nogami-kmi.bsky.social
โทโฮ โนกามิ (โทโฮเซนเซย์)
อาจารย์ทฤษฎีศิลป์ | อดีตศัลยแพทย์ | 3-F | 40
http://bit.ly/4eS8qnq (ใบโคอยู่ท้ายดอค/แจมโรลเก่าๆที่เปิดไว้ย้อนหลังได้ตลอด)
1,774 posts
752 followers
828 following
Active Commenter
comment in response to
post
“ไว้พบกันที่ห้องพิจารณาคดี” แต่วันนั้นยูริคงจะยุ่งน่าดูจนไม่ทันสังเกตเห็นเขา
สิบเก้านาทีครึ่ง นั่นคือเวลาที่ใช้ไปจนถึงพยางค์สุดท้าย ไม่มีคำพูดใดตามมาอีกจนกระทั่งโนกามิเดินออกไปจากห้อง
comment in response to
post
ร่างที่ขยับอยู่ด้านหลังทั้งฟากของเขาและยูริเป็นคำเตือนว่าเวลาเยี่ยมใกล้หมดลง 20นาทีกำลังจะผ่านไปแล้ว
“แต่ผมเชื่อเธอนะ ยูริคุง เชื่อว่าเธอจะได้รับในสิ่งที่เธอควรได้รับ”
เป็นคำกล่าวสุดท้ายที่โนกามิเตรียมมาตั้งแต่แรก มันเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ เพื่อพูดประโยคนี้—และเช่นเคย เขาไม่ได้ระบุว่าความเชื่อนั้นเจาะจงความหมายถึง ‘บทลงโทษ’ หรือ ‘อิสรภาพ’ กันแน่
+
comment in response to
post
เป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องนี้ที่กล้ามเนื้อบนริมฝีปากของโนกามิขยับเล็กน้อย(หากไม่นับตอนที่พูด) มันเกิดขึ้นหลังความรู้สึกชนิดหนึ่งถูกระบุออกมาอย่างตรงไปตรงมา แต่มันคงอยู่นอกเหนือการมองเห็นของคนที่เงยหน้าขึ้นไปด้านบนเสียก่อน
“นี่แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากกระบวนการในชั้นศาลนั่นคงเป็นทัศนศึกษาที่แท้จริง”
+
comment in response to
post
“อีกอย่าง ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เธอมีสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดตามกฎหมาย"
"—ด้วยหลักการนั้น ตอนนี้ผมไม่ได้กำลังคุยกับอาชญากรอยู่นะครับ”
comment in response to
post
“อย่างที่บอกว่าผมใช้เวลาคิดทบทวนอยู่สักพักก่อนมาที่นี่ และทุกอย่างที่ได้แสดงออกไปในห้องนี้ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว เธอไม่ต้องห่วงผมหรอก”
เพราะเขายืนนิ่งมาตลอด ไม่ได้แสดงความเอนเอียงทางความคิดส่วนตัวเกี่ยวกับรูปคดีออกมา ไม่มีคำตัดสินจากปากโนกามิสักครั้งว่าเขาคิดว่ายูริ ‘ทำ’ หรือ ‘ไม่ได้ทำ’ มากที่สุดแค่ความห่วงใยเรื่องสุขภาพตามหลักสิทธิมนุษยชนเท่านั้น
+
comment in response to
post
โนกามิไม่ได้ละสายตาจากอีกฝ่ายตอนที่ต่อประโยคให้จบแม้ยูริจะหลุบตาลงต่ำ ภาษากายนั้นมีความหมายเช่นไร เขาไม่ได้พยายามจะอ่านมัน แต่มันอยู่ใต้การสังเกตของเขาทั้งหมด
“ดูแลตัวเองหน่อยนะ ผมเอาดอกลิลลี่เข้ามาให้ที่นี่ไม่ได้”
