Profile avatar
thk-shiruha.bsky.social
มิซุคุระ ชิรุฮะ 水闇 紫流葉 | Y.2 | 16 Yrs | 162/50 ชมรมจัดดอกไม้ #THK_COMMU | h : @thkyui.bsky.social I: @thk-arato.bsky.social | โค ทักได้เสมอนะคะ | คาร์กลัวการผูกพัน พูดจาแปลก ๆ(?) ไม่สบายใจทักได้นะคะ 😭😭💖 Doc : https://bit.ly/4l0GTUe
313 posts 676 followers 714 following
Regular Contributor
Active Commenter
comment in response to post
(ขออนุญาตปักไว้ก่อนนะคะ ✨)
comment in response to post
(เธอก็น่ารักอ่ะ! /มุ้บเหม่ง รอไปเที่ยวต่อเลยเนี่ย ไม่ให้พักหรอก อุฮี่ ๆ 😔🫶🏻💖)
comment in response to post
(งั้นเค้าให้รูทนี้จบเลยนะ ! ปล่อยเด็ก ๆ ไปกิงหนม 😭💖 ขอบคุณที่เล่นด้วยกันนะคะ น่ารักกันมาก เค้าชอบชะมัด เกาะหนึบคุณ 😍🫵🏻)
comment in response to post
“ไม่เลย…แค่ได้ยินเสียงฝีเท้า เธอก็กลับมาพอดีแล้ว” น้ำเสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อยคล้ายจะเอ็นดู “ไปกันเถอะ” แล้วก็เดินเคียงข้างกันเหมือนเดิม ไม่มีใครพูดถึงเงาในห้องน้ำ หรือเสียงฝีเท้าที่ไม่ควรจะมี พอแสงแดดยามเย็นกระทบข้างแก้ม ชิรุฮะก็หลุบตามองพื้นเบา ๆ อุ่นดี… เธอคิดแบบนั้น ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนข้างตัวอีกครั้ง บางที แค่มีคนที่เดินไปด้วยกันได้แบบนี้… ก็อาจไม่ต้องกลัวอะไรนักหรอก
comment in response to post
คล้ายจะพูดต่อ แต่กลับเปลี่ยนใจ หญิงสาวสูดลมหายใจสั้น ๆ แทน “อยากเดินเล่นด้วยกันไหม” เพราะเราอยู่ตรงนี้มานานเกินไปแล้ว หรือไม่อยากคุยเรื่องนั้นสักพักกัน? “แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ“ เธอว่าแบบนั้น และยิ้มให้เขาไป
comment in response to post
ชิรุฮะส่ายหน้าไปมา “สร้างใหม่ได้ แต่ก็แทนของเดิมไม่ได้นี่ ฉันไม่ชอบเรื่องที่หลุดมือไปเท่าไหร่น่ะ” “เคย์จังเคยกลัวอะไรแบบนั้นไหม?” เธอหลับตาลงขณะพูด เหมือนตั้งใจจะปิดประตูความลังเลระหว่างนั้นให้เงียบลงเพียงชั่วครู่ “กลัวว่าถ้ารู้เรื่องหนึ่งขึ้นมาแล้ว ชีวิตจะไม่เหมือนเดิมอีก” +
comment in response to post
เป็นบทสนทนาที่ดู ‘ธรรมดา‘ หมือนต้องการลากความสนใจกลับมาสู่เรื่องที่เบากว่า หรืออาจแค่ยืนยันว่า ‘ทุกอย่างยังเหมือนเดิม’ เธอเลื่อนสายตากลับมาคุณ ลมเย็นบางเบาจากช่องระบายอากาศวันนี้ดูพัดลงมาใกล้เกินกว่าที่ควรเป็น เธอไม่ได้พูดอะไร แค่ขยับถอยเล็กน้อย มาพิงผนังด้านข้างของซิงก์แทน “งั้น—ฉันรอแถวนี้นะ”
comment in response to post
“อือ เข้าใจแล้ว” ขณะมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้ดูสะอาดเอี่ยมเหมือนเดิม ท่าทางกระตือรือร้นกลับมาแล้ว ทำให้เธอรู้สึกเบาใจขึ้นอย่างประหลาด จนกระทั่งอีกฝ่ายเตรียมจะหมุนตัวกลับเข้าไปเปลี่ยนชุด เสียงของเธอก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา “ถ้าให้เลือกระหว่างไทยากิกับไดฟุกุ…” เธอเว้นช่วงไว้เล็กน้อย ยกปลายนิ้วแตะคาง ราวกับกำลังคิดจริงจัง “ไดฟุกุของร้านนั้น ไส้ถั่วแดงเค็มหวานพอดีเลยนะ” +
comment in response to post
“อากิซึกิซัง…หาบัตรตัวเองเจอแล้วรึยังนะ?” เจ้าตัวลอบมองรอยยิ้มของเขาอีกครั้ง มันดูอบอุ่นกว่าที่ควรจะได้รับจากคนแปลกหน้าหรือเปล่า . . ไม่หรอก คงจะปกติล่ะมั้ง—?
