นิ้วไปยังจุดที่หมาย
+
comment in response to
post
เรย์จิจะเงยหน้ามองรอบข้าง เสียงพูดคุยจอแจและเสียงหัวเราะ คนเริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมานิดหน่อยแต่ไม่ได้เอ่ยมันออกไป
ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นอีกฝ่ายกำลังก้มลงขีดเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษ เรย์จิแอบชำเลืองมองเพียงนิด ก่อนจะรีบเสหน้าไปทางอื่นราวกับกลัวว่าตัวเองจะเผลออ่านสิ่งที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้น แต่ไม่นานเสียงใสก็ดังขึ้น ชวนเขาไปผูกทังซาคุด้วยกัน
“เอาสิ”
+
comment in response to
post
“บ้านก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง จะกลัวทำไมล่ะครับ”
เรย์จิเอ่ยเสียงเบาพยายามทำให้ตัวเองดูปกติที่สุด แต่รอยแดงระเรื่อที่อยู่บนใบหน้าและปลายหูของเขากลับเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเจ้าตัวเองก็ยังคงประหม่าไม่หาย เขายกมือขึ้นลูบท้ายทอยเล็กน้อยอย่างเก้อเขิน แต่ดวงตากลับมองคนตรงหน้าอย่างพึงใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับเสื้อนอกของเขาไปคลุมไว้แต่โดยดี
+
comment in response to
post
(เป่าให้ขนาดนี้หายแล้วกั๊บ😭)
comment in response to
post
(😨)
comment in response to
post
(ขนาดนั้นเลยนะ52552525)
comment in response to
post
ใบหน้าขาวขึ้นสีจางๆ ขณะเอ่ยประโยคต่อไปด้วยท่าทีเก้อเขิน
“คนโนะเซมไป…สนใจไปเดินเล่นในงานด้วยกันหน่อยมั้ยครับ?”
comment in response to
post
“คิดว่าคงจะเดินเล่นอีกรอบก่อนกลับครับ…”
เรย์จิยืนคิดพักนึงก่อนจะตอบอีกฝ่ายไป เขาไม่ค่อยถนัดกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนและเสียงจอแจนัก จริงๆ แล้วหลังจากแขวนทังซาคุเสร็จ ก็ตั้งใจว่าจะกลับหอโดยไม่แวะที่ไหนอีก
แต่ในเมื่อได้เจอกับรุ่นพี่ที่รู้จักโดยบังเอิญแบบนี้…
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับกำลังรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดมันออกมา
[+]
comment in response to
post
เร็วกว่าความคิด เขาถอดเสื้อนอกของตัวเองออก แล้วค่อยๆ คลุมให้อีกฝ่าย
“ผมก็แค่…ร้อนเท่านั้นแหละ”
comment in response to
post
สายลมยามดึกพัดผ่านเบาๆ ทำให้เส้นผมของอีกฝ่ายพลิ้วไหวไปตามแรงลม แสงโคมไฟสีส้มที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ ฉายแสงเรืองรองตกกระทบลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายที่ประดับรอยยิ้มอยู่ ยิ่งขลับให้อีกฝ่ายดูดีขึ้นไปอีกในค่ำคืนนี้
แต่ว่า…กระโปรงมันไม่สั้นไปหน่อยหรอ…
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสายตากวาดลงไปเห็นชายกระโปรงที่สั้นกว่าที่ควรจะเป็น…
[+]
comment in response to
post
ยิ่งระยะห่างระหว่างกันลดลง อาการประหม่าก็ยิ่งชัดเจน ใบหน้ากับใบหูเริ่มขึ้นสีระเรื่อจางๆ อย่างห้ามไม่อยู่
“ก็— เรื่องสุขภาพ อะไรแบบนั้นน่ะครับ…”
เขาเอ่ยเสียงเบา พลางเบือนสายตาหลบเลี่ยงราวกับพยายามปิดบังข้อความที่เขียนไว้บนทังซาคุแผ่นนั้น ข้อความที่เขายังไม่อยากให้ใครล่วงรู้
แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดถึงคำอธิษฐาน เรย์จิหันกลับมาสบตากับอีกฝ่ายเข้า เรย์จิพึ่งสังเกตอีกฝ่ายดีๆ
[+]
comment in response to
post
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เรย์จิแอบรู้สึกโหวงๆ ในใจอย่างประหลาด เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านี่อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่ฮารุมะเซมไปจะได้มาเดินชมเทศกาลทานาบาตะแล้ว
เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นพร้อมเอ่ยคำชวน ใบหน้าของเรย์จิดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด แววตาหลบเลี่ยงไม่กล้าสบกับอีกฝ่ายและใบหูที่ซ่อนอยู่ใต้เรือนผมก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“ฮารุมะเซมไป…สนใจไปแขวนทังซาคุด้วยกันมั้ยครับ?..”