comment in response to
post
“ไม่ใช่ในฐานะหมอเพราะเธอมีหมอคอยตรวจสุขภาพตอนอยู่ที่นี่อยู่แล้ว และเธอคงต้องลองปรึกษารายละเอียดเรื่องยากับหมอที่ดูแลเธอดูอีกที มันอาจจะออกฤทธิ์ไปตีกับยาที่เทคอยู่”
เช่น ส่งผลกระทบต่อการหลั่งเซโรโทนินที่มาจากฤทธิ์ยากลุ่มจิตเวช—เขาไม่ใช่แพทย์เจ้าของไข้ ไม่รู้หรอกว่ายูริใช้ยาอะไรบ้าง
“..แต่คงจะเป็นฐานะสหายคนหนึ่งที่หวังดีต่อเธอ”
+
comment in response to
post
ไซโปรเฮปทาดีนเป็นตัวอย่างความรู้ที่เขาว่า มันเป็นวิธีหนึ่งที่ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ในวงการแพทย์จึงยังไม่ค่อยแพร่หลายนัก มีแค่การบอกปากต่อปากจากอาจารย์อายุรกรรม
และคำแนะนำเรื่องยาดูเหมือนการบอกอ้อม ๆ ว่าเขาไม่เชื่อในคำว่า ‘ทานตามปกติ’ ของยูริ
comment in response to
post
“ผมชอบความรู้ของเขา”
โนกามิตอบอย่างไม่ปิดบัง ฮาซามะ คิคุจิมีส่วนในความรู้อย่างที่ประกอบเป็นตัวเขาในปัจจุบัน และโนกามิระบุหมวดหมู่ความชอบของตนเองไว้ชัดเจนในคำตอบ
“ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะหามันได้จากในนี้ไหม แต่เวลาคนไข้มีปัญหากับความอยากอาหาร ทางอายุรกรรมจะชอบให้ไซโปรเฮปทาดีน”
+
comment in response to
post
โนกามิมองใบหน้าที่ซูบตอบลงของยูริ แม้อีกฝ่ายจะเป็นชายหนุ่มร่างผอมอยู่แต่เดิม แต่ความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าก็แสดงออกมาชัดเจน
“เธอดูซูบลงนิดหน่อย” ที่จริงก็ไม่นิด “ถึงจะไม่อยากอาหารแต่ก็ทานสักหน่อยนะครับ”
comment in response to
post
“ดอกรักเร่ถูกเอาออกเป็นดอกถัดไปด้วยหลายเหตุผล เช่น ห้องผมมีสีแดงมากพอแล้ว หรือความหมายของมัน—ความรุ่งโรจน์—ไม่ใช่สิ่งที่ผมให้ความสนใจในตอนนี้ และดอกไม้ดอกนั้นก็ดูจะไกลตัวผมไปสักหน่อย”
เมื่อตัดตัวเลือกอื่นออกคำเฉลยก็อยู่ตรงนั้นเอง กลีบดอกไม้สีม่วงที่ก่อรูปขึ้นมาแทนคำขอโทษ เขาวางประดับไว้ในห้องตนเอง
“ต้องขอบคุณสารานุกรมภาษาดอกไม้ ผมได้เรียนรู้อะไรเพิ่มอีกเยอะเลย”
+
comment in response to
post
“ผมตัดดอกลิลลี่ออกไปเป็นอย่างแรกเพราะที่นี่ยังไม่ใช่สุสานของเธอ จนกว่าจะถูกตัดสินโทษประหารหรือจำคุกตลอดชีวิตจนต้องทิ้งชีวิตที่เหลือไว้ที่นี่ และผมหวังว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น”
โนกามิสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปตอนที่ชื่อดอกรักเร่ถูกพูดขึ้นมา เขาคิดว่าตัวเองพอเข้าใจเหตุผลของมันจากจิ๊กซอว์ในหัวที่เพิ่งประกอบเสร็จใหม่ ๆ หลังอ่านรายละเอียดข่าวจบ
+
comment in response to
post
(งอกเลยมั้ย เอยูผู้คุมกับนักโทษ)