comment in response to post
“มิซุคุระ ชิรุฮะค่ะ” เธอตอบหลังจากเว้นช่วงสั้น ๆ น้ำเสียงไม่แข็ง แต่ก็ไม่ถึงกับอ่อนโยน เป็นจังหวะของคนที่ยังไม่แน่ใจว่าควรวางใจหรือไม่ “เมื่อกี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังทำหน้าตาแบบไหนตอนเอื้อมไปหยิบน่ะค่ะ” “แต่ก็…ไม่ได้ตั้งใจจะให้ใครต้องเป็นห่วงหรอก” คำพูดเหมือนพยายามปกป้องตัวเอง ทั้งที่จริงก็รู้ดี ว่าถ้าเขาไม่ทัก อาจจะยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นก็ได้ +
comment in response to post
ชิรุฮะยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ ไม่ถามอะไร แค่ยืนฟังเสียงน้ำไหลจากก๊อกห้องน้ำที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ และเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายที่สะท้อนกลับมาในห้องที่ไม่ใหญ่ไปกว่านี้ “อยากทานอะไรเหรอ—ไปด้วยกันดีไหม” ถามน้อย ๆ ตามน้ำไป เธอช่างสังเกตนะ การพูดถึงสิ่งที่อยากทานฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่น้ำเสียงที่แฝงความกระตือรือร้นนั้น บ่งบอกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แค่พูดเพียงเพื่อเติมบทสนทนาแน่ ๆ
comment in response to post
“ขอโทษ…“ เธอพูดขึ้นมา ตอนที่รู้ว่ากำลังทำตัวไม่ดี เพราะอะไรล่ะ? ถึงต้อง ‘ออก’ ไป ทั้งที่จำอะไรไม่ได้เลยแท้ ๆ หรือเพราะเธอเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นจริง ๆ กระดาษในมือถูกกำจนยับไปหมด “ถ้าแบบนั้น เราสองคนก็เคยเจอกันจริงด้วย” ที่ผ่านมาเขาไม่ได้แกล้งนี่เอง “ตอนนั้น—เราสนิทกันไหม?” ”แล้วใครทักก่อน จำได้รึเปล่า…“
comment in response to post
เธอชะงักเท้าเพียงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียก มองทิศที่คุณมองเมื่อครู่— ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น มีแค่ลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านหลังใบหูอย่างไร้ทิศทาง เหมือนกำลังเตือนบางอย่างที่ไม่มีใครพูดถึง “…มีอะไรเหรอ?” เธอถาม และเงียบไป ขยับมายืนเคียงกันอย่างเป็นธรรมชาติ ท่าทางไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่คล้ายกับเธอกำลังฟังบางอย่างที่คนอื่นไม่ได้ยิน
comment in response to post
“จะให้ฉันเป็นคนเลือกทางเองอยู่ดี ก็ไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มหรอก” รู้ตัวว่ากำลังจะพาลมั่วซั่ว ไม่ได้เป็นบ่อยครั้งหรอกนะ ก็แค่…นิสัยเสียขึ้นมาชั่วขณะ กับความกดดันที่เจ้าตัวไม่ค่อยถนัดรับมือสักเท่าไหร่
comment in response to post
“สำหรับเคย์จัง…เรื่องพวกนั้นคงไม่ได้สำคัญอะไรหรอกมั้ง?“ ”ฉันจะจำได้หรือไม่ จะหายไปนานแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องที่กระทบอะไรเคย์จังอยู่ดี” เธอเองก็ขยับถอยออกมา คล้ายกับคนกำลังจะหนีหลบเข้าร่มเงาที่ปลอดภัยของตัวเองอีกครั้ง “ถ้าเคย์จังจะอยู่เพื่อเล่าทุกอย่างให้ฟัง ฉันก็จะฟัง แต่ถ้า—“ +