comment in response to
post
—และอาจเป็นนิสัยของศิลปินที่ชื่นชอบการมองหาสัญญะแฝงให้กับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเช่นกัน “ในวันเดียวกัน ผมก็เลยไปได้หนังสือสารานุกรมภาษาดอกไม้มาจากห้องสมุด”
สายตาของเขามองตรงไปที่อีกฝ่าย
“น่าเสียดายที่ผมเอามันเข้ามาให้เธอที่นี่ไม่ได้ แต่อยากลองทายดูไหมว่าสุดท้ายผมซื้อดอกอะไรมา”
comment in response to
post
โนกามิดูสงบเยือกเย็นและเป็นระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ได้แสดงออกถึงความห่วงใยผู้ต้องหาที่รู้จักกันอย่างออกนอกหน้า ทั้งยังดูไม่ได้เป็นกังวลกับความเป็นส่วนตัวของบทสนทนา
“ผมนั่งคิดว่าลิลลี่สีขาว ดอกรักเร่สีแดงหรือไฮยาซินธ์จะซื้ออะไรไปประดับที่ห้องดีระหว่างที่ฟังข่าวของเธอในทีวีไปด้วย”
“มันคงเป็นนิสัยเสียของนักวิชาการที่ชอบหาเอกสารประกอบให้ยุ่งยาก” +
comment in response to
post
“ผมตกใจนิดหน่อยตอนได้ยินข่าวครั้งแรกในทีวี แต่คิดว่าไม่ควรหุนหันพลันแล่นกับเรื่องแบบนี้ก็เลยใช้เวลาอยู่สักพักในการคิดทบทวนข้อมูลทั้งหมด—ขอโทษที่มาช้านะครับ”
เสียงของโนกามิลอดผ่านกระจกหนาที่กั้นอยู่ตรงกลาง ‘ผมเรียบไม่กระดิก แต่งตัวเรียบร้อย ขัดรองเท้ามันวับ' คำเดียวกับที่ใช้ที่ใช้บรรยายรูปลักษณ์ของฮาซามะ คิคุจิผู้เป็นบิดาของคนตรงหน้าสามารถใช้กับเขาในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี
+
comment in response to
post
(ยูริคุง ปะป๊ามาแล้ว ยังเป็นเด็กดีอยู่มั้ย🫳)
ก่อนจะเป็นสุสานบ้านทาเนดะที่เขาไปเยี่ยมพวกเขาเคยเป็นใครมาก่อนไม่ได้อยู่ในควมสนใจของโนกามิมากนัก จนกระทั่งในข่าวประกาศนามสกุลคุ้นหูขึ้นมาให้ได้ยิน ผนวกกับเลขปีที่ระบุบนสุสานที่ยังอยู่ในความทรงจำ จิ๊กซอว์จึงถูกปะติดปะต่อเป็นรูปร่างขึ้นมาเอง
เหมือนกลีบดอกไฮยาซินธ์ที่หลุดร่วงอยู่ในมือเขาได้ประกอบใหม่ขึ้นมาเป็นดอกไม้ที่สมบูรณ์
+
comment in response to
post
(ผมชอบเป็นคนคุมความประพฤติคนอื่นมากกว่า แถมได้ยินว่ายูริคุงชอบถูกดุด่าด้วยสินะ งั้นขอเป็นผู้คุมแทนแล้วกัน)
comment in response to
post
(ไว้เดี๋ยวจะตามไปเก็บรูทเยี่ยมผู้ต้องหานะครับ)
comment in response to
post
(ปิดไว้ที่ตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ เป็นการพบปะที่ยาวนานมาก ขอบคุณยูริคุงที่มาทานอาหารด้วยกัน)
comment in response to
post
“ไม่หรอก ผมกำลังจะไปหาซื้อถุงมือยางมาติดไว้ที่บ้านเพราะของเก่ากำลังจะหมดพอดี ก็เลยถือโอกาสมาส่งเธอด้วย”
เขาพูดเหมือนมันเป็นกระดาษชำระในห้องน้ำที่ต้องคอยซื้อมาเติม
“ผมยังไม่มีธุระต้องไปหาคลินิกทันตกรรมในเร็ว ๆ นี้ แต่เราอาจจะได้พบกันโดยบังเอิญอีกในอนาคตเหมือนอย่างหลายครั้งที่ผ่านมา” โนกามิกล่าวทิ้งท้ายพร้อมฝีเท้าที่หยุดเดิน
“ไว้พบกันนะครับ …ในที่ไหนสักที่”
comment in response to
post
“ถ้าเธอมาสารภาพกับผมว่าไม่ได้อาบน้ำมาเจ็ดวันแล้ว ผมอาจลองพิจารณาเรื่องความชอบของตัวเองใหม่”
ฟังดูเหมือนการพูดเล่นที่อาจจะมีความจริงผสมอยู่นิดหน่อยตามประสาคนที่กังวลเรื่องการติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไป
โนกามิเดินไปส่งอีกฝ่ายไม่ถึงซูเปอร์ที่ทั้งคู่พบกันเพราะนั่นดูจะไม่จำเป็น ฮาซามะ ยูริคงไม่ได้อาศัยหลับนอนอยู่ในซูเปอร์(แม้อาจจะมีความเป็นไปได้นิดหน่อย)
+
comment in response to
post
บนเสี้ยวใบหน้าที่ซีกหนึ่งหลบอยู่ใต้เงา กล้ามเนื้อใต้ดวงตายกขึ้นเล็กน้อย
“วงการแพทย์? นั่นก็พอเข้าเค้า หรือไม่ก็นักถักโครเชต์ล่ะเป็นไง” เสียงของโนกามิแสดงความขบขันเล็ก ๆ
“บทสนทนาเรื่องคดีความของเราเรื่อยเปื่อยมาสักพักแล้ว สรุปแล้วสิ่งที่อยากได้จากฉันจนต้องมายืนรอจนเลิกงานคืออะไรเหรอ นักสืบอะโอชิ?”
comment in response to
post
“ในสถานการณ์ที่เวลามีจำกัด สถานที่และอุปกรณ์เองก็มีจำกัด ผู้กนะทำสามารถแสดงฝีเข็มอย่างผู้เชี่ยวชาญออกมาได้ ฉันถึงได้คิดว่านั่นไม่ใช่ความประมาทเลินเล่อของคนทำงานชุ่ยที่ทำเบาะแสตกโดยไม่ตั้งใจ แต่ผู้กระทำจงใจแสดงมันออกมา”
เขารู้สึกถึงสายตาที่มองมาที่ตนแม้ดวงตาของตัวเองจะทอดมองไปทางอื่น ไปยังแสงอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำลงเมื่อราตรีเริ่มคืบคลานเข้าใกล้+
comment in response to
post
โนกามิแย้งขึ้นมา เขาไม่ได้ใส่ความมั่นอกมั่นใจลงไปในน้ำเสียงมากเกินความพอดี เหมือนอย่างนักร้องบนเวทีที่ควบคุมการสื่อสารอารมณ์ผ่านการเปล่งเสียง
—แน่นอน เพราะเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่ได้เห็นสภาพนอกเหนือไปจากข้อมูลที่อีกฝ่ายบอกเล่าผ่านคำพูด ความมั่นใจคงเป็นสิ่งที่อยู่ผิดที่ผิดทางในสถานการณ์นี้หากเขาเผลอทำมันหกร่วงลงไปในข้อสันนิษฐานที่เรียงร้อยจากริมฝีปาก
+
comment in response to
post
“คงเป็นเพราะการแกล้งทำให้เละนั้นง่ายกว่าการแกล้งทำให้เนี้ยบ? แกกำลังตกหลุมพรางอะไรอยู่หรือเปล่า เพราะมีรอยกรีดซ้ำ ๆ ก็เลยปักธงว่านั่นคือความพยาบาทเหรอ..?” เขาว่า
“นักล่ารู้ดีอยู่แกใจว่าตนเองมีทุกอย่างเหนือกว่าเหยื่อและความพยาบาทดูจะไม่ใช่สิ่งจำเป็น เหมือนเสือที่ไม่ได้ล่ากวางเพราะความพยาบาทนั่นแหละ อาจเป็นมุมมองแบบนี้ก็ได้?”