comment in response to post
“งั้นเหรอ…” เธอพยักหน้าเบา ๆ พลางปรายตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย สีหน้าไม่ได้แปลกใจแต่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้นกว่าเดิม “เหมาะดีนะ—รุ่นพี่แบบเธอน่ะ” คำพูดอาจดูเหมือนธรรมดา แต่ถ้าเป็นชิรุฮะที่ไม่ค่อยพูดอะไรง่าย ๆ ก็ถือว่าเธอรู้สึกจากใจจริงล่ะนะ “ตอนมองจากข้าง ๆ สนาม ก็เห็นนะ ว่าตั้งใจแค่ไหน ทุกคนคงคิดแบบนั้นด้วย“
comment in response to post
“เขียนจดหมายน่ะ…ถึงเวลาที่ต้องเขียนแล้ว” “เขาฟังเก่งมากเลยนะ ~“ เธอระบายยิ้มออกมาบาง ๆ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดเป็นความลับสักหน่อย “ทำไมเหรอคะ อยากมาด้วยกันเหรอ…?” ว่าไปนั่น— ก็แค่ลองถามดู เห็นว่าคุณดูคิดอะไรสักอย่างอยู่น่ะ
comment in response to post
“คิริซาเมะคุงจะไปไหนต่อเหรอคะ? ถ้าไม่รีบ อยากอยู่ด้วยกันต่ออีกสักหน่อยไหม” “บางทีถ้าได้ใช้เวลาด้วยกันบ้าง อาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะ?” เพราะชอบสังเกต เลยมักจะเห็น สีหน้าที่ตื่นกลัวบางครั้ง…เวลาเรามักเจอกันในที่ต่าง ๆ เพราะฉันเหรอ…?
comment in response to post
“งั้นเหรอ” เสียงเธอลดลงเล็กน้อย เหมือนกำลังย่อยคำพูดของเขาอยู่ สายตายังคงจับจ้องอีกฝ่าย พอเขาหลบตา ก็อดยิ้มบาง ๆ ไม่ได้ “ขอบคุณนะคะ ที่พูดแบบนั้น” อาจจะไม่ใช่คำที่เปลี่ยนโลก แต่ก็เป็นคำเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเอง ‘อยู่ตรงนี้’ จริง ๆ เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ปลายนิ้วลูบบัตรนักเรียนในมือเบา ๆ +
comment in response to post
(แค่ลูบหัวเปงรางวัล ก้กลับมาอย่างปลอดภัยแย้วววว แบ้ก ๆ 🥺💖🌸)
comment in response to post
เสียงฝีเท้าเคียงกันในถนนเปียกสะท้อนเสียงเบา ๆ เหมือนโน้ตเดี่ยวสองตัวที่เพิ่งเริ่มจะหาจังหวะเข้ากัน “ขอโทษนะ ที่ชวนเธอเดินมาด้วย แต่ดันไม่มีปลายทางให้เลย…” “ฉันชื่อชิรุฮะนะคะ เผื่อเธอจะอยากรู้ชื่อคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ อยู่” ดวงตาเธอมองไปข้างหน้า แต่เสียงนั้นนิ่งพอจะฟังเหมือนคำถามกลับไป ‘แล้วคุณล่ะ?‘
comment in response to post
เธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองแสงเงาที่หายไปจากใบหน้าอีกฝ่าย เผยให้เห็นภาพที่เหมือนซ่อนไว้มานาน และงดงามกว่าที่จินตนาการเคยสร้างไว้ “ดีจังนะ ที่ฝนยอมไปในที่สุด” “ไปกันเถอะ“ แม้จะคาใจ ‘มัน‘ ที่คุณว่าก็เถอะ… คนที่เดินลำพังมานาน บางทีก็ลืมทางกลับบ้านเหมือนกัน ก้าวแรกผ่านไปแล้ว แต่บทสนทนายังไม่เกิด +
comment in response to post
“ถ้าฉันมีชิ้นส่วนที่หายไปจริง ๆ แล้วมันไม่ควรจำ“ ”เคย์จังยังจะอยากให้ฉันจำมันอยู่ไหม?”