+
comment in response to
post
- ทั้ง2คนเคยสนิทกันตอนเด็ก แต่ไม่ได้ติดต่อกันมากนักเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
- เนเรโอะเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจแรกสุดให้โนกามิวัยเด็กอยากเป็นหมอ
- โนกามิเป็นโอริโอ้ที่มีปริมาณครีมกับบิสกิตพอๆกัน ส่วนเนเรโอะเป็นโอริโอ้ที่มีปริมาณบิสกิตเยอะกว่าครีม
comment in response to
post
เกี่ยวกับเนเรโอะ
- คุณพี่ชายหนวดเฟี้ยวที่แก่กว่าโนกามิ 6 ปี พ่อแม่เดียวกัน
- แยกไปเติบโตที่อิตาลีตั้งแต่เด็กๆก็เลยพูดอิตาลีได้ด้วย
- เคยเป็นตำรวจที่ฟีเรนเซและย้ายไปประจำที่ปาแลร์โม คาดว่าเขาทำคดีเกี่ยวกับแก๊งมาเฟียหรือไม่ก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกนั้นซะเอง
- ชื่อเนเรโอแปลว่าท้องทะเล(อิตาลี) โนกามิแปลว่าทุ่งหญ้า(ญี่ปุ่น)
comment in response to
post
สายตาทอดออกไปด้านหน้า ป้ายซูเปอร์ที่ทั้งคู่พบกันอยู่ห่างออกไปอีกไม่ไกล ก่อนที่มันจะวกกลับมามองคู่สนทนาข้าง ๆ
“และผมก็เคยพูดไปแล้วเมื่อกี้นี้ว่าผมค่อนข้างจะชอบเธอนะ ยูริคุง”
comment in response to
post
และเขาไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินว่าใครที่ดูเข้าข่ายข้อกล่าวหานั้นบ้าง การสอดส่องผู้ต้องสงสัยให้เป็นงานของเจ้าหน้าที่สืบสวน
แล้วไม่นานจากนั้นทางเดินที่คล้อยไปตามแรงโน้มถ่วงโลกก็เปลี่ยนเป็นพื้นราบขนานกับระดับน้ำทะเล พวกเขามาถึงพื้นถนนด้านล่างในที่สุด (ถึงซักที)
“ส่วนเรื่องคนที่ให้ความเคาพ—ที่จริงผมชอบคำว่าเหล่าผู้คนที่ผมชื่นชอบมากกว่า”
+
comment in response to
post
“ฆาตกร.. พวกเขาหน้าตาแบบไหนครับ ต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงจะดูเหมือนฆาตกร? ผมยุ่งหนวดเฟิ้ม? ตาแดงเหมือนเมายา? เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร?” เป็นคำถามที่โนกามิไม่ได้อยู่รอคำตอบ
“ที่จริงแล้วอาจเป็นใครสักคนที่มีหน้ามีตาในสังคม ได้รับการยอมรับและเคารพจากผู้คนจนไม่มีใครคิดว่าคน ๆ นั้นจะไปฆาตกรรมใครเข้าได้ก็ได้ ผมว่าพวกเขาบางคนก็คงจะปะปนอยู่ในสังคมอย่างแนบเนียน?”
+
comment in response to
post
—หรือไม่ก็เป็นสิ่งอื่นที่จริงจังกับมันจนเปลี่ยนเป็นความเคยชิน
“อย่างเช่นนักศึกษาแพทย์ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ที่เผลอสลับสายน้ำเกลือกับสายให้อาหารทางหลอดเลือดจนทำให้คนไข้ถึงแก่ชีวิตน่ะเหรอ ผมรู้จักอยู่หลายคนเลย”
“แล้วเธอเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่าล่ะ”
เอ่ยด้วยเสียงเหมือนกับตอนที่เขาถามว่าอาหารมื้อนี้เป็นอย่างไร—รสชาติตอนที่ได้ควักเอาชีวิตออกจากดวงตาใครสักคนเป็นเช่นไร
comment in response to
post
ไม่ใช่แค่เรื่องศิลปะแต่รายชื่อสารเคมีเองก็มีบันทึกอยู่ในหอสมุดของเขาเช่นกัน หลายต่อหลายครั้งที่มันถูกเปิดอ้างอิงควบคู่ไปกับตำราแพทย์
สีหน้าของโนกามิไม่เปลี่ยนไปในคำพูดสุดท้ายของยูริเกี่ยวกับฆาตกร มีเพียงปลายคางที่ขยับองศาเล็กน้อยราวสายลมที่พัดแผ่วบนผิวน้ำให้พอกระเพื่อมและจางหาย เหมือนกับว่านั่นเป็นคำล้อเล่นไปเรื่อยที่เขาไม่จำเป็นต้องคิดจริงจังกับมัน+
comment in response to
post
“ก็ไม่แน่ หลักฐานในที่เกิดเหตุอาจไม่ได้มาเป็นชิ้นใหญ่ขนาดที่ต้องใช้หลายคนขุด แต่เป็นฟันที่ถูกจงใจวางไว้สักซี่หรือไม่ก็กรามที่ถูกเลาะออกอย่างหมดจดจนเห็นแนวฟันชัดเจนก็ได้ครับ”
กรดกำมะถันคงช่วยทุ่นแรงในเรื่องนี้ได้ มันจะสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อที่เป็นเมือก—โนกามิไม่ได้พูดวิธีการออกไปในครั้งนี้อย่างที่เคยถูกอีกฝ่ายให้ความเห็น
+
comment in response to
post
ไอร้อนระอุอยู่ในปอดเหมือนกำลังถูกเผาไหม้จนชวนให้รู้สึกอึดอัด
ที่ฟากหนึ่งของม่านหมอกสีขาว อีกด้านของผลแอปเปิล นัยน์ตาคู่หนึ่งมองกลับไปที่โซฮาระ มันเป็นสายตาของ ‘นักวิชาการด้านศิลปะ’ ‘อดีตแพทย์’ ‘อาจารย์’ ยศอะไรก็ตามที่โนกามิมักถูกเรียกโดยผู้คนโดยที่ตำแหน่งมากมายของเขาที่ถูกใครต่อใครยกยอไม่มีคำว่า ‘ศิลปิน’ อยู่ในนั้น
“...เขาหรือเธอแค่อยากถูกมองเห็น”
comment in response to
post
หลงเหลืออยู่ในอากาศ ถ้าไม่ใช่จากเขาก็คงมาจากโซฮาระ
“กลับมาที่คดีของแก ...—มากกว่าบอกเล่าความพยาบาทที่ฉาบฉวย ฉันคิดว่าคน ๆ นั้นแสวงหาที่จะแสดงออกถึงตัวตนของตนเองอยู่ต่างหาก ผลงานชิ้นแล้วชิ้นเล่าที่ผลิตขึ้น เขาจงใจทิ้งร่องรอยเอาไว้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง”
ควันสีขาวจากริมฝีปากเหมือนม่านหมอกที่บดบังโนกามิจากสายตาของนักสืบตรงหน้าในชั่วระยะสั้น ๆ +
comment in response to
post
ถูกผลิตซ้ำเป็นจำนวนมากโดยศิลปินคนเดียวกัน”