comment in response to post
แววตาคู่นั้น ใกล้ซะจนเห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่ข้างใน ทั้งคำพูด ท่าทาง เหมือนเขากำลังบีบความเงียบให้แน่นขึ้น “อย่าพูดแบบนั้นนะ คำใบ้อะไรกัน” จี้ใจดำชะมัด “ถ้ามันหายไปจริง ๆ ล่ะ…” เธอไม่ขยับหนี แม้หัวใจจะเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก แม้จะไม่แน่ใจว่าความจริงที่อยู่ปลายคำถามนั้น จะทำให้อยากหายตัวไปหรือเปล่า +
comment in response to post
“อือ งั้น…ไปกันเถอะ” เธอดูสับสน ก่อนที่จะเดินออกไปด้วยกัน ไปยังที่ ๆ แสงไฟยังส่องถึง แต่ก็พอให้รู้สึกได้ว่าโลกเล็กลงเหลือแค่สองคน ทุกก้าว หัวใจยิ่งเต้นแรง ไม่ใช่แบบที่อ่านในนิยายรักหรือบทสารภาพใจ ไม่อ่อนหวาน ไม่อบอุ่น แต่เป็นแบบคนที่กลัวจะได้ยินคำตอบที่ไม่อยากรู้ พวกเขาหยุดที่ม้านั่งตัวนึง ใต้ต้นไผ่ที่ยังมีทังซะกุห้อยอยู่ประปราย เรานั่งลงตรงนั้น เธอเหลือบมองคุณ และไม่ได้พูดอะไรออกไป
comment in response to post
“ไม่เห็นเข้าใจเลย ฉันอยู่ที่นาโกย่าตั้งแต่เกิด—พ่อแม่ก็บอกแบบนั้นตลอด” “เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม นาโอโตะคุง” “เธอจะบอกฉันใช่ไหม” ประโยคนั้นค่อย ๆ หลุดออกมา ไม่ดัง แต่หนักแน่น และจริงจังกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เธอพูดเรื่องนี้ และพูดมากขนาดนี้กับเขาเลยก็ว่าได้
comment in response to post
คำพูดของเขาฟังดูง่าย ง่ายจนเหมือนไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่ติดค้างอยู่ในใจเธอมานาน เธอควรจะยิ้ม—ตอบว่า “ไม่เป็นไร” แล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อนเหมือน‘ทุกครั้ง’ที่ผ่านมา เพราะยังไง…มันก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ใช่ไหมนะ? “อื้อ ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก ก็แค่…” +
comment in response to post
“ถ้าจะขอ ก็ขอของตัวเองสิคะ” เธอพูด พลางเอื้อมมือหยิบปากกาอีกแท่งส่งให้ “เขียนให้ดีนะคะ อย่าแขวนกระดาษเปล่าเชียว”