ภาพวาดที่ว่ากางออกตรงหน้า—ในความนึกคิด—ภาพอ้างอิงเป็นชิ้นเป็นอันคงไม่จำเป็นในเมื่องานพวกนั้นเป็นผลงานมีชื่อเสียง
“พวกเขาเป็นคนเจ้าอารมณ์ที่มีฝีมือร้ายกาจในเรื่องการแสดงออกเกี่ยวกับอารมณ์ของตนเอง”
เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีสำหรับบุหรี่หนึ่งมวน ส่วนปลายบดขยี้เข้ากับแถบคอนกรีตผิวหยาบจนเปลวไฟดวงเล็ก ๆ มอดลง กลิ่นควันยังคง+
comment in response to
post
ราวกับเขาเกลี่ยนิ้วมือไปตามสันหนังสือในหอสมุด หยิบหนังสือหนัก ๆ เล่มหนึ่งที่ว่าด้วยประวัติศาสตร์ศิลป์ขึ้นมาวางตรงหน้าทั้งคู่เสียงดัง ‘ตึง’ ในนั้นบรรจุภาพวาดชื่อดังของศิลปินผู้มีชื่อเสียงเอาไว้ อาจารย์ห้องศิลปะกรีดนิ้วเปิดไปที่หน้าลำดับกลางค่อนท้าย
“กองฟางหรือสะพานวอเตอร์ลูของโมเนต์ ดอกทานตะวันหรือภาพเหมือนตัวเองของแวนโก๊ะ นี่คือตัวอย่างซีรีย์ผลงานที่+
comment in response to
post
“เอาล่ะ ฉันจะพูดถึงมันในฐานะที่แกเรียกการกระทำนั้นว่าเป็นงานของศิลปินล่ะนะ”
โนกามิเกริ่นขึ้นมา ความเห็นโดยส่วนตัวเกี่ยวกับแนวคิดที่ผู้ก่อคดีลงมือและถูกนิยามใหม่เป็นการสร้างงานศิลป์ เขาเก็บความเห็นด้วยหรือเห็นแย้งของตนไว้มิดชิดเหมือนกับใบหน้าหลังผลแอปเปิลสีเขียว
“การกระทำซ้ำของเขา—หรือเธอ—คนนั้น ฉันไม่คิดว่าสิ่งนั้นถูกขับเคลื่อนด้วยความพยาบาทอย่างที่แกว่า รู้ไหมว่าทำไม?”
+
comment in response to
post
(ยูริคุงอุ้มผมวิ่งลงไปหน่อยครับ ผมแก่แล้ว)
comment in response to
post
(ประชุมงานเมื่อคืนเอางานวันนี้ อาจารย์โรงเรียนนี้เค้าทำงานหนักจริงๆ)
comment in response to
post
(คนไทด์แดงแน่ๆ)
comment in response to
post
(บอยแบนด์สุดๆครับ (เฉพาะครึ่งขวา))
comment in response to
post
(ผมค่อนข้างสนใจอยากมีส่วนร่วมกับสิ่งนี้
...แต่โรลเก่า...ยังไม่ได้ต่อให้จบเลยครับ....)
comment in response to
post
(อย่าพูดเหมือนผมวาดทั้งหมดเองเลยครับ ผมแค่คนที่เอามาแปะ ทุกคนก็วาด 1 ตัวเท่ากัน555555 แต่ก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ)
comment in response to
post
(ดอกไม้ให้วางหน้าหลุมหรือฝากไว้กับเรือนจำดีครับ)
comment in response to
post
ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อยครับ
@reikokmi.bsky.social
@syoumakmi.bsky.social
@kmikazuie.bsky.social
@kmi-kuroshinra.bsky.social
@kmi0sasaki.bsky.social
@tenka-kmi.bsky.social
@kmi-shirafune.bsky.social
@hibiki-kmi.bsky.social
@hebishima-kmi.bsky.social